แม่ โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว!”
เมื่อเห็นจ้าวเฟยเฟยปุ๊บ ลี่หุยก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เขาจับมือจ้าวเฟยเฟยเอ่ยพูดเสียงดังด้วยความดีใจ จนยิ้มไม่หุบ
ด้วยความอารมณ์ดีของลี่หุย ทำให้จ้าวเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้าลูกคนนี้นี่ ก็แค่พวกเขาสองคนหย่ากันเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? แม่รู้ว่าลูกอยากให้แม่ได้แต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลนั้น แต่ความเป็นไปได้มันน้อยมาก ยังไงท่านปู่ลี่ก็มีอคติกับแม่มาตลอด เขาไม่มีทางยอมรับแน่นอน”
ได้ยินจ้าวเฟยเฟยพูดอย่างนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าลี่หุยก็ค่อย ๆ หายไป จริงด้วย เขามัวแต่ดีใจ จนลืมคนแก่หัวโบราณอย่างท่านปู่ลี่ไปเลย
เมื่อก่อนเป็นเพราะฐานะลูกนอกสมรสของตัวเอง ทำให้เขาไม่เคยได้รับความสำคัญ และแม้ว่าตอนนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่เจี้ยนหวาหย่าร้างกันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ผมได้ยินมาว่าพ่อมีหุ้นของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่จำนวนหนึ่ง แม่ไปพูดกับพ่อหน่อยสิ หาวิธีให้เขายอมยกหุ้นที่ตัวเองมีอยู่ทั้งหมดให้ผม ถ้าเป็นแบบนี้ตำแหน่งของผมในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็คงได้เลื่อนขึ้นหลายตำแหน่ง และจะสามารถต่อกรกับลี่จุนถิงได้!”
เงียบอยู่สักพักใหญ่ ลี่หุยก็ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ
ได้ยินดังนั้น จ้าวเฟยเฟยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ถึงแม้ว่าลูกมีหุ้นเหล่านั้น ก็ยังน้อยกว่าลี่จุนถิงอยู่ดี!”
“ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย ตอนนี้ลี่จุนถิงไม่อยู่ เป็นโอกาสดีที่ผมจะได้หาคนมาเป็นพวก มีหุ้นพวกนี้แล้ว ถึงเวลาผมค่อยหาวิธีซื้อหุ้นเพิ่มจากคนอื่นสักจำนวนหนึ่ง แค่นี้ก็ได้แล้วไหมล่ะครับ? ฉะนั้นสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือหุ้นเหล่านั้นของพ่อ รู้ไหม?”
ลี่หุยเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าดูมุ่งมั่นทะเยอทะยาน
เห็นท่าทางที่ดูพึงพอใจของลี่หุย จ้าวเฟยเฟยก็รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย เธอพยักหน้าเบา ๆ “ตกลง แม่จะไปคุยกับพ่อเรื่องนี้”
……
ณ คฤหาสน์ตระกูลลี่
“เจี้ยนหวา ฉันได้ยินมาว่าคุณหย่ากับโม่เสี่ยวฮุ่ยแล้วเหรอ? ดีใจกับคุณด้วยจริง ๆ ในที่สุดก็ไม่ต้องทนรองรับอารมณ์ของผู้หญิงคนนั้นแล้ว!” จ้าวเฟยเฟยยิ้มอย่างประจบสอพลอ เอ่ยพูดอย่างสงบนิ่ง
ถึงแม้ลี่เจี้ยนหวาได้หย่าร้างกับโม่เสี่ยวฮุ่ยเรียบร้อยแล้ว และแบ่งหุ้นกันแล้วด้วย แต่เมื่อนึกถึงคำตำหนิพวกนั้นของท่านปู่ลี่ เขาก็รู้สึกไม่พอใจนัก และจ้าวเฟยเฟยดันมาหาเขาในเวลาแบบนี้พอดี ทำให้เขายิ่งรู้สึกวุ่นวายใจมากขึ้นไปอีก
“ใช่ไง ฉันหย่าแล้ว แล้วจะทำไม? อีกอย่าง ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องมาหาฉันที่นี่? ทำไมเธอถึงได้โผล่มาอีก? ตกลงมีธุระอะไรกันแน่ รีบ ๆ พูด พูดจบก็รีบไปซะ!”
ลี่เจี้ยนหวาขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่สบอารมณ์นัก
ท่าทีของลี่เจี้ยนหวาที่แสดงออกมาทำให้จ้าวเฟยเฟยทำอะไรไม่ถูกจนอึ้งไปชั่วขณะ แต่เธอก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็กัดฟันแล้วพูดออกมา : “คืออย่างนี้ หลังจากที่คุณกับผู้หญิงคนนั้นหย่ากันแล้ว ไม่ใช่ว่าได้รับหุ้นจากบริษัทหรอกเหรอ? งั้นคุณก็ยกให้ลี่หุยเถอะ! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะได้ทำอะไรสะดวกขึ้น!”
“อ้อ?” ลี่เจี้ยนหวาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาจ้องจ้าวเฟยเฟยอย่างไม่สบอารมณ์ : “เธอหมายความว่ายังไง? ฉันยังไม่ตายนะ เธอก็เริ่มกังวลเรื่องหุ้นของฉันแล้วเหรอ? ต้องยกให้ลี่หุย? ผู้หญิงอย่างเธอทำไมถึงได้เห็นแก่เงินอย่างนี้! เสียอารมณ์จริง ๆ!”
เห็นลี่เจี้ยนหวาไม่พอใจขึ้นมา จ้าวเฟยเฟยก็ตกใจไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องนี้ต่อไปดีไหม แต่เมื่อนึกถึงที่ลี่หุยกำชับมาเมื่อสักครู่ เธอก็แข็งใจพูดอีกครั้ง “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ตอนแรกคุณไม่ใช่เคยบอกกับฉันเหรอว่าจะเอาหุ้นในส่วนของคุณทั้งหมดยกให้ลี่หุย? หรือว่าตอนนั้นคุณหลอกฉัน?”
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะ? หรือเธอคิดว่าคำพูดของฉันมันไม่มีน้ำหนักพอ เลยไม่เชื่อฉันแล้ว? งั้นถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็รีบไสหัวไปซะ! เห็นหน้าเธอแล้วหงุดหงิด!”
ในชีวิตของลี่เจี้ยนหวาสิ่งที่เกลียดที่สุดคือคนอื่นไม่ให้ความสำคัญตัวเอง ดังนั้นจึงได้ปัดมือไล่ แล้วพูดออกมาด้วยความรำคาญ
จ้าวเฟยเฟยถูกลี่เจี้ยนหวาตะคอกใส่ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เธอจ้องเขม็งลี่เจี้ยนหวา แล้วกระทืบเท้าวิ่งออกไป
ลี่หุยรอฟังข่าวจากจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นจ้าวเฟยเฟยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก็รู้สึกสังหรณ์ใจ จึงรีบเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้างครับ พ่อเขาตอบตกลงไหม?”
“อย่าเอ่ยถึงไอผู้ชายไม่รักษาคำพูดคนนั้น เมื่อกี้แม่พูดกับเขาว่าให้ยกหุ้นของเขาทั้งหมดให้ลูก แต่เขาก็ไม่ยอมตกลง แถมยังด่าแม่เป็นชุด ว่าแม่โลภอยากได้สมบัติของเขา แม่จะพูดอะไรได้อีกล่ะ? สุดท้ายเขาก็ไล่แม่ออกมา แม่ก็เลยกลับมานี่ไงล่ะ?”
จ้าวเฟยเฟยตอนนี้นึกนึกดูแล้วก็โมโหมาก
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าลี่หุยก็ขรึมลง เขาคิดไม่ถึงว่าลี่เจี้ยนหวาจะพูดอย่างนี้ เมื่อนึกถึงท่าทีของลี่เจี้ยนหวาที่เปลี่ยนเร็วขนาดนี้ ในใจเขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “ผมจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง ดูสิว่าเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ ไม่ยกหุ้นให้ผม หรือคิดจะยกให้ลี่จุนถิงเหรอ?”
“ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ลูกก็ระวังคำพูดของตัวเองหน่อยแล้วกัน อย่าไปปะทะกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งไม่ยอมยกหุ้นให้ลูก รู้ไหม?” กลัวว่าลี่หุยจะวู่วาม จ้าวเฟยเฟยจึงรีบกำชับ
“ผมรู้แล้วครับ วางใจเถอะ ก่อนที่จะได้หุ้นมาครอบครอง ผมไม่ทำให้มองหน้ากันไม่ติดหรอก” เมื่อพูดปลอบใจจ้าวเฟยเฟยแล้ว ลี่หุยก็ตรงไปยังคฤหาสน์ลี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
……
ณ ห้องหนังสือ
มองไปยังลี่หุยที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ลี่เจี้ยนหวาก็ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจอย่างเมื่อครู่แล้ว เขายิ้มออกมา แล้วเอ่ยอย่างเรียบ ๆ “ทำไมแกมาถึงนี่ได้ล่ะ ท่าทางไม่พอใจอีกต่างหาก ให้ฉันเดา น่าจะเป็นเพราะแม่แกกลับไปพูดเรื่องเมื่อกี้นี้กับแกใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าลี่เจี้ยนหวามองออกหมดแล้ว ลี่หุยจึงไม่ได้คิดจะอธิบายอะไรอีก เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างเย็นชา “ใช่ครับ วันนี้ที่ผมมาก็แค่อยากถามพ่อ ว่าเมื่อกี้ที่พ่อพูดกับแม่หมายความว่ายังไง หรือว่าพ่อจะเอาหุ้นของตัวเองยกให้ลี่จุนถิง?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว แกก็รู้ แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่ชอบลี่จุนถิง และที่ผ่านมาแกก็ได้ใจฉันมาตลอด หุ้นพวกนั้นฉันต้องให้แกอยู่แล้ว ส่วนลี่จุนถิงน่ะ หุ้นของเขามีมากเกินไปแล้ว อีกทั้งยังไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา ฉันจะยกให้เขาได้ยังไง?”
ลี่เจี้ยนหวายิ้มออกมาเล็กน้อย
ได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของลี่หุยก็ผ่อนคลายขึ้น “แล้วเมื่อกี้ทำไมพ่อพูดแบบนั้นกับแม่ผมล่ะ?”
“ก็เป็นเพราะเรื่องหย่าไงล่ะ ถูกปู่แกด่ามายกใหญ่ เขาไม่ต้องการให้พวกเราหย่ากัน แต่ฉันกลับยืนกรานที่จะหย่าให้ได้ เลยทำให้เขาโกรธ ตอนที่อารมณ์เสียอยู่แม่แกก็ดันมาพอดี ฉันเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ วางใจเถอะ ยังไงฉันก็เข้าข้างพวกแกอยู่แล้ว”
ลี่เจี้ยนหวาตบไหล่ลี่หุยแล้วพูดอย่างยิ้ม ๆ
ได้ยินดังนั้น ลี่หุยจึงพยักหน้าเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดเป็นปมก็ค่อย ๆ คลายออก “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมคงคิดมากเกินไปหน่อย ขอบคุณพ่อมากครับที่เชื่อใจ ผมต้องเอาชนะลี่จุนถิงให้ได้ ต้องคว้าลี่ซื่อกรุ๊ปมาไว้ในมือตัวเองให้ไ