“แกพูดว่าไงนะ?เจ้าลูกโง่!”
ท่านปู่ลี่ตบไปที่โต๊ะอย่างแรง สีหน้าเรียบตึง เอ่ยพูดอย่างโกรธเคือง
ลี่เจี้ยนหวาเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้สนใจ กับอารมณ์โกรธของท่านปู่ลี่
เขาชี้ไปที่โม่เสี่ยวฮุ่ย แล้วพูดด้วยอารมณ์เรียบเฉยไปว่า ““ พ่อ ที่ผ่านมาพวกเราก็เคยคิดเรื่องที่จะหย่ากันมาก่อน หากไม่ใช่เพราะพ่อเอาแต่ห้าม ตอนนี้เราก็คงไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นคนพูดมันขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าผมไม่มีความคิดเห็นอะไร”
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาของลี่เจี้ยนหวามากนัก เพราะในตอนที่เธอพูดเรื่องหย่ากับลี่เจี้ยนหวานั้นเขาก็ตอบตกลงโดยไม่ได้ลังเลมันเลยสักนิด
ในตอนนั้นเธอเองยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่หลังจากผ่านมานานหลายปีเธอก็เริ่มที่จะเข้าใจ และหัวใจเธอก็นิ่งสงบเหมือนสายน้ำมานานแล้ว
“ใช่ค่ะพ่อ ในเมื่อเขาเองก็ยินยอม พ่อก็อย่าห้ามอีกเลย ผ่านมานานหลายปีหนูเองก็ทราบดี พ่อเอ็นดูหนู และช่วยเหลือหนูมาโดยตลอด แต่คราวนี้หนูคิดรอบคอบแล้วจริงๆ หนูต้องการจะหย่า และหวังว่าพ่อจะอนุญาตเช่นกัน ”
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่โม่เสี่ยวฮุ่ยจะไม่แสดงอาการใดๆออกมา มีเพียงพูดแสดงความคิดเห็นอย่างใจเย็นออกไปก็เท่านั้น
ท่านปู่ลี่ขมวดคิ้ว ก็ถอดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาจ้องเขม็งไปที่ลี่เจี้ยนหวาอย่างหัวเสีย และเอ่ยพูดเสียงเรียบไปว่า :“โม่เสี่ยวฮุ่ย ลองคิดทบทวนดูอีกที ต้องการหย่าจริงๆเหรอ ? เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี ฉันรู้ว่าเธอคงทนทุกข์ทรมานมานาน เห็นแก่หน้าของฉัน ให้โอกาสเขาอีกครั้งเถอะ!”
เมื่อได้ยินท่านปู่ลี่ขอร้องมาแบบนี้ หัวใจของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็อ่อนลง กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงเรียบเฉยของลี่เจี้ยนหวาดังขึ้นมา
“พ่อ พ่อไม่ต้องทำแบบนี้ ในเมื่อเธอตัดสินใจจะหย่าแล้ว ผมก็เห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องยื้อมันอีก พ่อก็อนุญาตพวกเราเถอะ ไม่อย่างนั้นเราต่างก็จะยิ่งอึดอัดใจ พ่อเห็นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดไปด้วยไม่ใช่เหรอ ?”
เดิมทีท่านปู่ลี่เห็นว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยคล้ายจะคล้อยตามอยู่บ้างในใจก็เกิดมีความหวังขึ้นมา แต่ก็มาได้ยินคำพูดของลี่เจี้ยนหวา เขาอดไม่ได้ที่จะอยากตบไปที่หน้าของชายหนุ่มสักฉาดสองฉาด :“ไอลูกอกตัญญู พูดอะไรโง่ๆ!ฉันบอกแกไว้เลย หากแกยืนยันจะหย่าก็ไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ !”
นิ่งไปชั่วครู่ เขาก็เอ่ยพูดต่ออีกว่า :“ ยังมีอีก หุ้นที่ฉันรับปากให้สองคนผัวเมียแกจะไม่มีในส่วนของแกอีกต่อไป !แกคิดให้ดีๆแล้วกัน!”
ตอนที่เขาแต่งงาน ของขวัญที่ท่านปู่ลี่มอบให้โม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่เจี้ยนหวาคือหุ้นของบริษัท หากพวกเขาหย่ากันในตอนนี้ หุ้นที่เป็นครึ่งหนึ่งของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็จะตกไปเป็นของลี่จุนถิงโดยปริยาย
บวกกับหุ้นเดิมที่ลี่จุนถิงมีอยู่แล้ว เขาก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่มีปัญหากับเรื่องตรงนี้ เธอมองไปยังลี่เจี้ยนหวาอย่างเย็นชา และเอ่ยพูดอย่างแผ่วเบาไปว่า “พ่อคะ หนูคิดว่าทำตามที่พ่อพูดก็ดีคะ หนูไม่มีความคิดเห็นอะไร แต่ฉันคิดว่าคุณเองก็ไม่น่าจะมีความคิดเห็นอะไรหรอกมั้ง ? เพราะนี่ก็เป็นเรื่องที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่ทีแรก ”
เมื่อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยยิ้มเยาะมาที่ตัวเอง ลี่เจี้ยนหวาก็นิ่งเงียบไป แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในเรื่องนี้เขาเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วเช่นกันหากลี่จุนถิงได้หุ้นมากมายไปขนาดนี้ ผลเสียก็จะมาตกอยู่ที่ลี่หุย
ในระหว่างที่ลังเลนั้น ท่านปู่ลี่มองไปยังลี่เจี้ยนหวาด้วยสายตาที่เย็นชา จากที่พอรู้นิสัยของลูกชายตัวเอง เรื่องเกี่ยวกับหุ้นแบบนี้ เขาไม่ยอมที่จะทิ้งมันไปง่ายๆเป็นแน่
จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบลง ไม่มีใครพูดอะไรสถานการณ์ก็ดูตึงเครียดไปหมด
สุดท้ายเป็นโม่เสี่ยวฮุ่ยที่ทนไม่ไหว เธอกลัวว่าลี่เจี้ยนหวาจะขอประนีประนอม เธอจึงทำลายบรรยากาศที่เงียบนั้นทันที “ขอหนูพูดสักสองสามคำนะคะ คุณพ่อ วันนี้ไม่ว่าคุณพ่อจะพูดอะไรหรือว่าลี่เจี้ยนหวาจะยินยอมหรือไม่ ยังไงหนูก็ต้องการที่จะหย่า หนูจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นยังไงหนูก็จะหย่าค่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านปู่ลี่ก็มองไปที่โม่เสี่ยวฮุ่ย เห็นเธอดูมุ่งมั่นตั้งใจแบบนี้ในใจก็หวั่นๆ เขาไม่คิดว่าคราวนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยจะมีใจที่แน่วแน่แบบนี้ จึงไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
แต่เป็นลี่เจี้ยนหวาเองที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากที่ได้ยินคำพูดของโม่เสี่ยวฮุ่ยไปนั้น ใบหน้าเขาก็เคร่งเครียด พูดอย่างเย็นชาไปว่า :“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ผมก็จะไม่พูดอะไรอีก หย่าก็หย่า !คุณพ่อ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว !”
คำพูดของลี่เจี้ยนหวาทำให้ท่านปู่ลี่ที่กำลังจะพูดให้สถานการณ์นั้นผ่อนคลายก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดนั้นลงคอไป เขาขมวดคิ้ว โบกมือไปมา และถอนหายใจเล็กน้อย:“ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะพูดอะไรได้อีก! พวกแกอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ!ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งแล้ว !”
สุดท้ายก็ได้รับอนุญาตจากท่านปู่ลี่ โม่เสี่ยวฮุ่ยเองก็โล่งใจ เธอพยักหน้าด้วยความเคารพ โดยไม่ได้หันไปมองลี่เจี้ยนหวาที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอหันหลังแล้วก็เดินออกไป
หลังจากโม่เสี่ยวฮุ่ยเดินออกไปแล้ว ท่านปู่ลี่ก็กล่าวตำหนิลี่เจี้ยนหวาทันที และลี่เจี้ยนหวาเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่นิ่งเงียบแล้วน้อมรับมันไว้ทุกอย่าง
สุดท้ายท่านปู่ลี่เองเห็นว่าก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็เลยโบกมือไล่ให้เขาออกไป
ขั้นตอนการหย่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว โม่เสี่ยวฮุ่ยถือใบหย่าในมือ ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย หลังจากผ่านมานานหลายปี เธอรู้สึกปลงตรงกับเรื่องชีวิตคู่ สูดหายใจเข้าลึกๆไปทีหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
เพียงไม่นาน ข่าวการหย่าร้างของโม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่เจี้ยนหวาก็แพร่สะพัดไปทั่วตระกูลลี่ หลังจากที่ลี่จุนซินได้ข่าว เธอกลัวว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยจะคิดมาก จึงได้โทรไปหาโม่เสี่ยวฮุ่ยทันที
โม่เสี่ยวฮุ่ยที่กำลังช้อปปิ้งอยู่ เมื่อเห็นลี่จุนซินโทรเข้ามา เธอก็กดรับสายทันที “ลี่จุนซินว่าไง มีธุระอะไรเหรอ?”
“ได้ยินว่าแม่หย่ากับพ่อแล้วเหรอ ? แม่…… โอเคไหม? ”น้ำเสียงของลี่จุนซินเป็นกังวลไม่น้อย
โม่เสี่ยวฮุ่ยยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอมองดูเสื้อผ้าที่แขวนบนราวผ้า และยิ้มออกมา “ฉันจะเป็นอะไรได้ การหย่าครั้งนี้ฉันเป็นคนเอ่ยปากขอหย่าเอง เพียงแต่ที่ผ่านมาท่านปู่ลี่คอยคัดค้านอยู่ตลอด ก็เลยไม่ได้หย่ากันสักที ครั้งนี้กว่าจะอนุญาตให้หย่ากันได้ ยังไงฉันก็ต้องมีความสุขเป็นธรรมดาอยู่แล้ว !”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มีความสุขของโม่เสี่ยวฮุ่ย ลี่จุนซินก็เบาใจ เธอก็แอบดีใจไปกับโม่เสี่ยวฮุ่ยเหมือนกัน :“แม่ แม้ว่าคนภายนอกจะคิดว่าแม่โง่ แต่ไม่ว่าแม่จะตัดสินใจทำอะไร หนูก็จะสนับสนุนแม่ !”
เมื่อได้รับการยอมรับจากลี่จุนซิน ความรู้สึกของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยิ่งผ่อนคลายลง เธอมองดูเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้า ก็มีความสุขมากขึ้นไปอีก
ในเวลาเดียวกันนั้นจ้าวเฟยเฟยกับลี่หุยก็ได้ข่าวการหย่าร้างของโม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่เจี้ยนหวาเหมือนกัน เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ สิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดในที่สุดก็เป็นจริงสักที ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความสุข
พอรู้ข่าว ลี่หุยก็เดินทางมาหาจ้าวเฟยเฟยทันที เขาเองก็ตื่นเต้นดีใจไม่น้อย ในเมื่อโม่เสี่ยวฮุ่ยหย่ากับลี่เจี้ยนหวาไปแล้ว งั้นแม่ของเขาก็แต่งเข้าไปในบ้านได้แล้วไม่ใช่เหรอ ? ถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่ใช่ลูกนอกสมรสอีกต่อไป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฝีเท้าของเขาก็เร่งเร็วมากขึ้นไปอีก รู้สึกดีใจมากเหมือนจะบินขึ้นฟ้าไปให้ได้ ใบหน้าก็ยิ้มไม่หุบเลยเชียว