ม่นานโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ได้ยินข่าว เธอเดินทางไปที่บริษัทด้วยท่าทีที่ร้อนรน

ทันทีที่ลี่จุนซินกลับเข้ามาที่ห้องทำงานก็เห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยนั่งรออยู่ที่โซฟาด้วยความเป็นกังวลแล้ว เธอรู้สึกประหลาดใจ เดินเข้าไปถามว่า “แม่ มาถึงที่นี่ได้ยังไงคะ ? หรือที่บ้านเกิดอะไรขึ้น ?”

“โอ๊ย ที่บ้านจะเกิดอะไรขึ้นได้ ? ก็เพราะได้ยินว่าบริษัทมีปัญหาลูกค้าพากันยกเลิกสัญญาไปหมด ฉันก็เป็นห่วง ก็เลยรีบมาปรึกษาหาแผนรับมือยังไงล่ะ ? ว่ายังไง ? ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี ? หากเป็นแบบนี้ต่อไป คงยื้อบริษัทเอาไว้ไม่อยู่แน่ !”

โม่เสี่ยวฮุ่ยขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ

เมื่อรู้ถึงจุดประสงค์การมาของโม่เสี่ยวฮุ่ย ลี่จุนซินก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอเอามือกอดอกอยู่หนึ่งพัก แล้วจึงได้เอ่ยพูดไปว่า“เรื่องนี้ลูกกับเจียงหยุนเอ๋อก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน เมื่อกี้เราเพิ่งคุยกัน คงต้องหาคู่ค้ารายใหม่มาร่วมงาน แต่สิ่งที่สำคัญยังไงก็ต้องทำงานที่ยังเหลือยู่ในตอนนี้ให้ออกมาดีที่สุด เพื่อให้คนอื่นเชื่อว่าลูกกับเจียงหยุนเอ๋อมีความสามารถและยังคงมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง !”

เมื่อได้ยินลี่จุนซินเอ่ยพูดถึงเจียงหยุนเอ๋อ ใบหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ดูแปลกไปเล็กน้อย เมื่อกี้ตอนที่เธอมาถึงที่บริษัทในระหว่างทางที่เดินมาที่ห้องทำงานของลี่จุนซินนั้น เธอบังเอิญเห็นเจียงหยุนเอ๋อนั่งหัวโต๊ะอยู่ในห้องประชุม

เมื่อเห็นเธอทำงานหนักเพื่อลี่จุนถิง ในใจของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็รู้สึกหวั่นไหว

ประกอบกับการมองเห็นก่อนหน้า เธอคิดว่าเธอคงต้องมองหญิงสาวในมุมมองใหม่อีกครั้ง

“ฉันรู้ว่าช่วงนี้เจียงหยุนเอ๋อเอาแต่ยุ่งในเรื่องของบริษัท เมื่อก่อนเคยคิดว่าหล่อนไม่เอาไหน แถมยังเป็นตัวถ่วงของลี่จุนถิงอีกต่างหาก วันนี้เห็นภาพหล่อนแบบนี้แล้ว ก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง แต่มันก็ทำให้ฉันรู้จักเจียงหยุนเอ๋อในมุมมองใหม่ อย่างน้อยหล่อนก็ยังทำประโยชน์ในเวลาแบบนี้”

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินโม่เสี่ยวฮุ่ยเอ่ยชมเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนซินเองก็ถึงกับตกใจอยู่ไม่น้อย

แต่แล้วเธอก็ปรับอารมณ์ให้เป็นปรกติ สัมผัสได้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้มีอคติอะไรกับเจียงหยุนเอ๋ออีกต่อไป เธอก็มีความสุข อดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องดีๆของเจียงหยุนเอ๋อให้ฟัง

“ใช่ค่ะ เมื่อก่อนลูกก็เคยคิดว่าเจียงหยุนเอ๋อเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ลูกก็ยิ่งนับถือเธอมากขึ้นไปอีก ตลอดเวลาที่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เธอมีสติและจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น เรื่องนี้ทำให้ลูกรู้ตัวว่าสู้เธอไม่ได้เลยจริงๆ และเมื่อกี้ลูกบอกให้เธอกลับบ้านไปพักผ่อน แต่เธอกลับบอกปัดและปฏิเสธลูกทันที เธอทำลูกหูตาสว่างขึ้นมาจริงๆ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยเลิกคิ้ว:“จริงหรือ? หล่อนพูดอย่างนั้นจริงเหรอ? แต่หลังจากที่เกิดเรื่องกับจุนถิง ทุกอย่างก็ประเดประดังไปที่หล่อน หล่อนเต็มใจที่จะแบกรับทุกอย่าง นี่เป็นสิ่งที่ฉันเองก็คาดไม่ถึง ก็คงต้องรอดูกันต่อไป ว่าหล่อนจะแบกรับหน้าที่นี้เอาไว้ได้อีกนานแค่ไหนแล้วล่ะ !”

ลี่จุนซินรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้โม่เสี่ยวฮุ่ยยอมรับในตัวของเจียงหยุนเอ๋อทันที เธอกระตุกมุมปาก แล้วเผยรอยยิ้มจางๆออกมา“วางใจเถอะค่ะ ลูกกับเจียงหยุนเอ๋อจะรักษาบริษัทนี้ไว้ให้ลี่จุนถิง จนกว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”

โม่เสี่ยวฮุ่ยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพูดคุยกับลี่จุนซินอีกสักพัก พอดีกับที่ลี่จุนซินจะไปประชุม เธอก็เลยจะกลับแล้วเหมือนกัน

ระหว่างที่เดินผ่านห้องน้ำ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก กำลังจะเดินจากไป บทสนทนาที่เข้าหูก็หยุดฝีเท้าเธอลงในทันที เธอขยับเข้าใกล้ประตูอย่างเงียบๆ และยืนแอบฟัง

“เธอรู้ไหม? โครงการที่เราเสียไปทั้งหมดถูกลี่หุยน้องชายของประธานลี่แย่งเอาไปหมดเลย !”

“อะไรนะ? เธอรู้ได้ยังไง? พวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันเหรอ ? ครอบครัวเดียวกันทำไมต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันด้วย?”

“ลี่หุยไม่ใช่น้องชายแท้ๆของประธานลี่ เขาเป็นเพียงลูกนอกสมรส !ก่อนหน้านั้นก็ถูกกดเอาไว้ตลอด มาวันนี้ประธานลี่เองเกิดเรื่องขึ้นมา เขาก็ต้องออกมาปลุกระดมสร้างกระแส เพื่อต่อสู้แย่งชิงให้ได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติของตัวเอง!ก็ไม่รู้ว่าคราวนี้ประธานเจียงจะไปรอดหรือเปล่า!”

“โอ้พระเจ้า การแย่งชิงกันของคนในตระกูลที่ร่ำรวยนี่ก็ช่างเหลือเชื่อจริงๆ!”

โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้ฟังบทสนทนาหลังจากนั้น เธอรู้เพียงว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะฝีมือของลี่หุย จู่ๆใบหน้าเธอก็เรียบตึงขึ้นมาทันที ดวงตาที่นุ่มนวลก่อนหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด อารมณ์หงุดหงิด และเดินจากไปด้วยใบหน้าถมึงทึง

โม่เสี่ยวฮุ่ยที่ออกจากบริษัทไม่ได้ไปเดินช้อปปิ้งที่ไหนต่อ แต่กลับมุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ของตระกูลลี่ทันที

……

ณ คฤหาสน์ตระกูลลี่

มองโม่เสี่ยวฮุ่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีสีหน้าที่เคร่งเครียดและลี่เจี้ยนหวาที่ยืนอยู่อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ประธานลี่ถอนหายใจเล็กน้อย ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยพูดด้วยความสงสัยไปว่า :“โม่เสี่ยวฮุ่ย วันนี้เธอตามลี่เจี้ยนหวามาด้วยมีอะไรอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ? ”

โม่เสี่ยวฮุ่ยจ้องเขม็งไปที่ลี่เจี้ยนหวา และเอ่ยพูดไปว่า “คุณพ่อค่ะ วันนี้ที่เรียกตัวเขามาด้วย หนูอยากจะขอความเป็นธรรม ! ที่ผ่านมาหนูไม่เคยรู้มาก่อน แต่ตอนนี้หนูรู้ทุกเรื่องที่ลี่หุยได้ทำลับหลังเอาไว้ทั้งหมดแล้ว!เขาแย่งลูกค้าของลี่จุนถิง นี่มันซ้ำเติมกันชัดๆ?”

“อืม ? มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?”ท่านปู่ลี่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ค่ะ คุณพ่อ หนูเพิ่งกลับมาจากบริษัท เดิมทีก็ไม่รู้มาก่อน ได้ยินคนที่บริษัทเขาพูดกัน หนูก็เพิ่งจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลี่หุยทำเกินไป ก่อนหน้านี้เขาก็จ้องแต่จะแข่งกับจุนถิง ตอนนี้พอจุนถิงเกิดเรื่อง และเขาเองก็ซุ่มเคลื่อนไหวอย่างลับๆ คุณต้องดูแลสั่งสอนเขาหน่อยนะ !”

โม่เสี่ยวฮุ่ยว่ากล่าวด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ

ท่านปู่ลี่มองไปที่ลี่เจี้ยนหวาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยถาม “ลี่เจี้ยนหวา เรื่องนี้แกรู้หรือเปล่า?”

“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ก็เพิ่งรู้จากโม่เสี่ยวฮุ่ยเมื่อครู่เหมือนกันครับ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไร ตอนนี้ลี่จุนถิงก็ไม่อยู่ เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินก็ไม่มีความสามารถมากมายอะไรนัก ก็สมควรให้ลี่หุยจัดการเรื่องพวกนี้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าก็ไม่ควรจะไปขัดขวางเขา”

ลี่เจี้ยนหวากระแอมไอ แล้วเอ่ยพูดเสียงเรียบ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็มองไปที่ลี่เจี้ยนหวาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เธอตะลึง แต่แล้วก็ได้สติ เอ่ยพูดอย่างเย็นชาไปว่า

“ลี่เจี้ยนหวาคุณหมายความว่ายังไง ? แต่ก่อนคุณก็เอาแต่เข้าข้างลี่หุยลูกนอกสมรสของคุณนั้น ตอนนี้ลี่จุนถิงมาเกิดอุบัติเหตุ คุณถามแค่คำเดียว จากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลย เขาก็เป็นลูกคุณเหมือนกันนะ คุณทำแบบนี้ได้ยังไง !”

“ตอนนี้ผมกำลังแก้ปัญหาอย่างสมเหตุสมผล ผมก็ไม่อยากให้ลี่จุนถิงต้องมาประสบอุบัติเหตุใดๆ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความจริง!และตอนนี้ก็ยังตามหาตัวเขาไม่เจอ ลี่หุยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อีกอย่างลี่หุยก็เป็นลูกชายของผมด้วยเหมือนกัน เขาก็ย่อมต้องมีสิทธิ์ในสิ่งเหล่านี้เช่นกัน !”

ลี่เจี้ยนหวาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด น้ำเสียงก็ขุ่นมัวไปด้วยเช่นกัน

คำพูดของลี่เจี้ยนหวาทำให้ความหวังสุดท้ายของโม่เสี่ยวฮุ่ยมลายหายไป เธอเคยเสียใจกับการที่ถูกลี่เจี้ยนหวาทรยศหักหลัง แต่ก็มีลี่จุนถิงกับลี่จุนซินคอยเคียงข้างให้ก้าวผ่านมันมาได้ ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นมา

แต่ตอนนี้การกระทำของลี่เจี้ยนหวาที่มีต่อเธอและลูกของเธอมันทำให้เธอรู้สึกเหน็บจนชา

เงียบไปสักพัก สายตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ชาเฉยไม่รู้สึกรู้สาอีก เธอมองไปที่ท่านปู่ลี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยพูดเบาๆไปว่า “หากเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ไม่มีจำเป็นที่ต้องอยู่ด้วยกันอีก คุณพ่อ หนูอยากจะหย่ากับลี่เจี้ยนหวา!”

“ไม่ได้!”

โดยไม่ต้องคิด ท่านปู่ลี่ก็เอ่ยเสียงเด็ดขาดทันที

แต่ลี่เจี้ยนหวากลับพยักหน้าอย่างนิ่งเฉย :“ผมคิดว่าหย่ากันไปก็ดีนะครับ!บางทีเราอาจจะต่างฝ่ายต่างทนกันมามากพอแล้ว อย่าฝืนใจกันอีกต่อไปเลย