เมื่อเห็นลูกค้าจำนวนมากที่มาเพื่อยกเลิกสัญญาและก็จากไปทีละคนๆ เจียงหยุนเอ๋อถอนหายใจ เธอนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ในใจก็รู้สึกผิดอย่างมาก ไม่คิดว่าที่เธอพยายามทำมาทั้งหมด ก็ช่วยลี่จุนถิงรักษาสัญญาเหล่านั้นเอาไว้ไม่ได้

ท่านปู่ลี่ที่เฝ้าสังเกตเจียงหยุนเอ๋อมาโดยตลอด เมื่อเห็นสีหน้าที่เอาแต่โทษตัวเองและไม่รู้จะทำยังไง ในใจก็รู้สึกหวั่น ค่อยๆเดินเข้าไปหาเจียงหยุนเอ๋อ แล้วเผยรอยยิ้มบางเบา

“ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองมากนัก วันนี้ที่ลี่จุนถิงเกิดเรื่องขึ้น ที่พวกเขาต่างยกเลิกสัญญาก็ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองกันทั้งนั้น เราค่อยหาลู่ทางอื่นก็แล้วกัน ”

“แต่ดิฉันกลับคิดว่ามันเป็นเพราะความสามารถของดิฉัน เพราะดิฉันไร้ความสามารถ เลยทำให้คู่ค้าเหล่านั้นไม่มีความไว้วางใจและเชื่อถือ จึงขอยกเลิกสัญญา แต่ดิฉันก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว คุณปู่ค่ะ ดิฉันรู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์จริงๆ ”

ใบหน้าเจียงหยุนเอ๋อลู่ลงด้วยความรู้สึกท้อใจและผิดหวัง

ท่านปู่ลี่ชอบความอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความเข้มแข็งในตัวของเจียงหยุนเอ๋อ เขาตบไปที่ไหล่ของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้หญิงสาว

“เด็กน้อย เธอยังเด็กเกินไปนัก ยังต้องอาศัยประสบการณ์อีกมาก! อีกอย่างเธอเพิ่งจะเข้ามาในวงการนี้ ย่อมมีเรื่องที่ยังไม่รู้อีกเยอะค่อยๆเรียนรู้กันไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ”

เธอรู้ว่าท่านปู่ลี่กำลังพูดปลอบใจตัวเองอยู่ เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างตื้นตันใจ

“คุณปู่ค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ดิฉันจะพยายามต่อไป! แต่วันนี้ลำบากปู่แล้วที่ต้องเดินทางมา คุณปู่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ!”

ท่านปู่ลี่โบกมือไปมา :“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันก็เป็นห่วงและกังวล อะไรที่พอจะช่วยได้ก็อยากจะช่วย แต่ไม่คิดว่ามันจะเปล่าประโยชน์แบบนี้ ที่เหลือก็คงต้องหวังพึ่งเธอแล้ว ฉันคิดว่าเธอจะทำมันออกมาได้ดีแน่!”

เมื่อได้รับคำพูดให้กำลังใจของท่านปู่ลี่ เจียงหยุนเอ๋อก็ยกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มให้เห็นชัดเจน “ขอบคุณค่ะคุณปู่!”

……

เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัท ลี่หุยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เคาะไปที่โต๊ะอย่างผ่อนคลาย เผยรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยออกมา

ไม่ช้า เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรหาบริษัททั้งหลายที่ร่วมงานกับลี่ซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ หากพวกเขาไม่เชื่อฝีมือการบริหารของเจียงหยุนเอ๋อ งั้นก็ให้เขาเป็นคนรับผิดชอบดูแลธุรกิจเหล่านี้ก็แล้วกัน !

อีกอย่างธุรกิจเหล่านี้ล้วนก็เป็นรายได้หลักของบริษัทในตอนนี้ และผลตอบแทนค่อนข้างมาก หากได้มาดูแลบริหาร ตำแหน่งของลี่หุยในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็คงจะสูงขึ้นไปอีกระดับ ถึงตอนนั้นจะลุงรองหรือลี่หยูนห่วนก็ไม่ต้องกลัวและเป็นกังวลอีก

มาถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของลี่หุยก็ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เขาฮัมเพลงเบาๆ แล้วกดโทรออกไปหาทีละคนๆ

เพราะลี่หุยเคยรับผิดชอบดูแลบริหารมาบ้างแม้ผลงานจะออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าเจียงหยุนเอ๋อที่ไม่เคยมีผลงานอะไรปรากฏมาก่อน

ดังนั้นคู่ค้าหลายรายจึงตกลงกับคำชักชวนของลี่หุย และมอบธุรกิจของพวกเขาให้กับลี่หุย

ลี่หุยตื่นเต้นดีใจกับธุรกิจมากมายที่ได้รับ เขาเห็นแสงอรุณแห่งความหวังของตัวเอง อนาคตที่รุ่งโรจน์เหมือนปรากฏอยู่ตรงหน้า

……

ที่บริษัท

“อะไรนะ? คู่ค้าหลายรายยกเลิกสัญญาที่จะร่วมงานกับเรา แล้วไปหาบริษัทอื่นแทน?”

มาถึงที่บริษัทแต่เช้า เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินก็ได้รับข่าวร้ายนี้

ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วรีบไปที่ห้องทำงานทันที จากนั้นก็เริ่มโทรหาคู่ค้าแต่ละราย โดยหวังจะเรียกคืนธุรกิจเหล่านั้น

แต่คู่ค้าเหล่านั้นเหมือนได้นัดกันเอาไว้ ต่างก็ปฏิเสธคำขอของเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซิน และยังได้กล่าวอีกว่าพวกเขาได้บริษัทคู่ค้าที่น่าเชื่อถือกว่าแล้ว ในที่สุด เจียงหยุนเอ๋อเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ

ความวุ่นวายเกิดขึ้นตลอดในช่วงเช้า คนสองคนรั้งลูกค้าเอาไว้ไม่ได้สักราย ได้แต่มองดูรายการคำสั่งซื้อจำนวนมากมายหลุดลอยหายไปกับตา ในใจก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้า

หลังจากที่เจอเรื่องยุ่งๆในบริษัทอยู่ตลอดหลายวันมานี้ เจียงหยุนเอ๋อเพิ่งจะรับรู้ได้ว่าที่ผ่านมาลี่จุนถิงเองก็คงจะยุ่งอยู่มาก

ความกดดันในการทำงานของเขาคงจะมีอยู่มากไม่น้อยเลย ต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างของทุกคนในบริษัท ทุกการตัดสินใจมีความเสี่ยงสูง ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเห็นใจลี่จุนถิงขึ้นมา

และตอนนี้ สิ่งที่เธอได้เรียนรู้คือความเป็นจริงของสังคมนี้ ทุกคนต่างล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เช่นเดียวกับรายการสั่งซื้อเหล่านี้ พวกเขากลัวขาดทุน ต่างก็พากันยกเลิกยุติสัญญากันไปหมด

เธอถอนหายใจออกมา เจียงหยุนเอ๋อค่อยๆเอนหลังพิงเก้าอี้ ลี่จุนซินเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเธอ แล้วจ้องมองไปที่ท้องของเธอ ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยพูดด้วยความเป็นห่วงไปว่า :“เจียงหยุนเอ๋อ ในช่วงนี้เธอเองแต่วิ่งโร่ไปมาที่บริษัท ร่างกายคงจะรับไม่ไหวแล้วมั้ง ? ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็ยิ้มและส่ายหัวไปมา เธอลูบไปที่ท้องตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “มีลูกน้อยคนนี้คอยอยู่เป็นกำลังใจให้ฉัน ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย พี่คะ ไม่ต้องเป็นห่วง ห่วงก็แต่สถานการณ์ที่ย่ำแย่ของบริษัทจะดีกว่า !”

“เธอเอาแต่ห่วงเรื่องงานของบริษัท ก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วย!ตอนนี้เธอเองก็กำลังท้องอยู่ มันไม่เหมาะที่จะคอยมาวิ่งวุ่นกับเรื่องพวกนี้ แล้วช่วงนี้เธอเองก็ทำงานหนัก ร่างกายคงอ่อนล้าอยู่มาก ยังไงก็กลับไปพักก่อนดีกว่า เรื่องของบริษัทพี่จะดูแลไปก่อน ไม่ให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”

ลี่จุนซินตีไปที่มือของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ

กับคำแนะนำของลี่จุนซิน เจียงหยุนเอ๋อปฏิเสธมันไปทันที เธอมองไปยังเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เอ่ยพูดเบาๆไปว่า:“พี่คะ ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ลี่จุนถิงไม่อยู่ ฉันในฐานะภรรยาของเขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างลูกน้อยในท้องก็สนับสนุนฉันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นพี่ให้ฉันทำงานต่อเถอะนะ!”

นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอยังคงพูดต่อไปว่า :“ยิ่งกว่านั้นหากฉันกลับบ้านไปตอนนี้ ฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ! บริษัทยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ แล้วฉันจะจากไปตอนนี้ได้ยังไง! แต่ฉันรับปากพี่ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี พี่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรฉันอีก หลานสาวตัวน้อยของพี่จะไม่เป็นอะไรแน่นอน !”

“แล้วเธอจะทุ่มเทขนาดนี้ไปทำไม ? เรื่องพวกนี้เธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะไม่มีข่าวคราวของลี่จุนถิงเลยในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่……”

ยังไม่ทันที่ลี่จุนซินจะได้พูดจบ ก็ถูกเจียงหยุนเอ๋อพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที “พี่ค่ะ ฉันรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร ที่ผ่านมาฉันพึ่งพาอาศัยลี่จุนถิงมาโดยตลอด ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ฉันก็เพิ่งจะเข้าใจความลำบากของเขา ตอนนี้ที่ฉันพอจะทำได้ก็คือรักษาทุกอย่างที่เป็นของเขาเอาไว้ หากเขากลับมาก็จะช่วยลดภาระที่มีให้น้อยลง ฉันไม่อยากให้เขากลับมาแล้วต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายพวกนี้ ”

เมื่อเห็นท่าทีที่มุ่งมั่นของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนซินก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับให้ ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว แต่ความชื่นชมในตัวเจียงหยุนเอ๋อก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก

เธอเหมือนจะได้คำตอบแล้วว่าต่อให้โม่เสี่ยวฮุ่ยจะไม่ชอบเจียงหยุนเอ๋อ แต่ลี่จุนถิงก็ยังคงยืนกรานที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเจียงหยุนเอ๋อ หญิงสาวคนนี้มีความดื้อรั้นและไม่คิดจะยอมแพ้ และมันก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก