“ตอนนั้นเจียงหยุนเอ๋อมาขอร้องฉัน บอกว่าอยากจะไปทำงานที่บริษัท เพราะอยากจะช่วยจุนถิง ตอนนี้จุนถิงก็ไม่อยู่ เรายิ่งต้องสามัคคีกัน”
ท่านปู่ลี่พูดชี้แนะอย่างจริงจังไปว่า “อย่าเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อที่ดูปรกติจะอ่อนแอและบอบบาง แท้จริงแล้วเธอก็ยังนับว่ามีกึ๋นและเก่งอยู่พอตัว”
ลี่จุนซินที่นั่งอยู่ข้างๆก็รีบพยักหน้ารับทันที :“แม่ แม่ไม่รู้อะไร ตอนนี้ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อจะอุ้มท้องอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้บอบบางขนาดนั้น เธอคอยเรียนรู้งานกับหนู ไม่เข้าใจอะไรก็ถาม และได้ยินพนักงานบอกว่าเธอทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ หนูก็เตือนเธอให้ดูแลรักษาสุขภาพ เธอก็เอาแต่ยิ้มแล้วตอบว่าไม่เป็นไร เธอรู้ตัวเธอเองดี ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยกะพริบตาถี่ๆ เริ่มพึมพำในใจ หรือว่าเจียงหยุนเอ๋อเข้าไปทำงานที่บริษัทเพราะอยากจะช่วยลี่จุนถิงจริงๆงั้นเหรอ ? เธอตั้งใจทำงานหนักถึงเพียงนี้เลยเชียวเหรอ ?
“ใช่ค่ะ หนูก็เคยได้ยินผู้บริหารบางคนก็พูดถึงเรื่องนี้ เขาบอกว่าผลงานของเจียงหยุนเอ๋อเป็นที่น่าพอใจ ” ท่านปู่ลี่ในตอนนี้ที่แค่ได้ยินชื่อของเจียงหยุนเอ๋อก็จะยิ้มหน้าบานในทันที “เมื่อกี้ก็ได้ยินที่ลี่จุนซินพูดไปแล้ว ความคิดแย่ๆของเจี้ยนเย่พ่อลูกก็ได้เจียงหยุนเอ๋อมากำราบ ฉันว่าเธอต้องมองเจียงหยุนเอ๋อใหม่ อย่าใช้สายตาแคบๆตัดสินคน ”
หลังจากที่รู้จักกับเจียงหยุนเอ๋อมาได้สักพัก ท่านปู่ลี่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจะพอใจในตัวเจียงหยุนเอ๋อมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดว่าเธอเองก็ค่อนข้างที่จะมีความสามารถ อยากจะพูดเอาดีให้เธอต่อหน้าโม่เสี่ยวฮุ่ยสักหน่อย เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ลงไปบ้าง
โม่เสี่ยวฮุ่ยขมวดคิ้ว เริ่มมีความรู้สึกดีๆกับเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเจียงหยุนเอ๋อจะเป็นยังไง คราวนี้เธอช่วยลี่จุนถิงเอาไว้จริงๆ
แต่จะให้เธอเปลี่ยนใจเลยทันทีก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง เธอเม้มริมฝีปากแน่น ท่าทีที่รังเกียจก็ยังมีให้ได้เห็นแต่แล้วก็เอ่ยพูดขึ้นว่า :“อะไรเป็นอะไรฉันรู้อยู่แก่ใจ พวกเธอคุยกันต่อเถอะ”
พูดจบเธอก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
เมื่อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยเดินเข้าห้องไปแล้ว ลี่จุนซินก็ดึงไปที่แขนของท่านปู่ลี่ :“คุณปู่ ดูแม่สิ ทำไมถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นนัก?”
ท่านปู่ลี่ตีไปที่มือของลี่จุนซิน แล้วพูดปลอบไปว่า :“อย่ากังวลไปเลย เรื่องวันนี้ แม่หนูต้องคิดได้บ้างแหละ อีกไม่นานหรอก ”
ท่านปู่ลี่มองขึ้นไปยังบนบ้านอีกครั้ง อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนไม่เคยให้โอกาสเจียงหยุนเอ๋อได้แสดงความสามารถ ตอนนี้ก็จึงเป็นเวลาที่เหมาะสม
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ต้องปล่อยให้คนหนุ่มสาวเขาได้ทำ คนแก่แบบเขาก็ทำได้เพียงคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆก็เท่านั้น
ในช่วงที่ลี่จุนถิงไม่อยู่นี้ แม้ว่าจะมีท่านปู่ลี่คอยดูแล ลี่จุนซินก็คอยช่วยเหลือ บริษัทก็ทำได้แค่ประคับประคองต่อไปเท่านั้น
ยังไงซะกระดาษก็ห่อไฟเอาไว้ไม่ได้ ข่าวที่ลี่จุนถิงหายตัวไปก็ถูกแพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้าง
“รองประธานลี่ ลูกค้าจำนวนมากเรียกร้องขอยุติสัญญาในตอนนี้?”เลขาลุกลี้ลุกลนเข้าไปในห้องทำงานอย่างเร่งรีบ
“เพราะอะไร?”พอได้ยินเช่นนั้นลี่จุนซินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“ดูเหมือนว่าการหายตัวไปของคุณชายลี่จะแพร่งพรายออกไปแล้ว”
ลี่จุนซินใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นกังวล และเดินไปเดินมาอย่างร้อนรน
เจียงหยุนเอ๋อก็อยู่ในห้องทำงานเช่นกัน เมื่อได้ยินก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย :“การทำเซ็นสัญญานี้ ใช่ว่าจะอยากยุติหรือยกเลิกก็ได้เลยเสียเมื่อไหร่กัน หากคนส่วนใหญ่ต่างพากันทำแบบนี้ แล้วบริษัทจะมีเงินทุนหมุนเวียนได้ยังไง? พวกเขาจะละเมิดสัญญาได้ยังไงกัน ”
ลี่จุนซินถอนหายใจ:“เจียงหยุนเอ๋อ ช่างมันเถอะ เธอพูดอะไรในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ทุกบริษัทต่างก็คิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง และโครงการต่างๆในตอนนี้ก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหน เมื่อคนเหล่านี้ได้ยินว่าลี่จุนถิงหายตัวไป คงต้องคิดว่าบริษัทมีปัญหา ยกเลิกสัญญาก็เพื่อเซฟตัวเอง”
ลี่จุนซินก็พอจะเข้าใจการกระทำเหล่านี้ คงไม่มีบริษัทไหนที่จะยังเลือกทำธุรกิจกับบริษัทที่อยู่ในสภาวะวิกฤติเช่นนี้ และยังจะเชื่อมั่นแบบไร้เงื่อนไขไปได้
ธุรกิจก็เหมือนสนามรบ มันเหมือนกับว่า รู้ว่าพันธมิตรของตัวเองต้านไม่ไหวแล้ว ก็คงจะไม่มีใครเลือกผูกสัมพันธ์ ให้สุ่มเสี่ยงเป็นภัยอันตรายกับชีวิตตัวเอง
เจียงหยุนเอ๋อหายใจเข้าลึก ๆ:“แล้วเราจะทำยังไงกันดี? เราจะนั่งรอความตายอยู่แบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้บริษัทอยู่ในสภาวะวิกฤติ”
“พี่ขอคิดดูก่อน” ในตอนนี้ลี่จุนซินก็คิดหาทางออกที่ดีไม่ได้
ในเวลานี้เอง ผู้จัดการฝ่ายขายเดินเข้ามา และพูดอย่างหืดหอบไปว่า :“รองประธานลี่ ที่ประตูทางเข้า มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน และบอกว่า พวกเขามาเพื่อเรียกร้องขอยุติสัญญา”
ลี่จุนซินตาเบิกกว้าง คิดในใจคราวนี้ได้จบเห่แน่
ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อก็เศร้าไปด้วย:“ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลรักษาความสงบเอาไว้ก่อน อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้ามาที่บริษัทได้ในตอนนี้”
ตอนนี้สิ่งเดียวที่พอทำได้ก็คือกันไม่ให้เหตุการณ์วุ่นวายไปมากกว่านี้ ต้องใช้เวลาสักพักในการที่จะหาทางออก
“โทรหาคุณปู่เถอะ”สิ่งสุดท้ายที่ลี่จุนซินคิดได้ก็คือโทรหาท่านปู่ลี่
ยังไงท่านปู่ลี่ก็คร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจนี้มานาน เขามาก็น่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้แน่
พอคิดขึ้นมาได้ลี่จุนซินก็กดสายโทรออกไปหาท่านปู่ลี่ทันที
เมื่อได้รับสายท่านปู่ลี่ก็นั่งไม่ติด เรียกคนขับรถขับไปยังลานจอดชั้นใต้ดินของบริษัท แล้วขึ้นลิฟต์เข้าไปยังตัวอาคารของบริษัททันที
“คุณปู่ ในที่สุดปู่ก็มาซะที ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ?”เมื่อลี่จุนซินเห็นท่านปู่ลี่ก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาได้บ้าง
ในระหว่างทางที่ท่านปู่ลี่นั่งรถมานั้น ลี่จุนซินก็ได้เล่าถึงเหตุการณ์คร่าวๆให้ท่านปู่ลี่ได้รับทราบไปแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องตื่นตกใจ ออกไปด้านนอกกัน”ท่านปู่ลี่ใช้ไม้เท้าค้ำยันเพื่อจะเดินออกไป
ลี่จุนซินรั้งแขนของประธานลี่ :“คุณปู่ แต่หนูเห็นพวกเขาต่างก็มีท่าทีที่ข่มขู่คุกคาม ปู่ออกไปจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ?”
สีหน้าของท่านปู่ลี่ก็แย่ลง :“สถานการณ์ในตอนนี้หากปู่ไม่ออกไป ยังมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้หรือไง ? ”
ถึงขนาดที่ลูกค้ามาหาถึงที่แล้ว ทำได้แค่แสดงความจริงใจ คงพอมีโอกาสรอดอยู่บ้างแหละ
แม้ว่าลี่จุนซินจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็เดินตามท่านปู่ลี่ออกไป
เมื่อมาถึงที่ประตูบริษัท ก็เห็นผู้คนมากมายยืนอยู่ที่ประตู ต่างก็มาเพื่อยุติสัญญา
เมื่อเห็นท่านปู่ลี่เดินออกมา เสียงก็ดังกึกก้องมากขึ้นไปอีก
“เอาล่ะทุกคนเงียบๆกันก่อน”ลี่จุนซินให้สัญญาณมือเพื่อให้ทุกคนเงียบ
แล้วทุกคนก็ค่อยๆเงียบสงบลง แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปที่ท่านปู่ลี่
“สวัสดีทุกคน ตอนนี้ฉันรักษาการณ์ดูแลกิจการของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ เกี่ยวกับสัญญาต่างๆฉันอยากให้ทุกคนสงบสติอารมณ์กันสักหน่อย อย่าวู่วามเกินไปนัก ”
“ตอนนี้บริษัทคุณกำลังเผชิญสภาวะวิกฤต เรารู้สึกไม่ปลอดภัย และเราก็ต้องการยกเลิกสัญญา”มีชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดังออกมา
จากนั้นก็เริ่มมีบางคนที่เห็นด้วย
“ฟังผมก่อน ตอนนี้ฝ่ายบริหารของเรามีปัญหาอยู่จริง ขอเวลาให้พวกเราหน่อย เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อจัดการกับปัญหาตรงนี้ให้เร็วที่สุด ”
“แล้วถ้าเกิดจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ล่ะ?”
“เราจะรับผิดชอบทุกอย่างอย่างเต็มที่”
“คุณล้อเล่นอะไร พวกเรามีกันมากมายขนาดนี้ หากบริษัทของคุณล้มละลาย แล้วจะรับผิดชอบยังไง”
เมื่อถูกถามคำถามแบบนี้ทำให้ท่านปู่ลี่ก็ไปไม่เป็นเช่นกัน
“ฉันขอให้ทุกคนเชื่อในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ในเมื่อทุกคนเลือกบริษัทเรามาตั้งแต่แรก มันก็ต้องมีเหตุผลซิ”ลี่จุนซินก้าวเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
แต่แล้วทุกคนต่างก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่พวกเธอพูด และยังคงยืนกรานในการตัดสินใจตัวเอง