ตอนที่ 480 คุณชาย ช่วยข้าด้วย

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 480 คุณชาย ช่วยข้าด้วย

ขณะมองเกวียนเทียมล่ออันแสนทรุดโทรม หลินเว่ยเว่ยก็สอบถามราคาจากอีกฝ่าย ราคาสมเหตุสมผลดีจริง ๆ นางหันไปมองคนของตน จากนั้นก็หันมาถามเจ้าของเกวียนอีกที “ท่านก็เห็นว่าพวกเรามีกันหลายคน ท่านยังพอจะมีรถม้าอยู่บ้างหรือเปล่า ? ดีที่สุดขอเป็นรถม้าที่มีตู้โดยสาร”

วันนี้ไม่ได้มีแดดแรง อากาศช่วงต้นเดือนสิบมีลมหนาวพัดมาเบา ๆ ผู้ใหญ่อย่างพวกนางไม่เป็นอะไรหรอก แต่ตรงนี้ยังมีเด็กอีกสองคน อย่าปล่อยให้บุตรหลานคนอื่นเป็นไข้เด็ดขาด…โธ่ นางเองก็อายุมากกว่าชิงหลีไม่เท่าไร…

อีกฝ่ายครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “มีก็มีอยู่หรอก แต่ราคาจะสูงหน่อย” จากนั้นก็ได้ยินเขาเสนอราคาและรอดูว่าพวกนางจะสู้ได้ไหม

แม้ราคาจะสูงอยู่บ้าง แต่ก็ยังพอรับได้และนางไม่ได้ต่อรองราคา ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ย เจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนก็พาสองพี่น้องสกุลโม่ หรือแม้แต่เด็กนำทางคนนั้นนั่งเบียดไปด้วยกัน ส่วนองครักษ์อีกสองคนได้แต่นั่งบนเกวียนเทียมล่อ

จากท่าเรือมายังตัวเมืองใช้เวลาเพียง 1 เค่อ หลินเว่ยเว่ยใส่รายการสิ่งของที่ต้องซื้อไว้ในอกเสื้อตั้งแต่เช้า นางจึงบอกให้เด็กชายพาไปซื้อของได้ตามนั้นเลย

พวกนางไปซื้อถ่านก่อน นอกจากถ่านธรรมดาแล้วยังซื้อถ่านน้ำค้างเงินที่ไร้ควันและเตาไฟอีกหนึ่งอัน เตาและถ่านน้ำค้างเงินเป็นของที่หนิงหวางเฟยกำชับว่าห้ามลืมซื้อเด็ดขาด เพราะบนเรือมีอากาศชื้น หนิงอ๋องมีสุขภาพไม่แข็งแรง หากอยู่ในตำหนักเวลานี้ก็จะต้องจุดเตาไฟไว้ข้างกายเสมอ

ตอนหนิงหวางเฟยคุยกับหลินเว่ยเว่ยก็ได้เอ่ยถึงความดีใจที่สุขภาพของหนิงอ๋องเปลี่ยนไปบ่อยครั้ง ในช่วงที่อาศัยอยู่บนเรือ พระองค์ไม่ได้ประชวรเลยสักครั้ง ต้องทราบก่อนว่า ทุกปีพอเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดของหนิงอ๋อง แทบไม่มีเวลาใดที่จะไม่ต้องเสวยพระโอสถ ทว่าตอนนี้โอสถที่เตรียมไว้ ไม่ถูกใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ต้องขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ทรงคุ้มครอง !

หลินเว่ยเว่ยหัวเราะฮ่าฮ่าในใจ…ท่านขอบคุณผิดคนแล้ว ไม่ควรขอบคุณพระโพธิสัตว์ แต่ควรขอบคุณเทพธิดาน้อยแบบนาง เพราะน้ำพุวิญญาณที่นางใส่ตอนทำอาหารต่างหาก !

หลังจากซื้อถ่านเสร็จแล้วก็ไปซื้ออาหารต่าง ๆ เด็กชายพาพวกนางไปยังตลาดสดขนาดใหญ่ที่สุดในเขตซิ่งถาน ยังไม่พูดถึงคุณภาพสินค้า แค่ราคาก็ถูกมากแล้ว ตอนนี้เข้าฤดูหนาว ผักส่วนใหญ่จึงถูกเก็บมาอย่างน้อยสิบวันหรือครึ่งเดือน พอได้เห็นของสดใหม่แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็รีบซื้อเก็บไว้ทั้งหมด…

แค่เดินไปได้รอบเดียว อาหารและถ่านที่ซื้อก็เต็มรถม้า หลินเว่ยเว่ยก้มหน้ามองสองพี่น้องแล้วถามว่า “พวกเจ้ายังอยากซื้ออะไรอีกหรือเปล่า ? ”

โม่ชิงหลีฉีกยิ้มด้วยความเขินอาย “ที่จริง…ข้าเองก็ไม่รู้ว่าต้องซื้ออะไรบ้างตอนออกมา หมู่…ท่านแม่บอกว่าอาหญิงหลินซื้ออะไร ข้าแค่ซื้อตามก็พอแล้ว…จริงสิ ท่านแม่ยังบอกว่าให้ซื้อเตาถ่านกลับไปด้วย ต่อไปเวลาจะใช้น้ำร้อนก็ไม่ต้องคอยรบกวนอาหญิงหลิน”

พอเด็กชายได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดว่า “ในร้านค้าฝั่งตรงข้ามมีเตาถ่านขายอยู่ขอรับ…”

หลังซื้อเตาถ่านเสร็จแล้วโม่ชิงหยูก็กะพริบตากลมโตขณะถามเด็กนำทางว่า “ที่นี่มีร้านหนิงจี้อยู่หรือเปล่า ? ”

“หนิงจี้ ? ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน อยากซื้ออะไรหรือขอรับ ? ” เด็กชายพยายามครุ่นคิด แต่แล้วก็ต้องส่ายศีรษะ

โม่ชิงหยูค่อนข้างผิดหวังแล้วอธิบายด้วยความไม่พอใจ “ร้านที่ขายพวกขนมกับของกินเล่น…”

เด็กชายชี้ไปยังถนนเส้นที่ยืนอยู่ “ที่นั่นมีร้านขายขนมกับผลไม้อบแห้งอยู่ มันมีชื่อเสียงในเมืองนี้มาก แต่…ราคาก็แพงมากขอรับ”

หลินเว่ยเว่ยเห็นโม่ชิงหยูกระตือรือร้นอยากจะไป นางจึงพาสองพี่น้องเข้าไปในร้านขายขนม โม่ชิงหยูเดินวนในร้านหนึ่งรอบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังเพราะขนมที่อยู่ในร้านเป็นของที่เคยเห็นทางตะวันตกเฉียงเหนืออยู่บ่อยครั้ง ขนมในร้านหนิงจี้มักจะเป็นของแปลกใหม่ แต่ที่นี่ไม่มีขายสักชิ้น

ทว่าตอนอยู่บนเรือไม่มีอะไรให้เคี้ยวแก้เบื่อ สองพี่น้องจึงซื้อพวกผลไม้อบแห้ง เมล็ดถั่วคั่วและขนมสองสามอย่างที่ดูไม่เลวไปด้วย

“เมล็ดสน ซื้อเมล็ดสน ! ” เสียงรีบร้อนดังออกมาจากอกเสื้อของหลินเว่ยเว่ย

ใบหน้าที่เคยบูดบึ้งของโม่ชิงหยูก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นมาทันที “อาหญิงหลิน เจ้าหงส์แดงพูดอยู่หรือ ? มันชอบกินเมล็ดสนใช่หรือไม่ ? ประเดี๋ยวข้าซื้อให้มันเอง ! ”

หลินเว่ยเว่ยจับตัวนกแก้วน้อยที่พยายามดิ้นออกมาข้างนอกให้กลับเข้าไป นางพูดกับโม่ชิงหยูว่า “ไม่ต้องหรอก ข้ายังมีเมล็ดสนเก็บไว้ ! ”

“ไม่พอ อยากได้เมล็ดสนเยอะ ๆ ! ” เจ้าหงส์แดงเป็นพวกเลือกกิน เดี๋ยวนี้มันไม่ค่อยชอบกินถั่วลิสงและพวกข้าวโพด เอาแต่เลือกกินแค่เมล็ดสน ดังนั้นเพื่อทำให้ปริมาณการกินอาหารของมันสมดุล หลินเว่ยเว่ยจึงคุมปริมาณเมล็ดสนของมันเป็นพิเศษ

ตอนอยู่บนเรือ โม่ชิงหยูเล่นกับหงส์แดงบ่อยมาก พอได้ยินแบบนั้นจึงพูดกับโม่ชิงหลีว่า “พี่หญิง ข้าก็ชอบกินเมล็ดสน เราซื้อกลับไปบ้างเถิด ? ”

เจ้านกน้อยโผล่หัวออกมาจากอกเสื้อของหลินเว่ยเว่ย ขณะมองเมล็ดสนปากอ้าห่อใหญ่ มันก็รู้สึกว่าชีวิตนกดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาทันที…แม้ว่าเมล็ดสนที่ซื้อจากข้างนอกจะมีรสชาติไม่ดีเท่าของที่เจ้านายป้อนให้ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน !

หลังจากซื้อของเสร็จหมดแล้วก็เลยเวลาเที่ยงวัน พวกนางจึงเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อรับประทานอาหาร เด็กชายผู้นำทางคาดไม่ถึงว่าตนจะได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วย แถมยังสั่งหมูตุ๋นผักกาดขาวให้เขากินอีก ! เนื้อหมูมีเยอะมาก เขาได้กินตั้งห้าหกชิ้น…นี่เป็นครั้งแรกของปีที่เขาได้กินเนื้อ หากท่านย่าและพี่สาวอยู่ด้วยก็คงจะดี…

เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ขณะที่พวกนางกำลังวางแผนจะกลับท่าเรือก็ได้เจอกับเหตุการณ์เล็ก ๆ เหตุการณ์หนึ่ง ตอนที่ผ่านตรอกมืดแห่งหนึ่ง ปรากฏหญิงสาวหน้าตางดงามวิ่งออกมาจากตรอกด้วยความรีบเร่ง นางตรงเข้าใส่เจียงโม่หานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “คุณชาย ช่วยข้าด้วย…”

เจียงโม่หานสังเกตเห็นอย่างว่องไว เขาจึงรีบเดินถอยไปด้านข้างสองก้าว หญิงสาวนางนั้นคาดไม่ถึงว่าบัณฑิตที่ดูสุภาพผู้นี้จะเบี่ยงตัวหลบออกไป เพราะตัวนางไม่ได้ยืนให้มั่นคงจึงล้มลงกับพื้นทันที จากนั้นนางก็เงยหน้าอันงดงามขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาเปียกชื้น หยาดน้ำใสที่เปล่งประกายเหมือนน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงไม่ผิดเพี้ยน

ชายร่างกำยำสองคนที่ตามมาด้านหลังก็พุ่งเข้าหานางด้วยสีหน้าดุร้าย “นางตัวดี ดูสิว่าเจ้ายังจะหนีไปไหนพ้น!”

“คุณชาย…การช่วยชีวิตคนดีกว่าอุทิศเงินสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น โปรดช่วยข้าด้วย ! ” หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปข้างหน้าด้วยความกระวนกระวาย นางจะเข้าไปกอดขาเจียงโม่หาน

เจียงโม่หานคล้ายกลัวว่าตนเองจะสกปรกไปด้วย เขาก้าวถอยแล้วถอยอีก จนกระทั่งถอยไปอยู่ข้างหลังหลินเว่ยเว่ยถึงได้พูดขึ้นมาเบา ๆ “กู่เหนียง เจ้าขอร้องผิดคนแล้ว ข้าเป็นแค่บัณฑิตอ่อนแอ อ่อนแอจนดูแลตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะช่วยเจ้าจากชายฉกรรจ์สองคนนั้นได้อย่างไร ? ”

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความประหลาดใจทันที…ไม่ควรเป็นแบบนี้ ! ตามหลักแล้วบัณฑิตที่เพียรศึกษาควรสงสารผู้อ่อนแอกว่า มีจิตใจงดงาม ซื่อตรงและไม่เห็นแก่ตัว ?

หลินเว่ยเว่ยก้มหน้าลง ไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน นางพยายามกลั้นหัวเราะ…สวรรค์ บัณฑิตน้อยพูดว่าตนอ่อนแอจนดูแลตัวเองไม่ได้ แม้น้ำเสียงจะฟังแล้วจริงจังมาก แต่เหตุใดมันช่างน่าขบขันเหลือเกิน ?

ในเวลานี้ชายฉกรรจ์สองคนก็ไล่ตามมาถึง หนึ่งในนั้นเข้ามากระชากผมของหญิงสาวแล้วจะลากเข้าไปในตรอกพลางก่นด่า “นางตัวแสบ คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พ่อของเจ้าติดหนี้พนันและยกเจ้าให้โรงบ่อนของเราแล้ว ข้าเปิดโรงบ่อนมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่มีใครหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้เลย”

หญิงสาวพยายามดิ้นรน ปากยังพูดขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด หลินจื่อเหยียนทนมองต่อไปไม่ไหวจึงตะโกนออกมาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ ! ”