ตอนที่ 931 ยืมมือตบหน้าครั้งที่สอง (1) / ตอนที่ 932 ยืมมือตบหน้าครั้งที่สอง (2)
ตอนที่ 931 ยืมมือตบหน้าครั้งที่สอง (1)
ฮ่องเต้สะบัดชายฉลองพระองค์เดินจากไปอย่างฉุนเฉียว พระองค์ไม่ตรัสอะไรมากนอกจากมีรับสั่งให้คนเช็ดตัวให้เหลยฝาน ก่อนที่จะสั่งให้เหลยฝานกับเหลยเชินไปที่ท้องพระโรงเพื่อที่พระองค์จะได้ทำการสอบสวน
เหลยฝานเพิ่งเสียโลหิตไปมาก รวมกับความตกใจที่ได้รับ ทำให้ขาของเขาไม่มีแรง จำเป็นต้องใช้พวกขันทีช่วยพยุงจึงสามารถลุกขึ้นยืนได้
เยี่ยซาเฝ้าสังเกตการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องบรรทมของฮองเฮาจากที่ซ่อน จากนั้นก็รีบไปหาจวินอู๋เสีย เล่าทุกอย่างที่เขาเห็นให้นางฟัง
“ฮ่องเต้เพียงมีรับสั่งให้จับกุมตัวฮองเฮากับอัครเสนาบดีเอาไว้เท่านั้นขอรับ ไม่ได้มีรับสั่งให้ทำอะไรเหลยฝาน” เยี่ยซาพูดขณะที่คุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสีย
“อย่างที่คิดไว้” จวินอู๋เสียไม่ได้แสดงความแปลกใจเลยแม้แต่น้อย นางนั่งลูบขนเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างใจเย็นอยู่บนเก้าอี้
“คุณหนูใหญ่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้วหรือขอรับ” เยี่ยซากลับเป็นฝ่ายประหลาดใจแทน
จวินอู๋เสียตอบว่า “ทำไมจะไม่รู้เล่า อย่างไรเสียเหลยฝานก็เป็นพระโอรสองค์โปรดที่ฮ่องเต้รักใคร่เอ็นดูมานานหลายปี ตราบใดที่ยังมีความเป็นไปได้เหลืออยู่แม้จะเพียงน้อยนิด พระองค์ก็ไม่อยากทอดพระเนตรเห็นเหลยฝานเป็นลูกชู้ที่เกิดจากฮองเฮากับอัครเสนาบดีจริงๆ หรอก ฮองเฮาเป็นสตรีฉลาด พระนางรู้ว่าพระนางไม่รอดแน่แล้วในคราวนี้ ดังนั้นพระนางจึงฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่ใบหน้าที่เหลยฝานสวมอยู่ หวังว่าฮ่องเต้จะพระทัยอ่อนลงเมื่อทอดพระเนตรเห็นใบหน้านั้น”
“คุณหนูใหญ่จะให้ข้ากระชากโฉมหน้าที่แท้จริงของเหลยฝานออกมาเลยหรือไม่ขอรับ” เยี่ยซาถาม
จวินอู๋เสียส่ายศีรษะ นางมองออกไปข้างนอกหน้าต่างและพูดช้าๆ ว่า “เจ้ารู้จักองค์ชายสามแห่งรัฐเหยียนหรือไม่”
เยี่ยซาสะดุ้งกับคำถามนั้น
องค์ชายสามแห่งรัฐเหยียนขึ้นชื่อว่าปรีชาและฉลาดเฉลียวมากเมื่อครั้งเขายังเล็กๆ แต่เพราะตำแหน่งในวังหลังของมารดาของเขาสั่นคลอน องค์ชายสามจึงไม่ใช่พระโอรสองค์โปรด แต่เนื่องจากความฉลาดที่เขาแสดงออกมาตอนเด็กๆ เขาจึงได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อยู่ช่วงหนึ่ง น่าสงสารที่ตอนเขาอายุได้เจ็ดขวบ มารดาของเขาก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน และองค์ชายสามตัวน้อยที่สูญเสียการปกป้องจากมารดา ช่วงเวลาในวังหลวงของเขาหลังจากนั้นจึงยากลำบากและยากที่เขาจะก้าวหน้าต่อไปได้ ทำให้เขาค่อยๆ สูญเสียกำลังใจไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็กลายเป็นองค์ชายที่อ่อนแอและขี้ขลาดตาขาวที่ไม่กล้าก้าวออกจากตำหนักของเขาเลย
“รู้จักขอรับ”
จวินอู๋เสียลูบขนอันเรียบลื่นของเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างเบามือ
“ในปีที่มารดาขององค์ชายสามเสียชีวิตลง เป็นปีเดียวกันกับที่เหลยฝานถือกำเนิด ตอนที่มารดาขององค์ชายสามตาย เหลยฝานตัวจริงเพิ่งถูกส่งตัวไปที่ตำหนักของฮองเฮา และหลังจากนั้นไม่นาน มารดาของเหลยฝานตัวจริงก็ตายตาม ขณะที่เหลยฝานตัวจริงถูกสับเปลี่ยนตัวกับบุตรชายของฮองเฮากับอัครเสนาบดี เจ้ายังมองไม่เห็นความเชื่อมโยงของเรื่องทั้งหมดนี้อีกหรือ”
เยี่ยซาฉุกคิดขึ้นมาได้ทันทีจากสิ่งที่จวินอู๋เสียบอกใบ้ “อย่าบอกนะขอรับว่ามารดาขององค์ชายสามไปเผอิญไปเห็นเข้าว่าฮองเฮาทำอะไร นางจึงถูกฮองเฮาฆ่าปิดปาก”
จวินอู๋เสียพยักหน้าน้อยๆ “เฟยเยียนไปสืบเรื่องขององค์ชายสามมาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะขี้ขลาดตาขาวต่อหน้าผู้คน แต่เขาก็เป็นคนที่ฉลาดมากจริงๆ ข้าคิดว่าเขาเองก็ต้องเห็นอะไรด้วยเช่นกัน หรือไม่ก็ค้นพบเรื่องสำคัญบางอย่าง ฮองเฮามีอำนาจปกครองวังหลัง เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้ฮองเฮาหมดอำนาจแล้ว เขาย่อมไม่พลาดโอกาสอันหาได้ยากนี้เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับมารดาของตน”
หลังจากพูดจบ จวินอู๋เสียก็วางเจ้าแมวดำตัวน้อยลงบนโต๊ะและยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“ก่อนเหลยเชินจะมาที่นี่ เขาแอบไปพบกับองค์ชายสามเป็นการส่วนตัวมาแล้ว ตอนนี้องค์ชายสามน่าจะเข้ามาในวังหลวงแล้วล่ะ”
การกำจัดศัตรูและส่งพวกมันไปลงนรก ไม่จำเป็นต้องให้นางลงมือเองทุกครั้งเสมอไป
บางครั้งถ้าเดินหมากดีๆ มันก็ให้ผลออกมาอย่างที่ต้องการได้เหมือนกัน
“เอาเถอะ การแสดงดีๆ แบบนี้จะพลาดได้อย่างไรกันเล่า เยี่ยซา” อยู่ๆ จวินอู๋เสียก็ลุกขึ้น
“ขอรับ คุณหนูใหญ่”
“ไปกับข้า ไปดูเรื่องสนุกๆ กัน ข้ามีของขวัญชิ้นใหญ่ที่อยากจะมอบให้กับฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนด้วย” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงขณะที่พูด
ตอนที่ 932 ยืมมือตบหน้าครั้งที่สอง (2)
เมื่อศัตรูสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ขณะที่ศัตรูพ่ายแพ้จนหมดรูป การให้พวกมันได้รับรู้ว่าพวกมันพ่ายแพ้ให้แก่ใคร ดื่มด่ำกับสีหน้าอันสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดของพวกมันเป็นความสำราญใจมากทีเดียว
จวินอู๋เสียเปลี่ยนชุดอาภรณ์ของชวีหลิงเย่ว์ออกและกลับมาสวมใส่เครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัว นางเช็ดเอาใบหน้าปลอมออกและปลอมใบหน้าเป็นจวินเสียตามเดิม
เยี่ยซาพาจวินอู๋เสียออกไปจากห้อง
การแสดงดำเนินมาใกล้ถึงฉากจบแล้ว นางย่อมอยากลิ้มรสผลที่นางอุตส่าห์ลงแรงไป!
ฮ่องเต้ประทับนั่งอยู่ในท้องพระโรง พระองค์ทอดพระเนตรมองฮองเฮากับอัครเสนาบดีที่ถูกทหารพาตัวมาและกำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น
สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับพระองค์มานานหลายปี ส่วนอีกคนเป็นขุนนางที่พระองค์ทรงไว้วางพระทัยมากที่สุด แต่สองคนนี้กลับทรยศพระองค์อยู่หลายปี และจากที่พระองค์ทรงได้ยินและได้ทอดพระเนตรเห็นด้วยตาของพระองค์เองเมื่อสักครู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาลักลอบเล่นชู้กัน!
เมื่อคิดย้อนกลับไปว่าฮองเฮาที่อ่อนโยนและว่าง่ายอยู่เสมอ กลับลักลอบเล่นชู้กับชายอื่นจริงๆ ฮ่องเต้ก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาในทันใด!
“กราบทูลฝ่าบาท! กระหม่อมค้นทั่วตำหนักของฮองเฮาตามรับสั่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ พบว่าพวกขันทีกับนางกำนัลทุกคนในตำหนักถูกทำให้หมดสติและถูกมัดรวมกันเอาไว้ที่สวนด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ” หยวนเปียวเดินเข้ามาในท้องพระโรงและคุกเข่าลงกราบทูล เขากำลังค้นหาร่องรอยของจวินอู๋เสียแต่ถูกฮ่องเต้เรียกตัวกลับมาด่วนและค้นพบว่ามีผู้ร้ายบุกเข้ามาในวังหลวง!
เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น พระหทัยของพระนางก็พลันหนาวเหน็บ นี่หมายความว่ามีคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น คนคนนั้นรู้ว่าพระนางลักลอบเป็นชู้กับอัครเสนาบดีและสามารถคาดคะเนได้ว่าฮ่องเต้จะทรงเสด็จมาที่ห้องบรรทมของพระนาง จึงจัดฉากเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
คนผู้นี้เป็นใคร เขารู้ความลับที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดีได้อย่างไร
ฮองเฮานึกขึ้นได้ว่าเหลยฝานบอกกับพระนางว่านักฆ่าชุดดำคนนั้นอาจจะรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของเขา พระนางคิดว่าเหลยฝานแค่ระแวงมากเกินไป แต่จากที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทุกอย่างน่าจะเป็นแผนของคนคนนั้น ผลักพวกเขาลงสู่เหวลึกไร้ก้นนี้อย่างช้าๆ!
สิ่งที่ทำให้ฮองเฮาหวาดกลัวมากขึ้นก็คือขนาดพระนางตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้แล้ว พระนางก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้!
“ขังพวกมันไว้แล้วส่งคนไปตรวจสอบให้ละเอียด!” ฮ่องเต้มีรับสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” หยวนเปียวขานรับ
ในตอนนั้นเอง เหลยฝานก็เดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างช้าๆ ด้วยการช่วยเหลือของพวกขันที เหลยเชินเดินอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเขา
เหลยฝานยังไม่หายดีนัก ใบหน้าของเขาจึงซีดขาวราวกับกระดาษ เมื่อเขาเห็นฮองเฮากับอัครเสนาบดีคุกเข่าอยู่ที่พื้น นัยน์ตาของเขาก็มีแววตกใจกลัว แต่ไม่กล้าแสดงอาการตกใจออกมาให้ผู้ใดเห็น
“น้องสี่ เดินระวังๆ” เหลยเชินเห็นเหลยฝานโอนเอนเล็กน้อย เขาจึงแกล้งทำเป็นเตือนด้วยความห่วงใย
เหลยฝานมองเหลยเชินเป็นหอกข้างแคร่มานาน แต่ตอนนี้เขาถูกฮ่องเต้สงสัยอยู่ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของเหลยเชิน เขายิ้มอย่างอ่อนแรงและพูดว่า “เสด็จพี่ ท่านต้องช่วยข้านะ”
เหลยเชินพยักหน้าและตอบว่า “น้องสี่วางใจเถอะ เจ้าเป็นน้องข้า ข้าไม่ปล่อยให้ผู้ใดมาข่มเหงเจ้าได้หรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหลยฝานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเหลยฝานกับเหลยเชินเดินเข้ามาในท้องพระโรง ความโกรธยังคงคุกรุ่นอยู่ในพระหทัย พระองค์พิจารณาใบหน้าของเหลยฝานอย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับพยายามจะให้แน่ใจว่าพระองค์ไม่ได้ตัดสินพระทัยผิดพลาด
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกเจ้าสองคนมีอะไรจะพูดหรือไม่” ฮ่องเต้เบนสายพระเนตรกลับไปข้างหน้า ถลึงตาจ้องฮองเฮากับอัครเสนาบดีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพระองค์อย่างโกรธแค้น
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ!”
“กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮองเฮากับอัครเสนาบดีก้มศีรษะลงจรดหน้าผากแตะพื้นยอมรับความผิดแต่โดยดี พวกเขาถูกฮ่องเต้จับได้ว่าลักลอบเล่นชู้ จะปฏิเสธแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาทั้งสองคิดเหมือนกันและรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีทางรอดแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็อยากจะปกป้องเหลยฝาน!
ฮ่องเต้แค่นเสียงหึออกมาอย่างเย้ยหยัน ขณะที่พระองค์กำลังจะออกพระราชโองการประหารชีวิตฮองเฮากับอัครเสนาบดี แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงขันทีประกาศการมาถึงของคนผู้หนึ่ง!