ตอนที่ 482 ไม่เล่นด้วยคงทำให้นางน้อยใจแย่

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 482 ไม่เล่นด้วยคงทำให้นางน้อยใจแย่

น้ำเสียงของคู่หมั้นตัวน้อยฟังแล้วสงบนิ่ง แต่เจียงโม่หานฟังออกถึงความบังคับขู่เข็ญ เด็กน้อยกำลังบอกเขาว่า…ตอบให้ดี ถ้าคำตอบทำให้นางไม่พอใจ เขาก็รอดูนางแผลงฤทธิ์ได้เลย

สำหรับเจตนาของซิ่วเหนียง หากเจียงโม่หานที่มีชีวิตมาหนึ่งชาติแล้วยังมองไม่ออก ชีวิตหลายสิบปีที่ผ่านมาก็คงไร้ค่าสิ้นดี เขาเบนสายตาไปที่กำแพงด้านข้าง ราวกับถ้ามองซิ่วเหนียงนานกว่านี้จะทำให้ดวงตาของตนสกปรก ต่อจากนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “พวกเราไม่ขาดวัวขาดม้า และยิ่งไม่ขาดแคลนสาวใช้ ! ”

ซิ่วเหนียงใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดใบหน้าแล้วเริ่มขอร้องอ้อนวอนพร้อมน้ำตา “คุณชาย ท่านสงสารซิ่วเหนียงเถิดเจ้าค่ะ ! ซิ่วเหนียงขอแค่มีที่ให้ซุกหัวนอนก็พอ…”

หลินจื่อเหยียนขมวดคิ้ว คิดว่าฟังแล้วผิดปกติไปหน่อย “พี่รอง พวกเราโดน…หลอกแล้วหรือ ? ”

“สมองขี้เลื่อยอย่างเจ้าก็ยังไม่ถือว่าโง่มากนัก ต่อไปนี้สายตาต้องดีหน่อย ใช่ว่าทุกคนจะควรค่าแก่การเห็นใจ ยังจำเรื่องเกี่ยวกับการจัดฉากเหล่านั้นที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม…ร้องไห้เก่ง ดึงดูดให้บุรุษมาปกป้องได้ง่ายขึ้น !

หลินจื่อเหยียนเข้าใจขึ้นมาทันที “ความหมายของพี่รองคือพวกเรากำลังโดนจัดฉาก ? ”

“เมื่อเด็กเติบโตแล้วยังพอสอนสั่งได้ ! ถ้าให้พูดตามจริงก็คือนางพุ่งเป้ามาที่บัณฑิตน้อย ! ” หลินเว่ยเว่ยยื่นมือไปข้างหลังแล้วหยิกแขนเจียงโม่หาน…ใครใช้ให้เจ้าล่อหมู่ภมรเก่งเหลือเกิน !

พอได้ยินแบบนั้น หลินจื่อเหยียนก็ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโกรธจัด “ไร้เหตุผลสิ้นดี พี่รองหวังดีช่วยชีวิตเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับ…กลับพุ่งเป้าไปที่คู่หมั้นของนาง คำว่าตอบแทนที่เจ้าพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นการทำคุณบูชาโทษ ! ”

ซิ่วเหนียงตกใจ อะไรกัน ? คุณชายรูปงามปานเทพเซียนผู้นี้เป็นคู่หมั้นกับกู่เหนียงตรงหน้า ? กู่เหนียงคนนี้ตัวสูงโปร่ง กิริยาดูหยาบกระด้าง แถมยังไม่ค่อยงดงามสักเท่าไร…หรือคนในครอบครัวจะเป็นฝ่ายตัดสินใจให้ ?

ซิ่วเหนียงยิ่งมุ่งมั่นว่าต้องได้ครองคู่กับคุณชายรูปงาม…นางจะช่วยเทพบุตรคนนี้ออกมาจากเงื้อมมือมารร้ายให้ได้ ขอแค่นางได้อยู่ข้างกายคุณชาย นางก็เชื่อว่าระหว่าง ‘บัวพันกลีบที่รู้ภาษา’ กับ ‘แม่เสือร้าย’ ไม่มีใครอยากเลือกประการหลังแน่นอน !

“ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น ! คุณชาย ท่านเชื่อข้าเถิด ข้าเพียงคิดจะตอบแทนบุญคุณ ไม่ได้มีความหมายอื่น…กู่เหนียงท่านนี้เข้าใจข้าผิดแล้ว…” ซิ่วเหนียงยกมือทาบหน้าอกแล้วคลานถอยออกไปสองก้าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับสายฝน

หลินจื่อเหยียนรู้สึกใจสั่นขึ้นมาทันที…บางที พวกตนอาจแค่คิดมากไปเอง ? ไม่สิ ! พี่รองเป็นคนดีขนาดนั้น ไม่มีทางใส่ร้ายคนอื่นแน่นอน ผ่านไปไม่นานเขาก็เริ่มกลับมาเชื่อในคำพูดของพี่รองอีกครา

“ตอบแทนบุญคุณ ? ได้ ทำสัญญาซื้อขายตัวเป็นทาสก่อน ! ” หลินเว่ยเว่ยเริ่มรำคาญ ถ้ายังไม่กลับท่าเรืออีก ฟ้าได้มืดก่อนแน่ !

“ขาย…ขายตัวเป็นทาส ? ” ซิ่วเหนียงพูดติดขัดขึ้นมาทันที หากทำสัญญาซื้อขายตัวเป็นทาสแล้ว นางก็คือทาสคนหนึ่ง ไม่มีใครอยากแต่งสาวใช้ขึ้นเป็นภรรยาเอก แม้จะเป็นอนุภรรยาแต่ก็อยู่ในฐานะอนุชั้นต่ำ นางทุ่มเทแรงกายขนาดนี้ ไม่ได้ทำเพราะจะเป็นอนุของใคร !

หลินเว่ยเว่ยยกยิ้มมุมปากอย่างประชดประชัน “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดเองหรือ ? เจ้าจะยอมเป็นสาวใช้เพื่อตอบแทนพวกเรา การจะเป็นทาสก็ต้องทำสัญญาซื้อขายกันก่อน ! สาวใช้ที่ไม่มีสัญญาซื้อขายตัว พวกเราไม่กล้าใช้หรอก ! ”

“ซิ่วเหนียงทำสัญญาซื้อขายตัวเป็นทาสก็ได้เจ้าค่ะ เพียงกังวลว่ากู่เหนียงและคุณชายจะต้องแบกรับชื่อเสียงของการบีบคั้นคนดีให้กลายเป็นทาสไว้บนบ่า” ซิ่วเหนียงยังหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเจียงโม่หานอีกรอบ แม้จะยังอาลัยอาวรณ์อยู่ แต่นางถอดใจเรียบร้อยแล้ว นางกลอกตาไปมาพลางหันไปมองพวกชายฉกรรจ์ที่ไม่ลุกจากพื้นแล้วแอบส่งสัญญาณมือให้พวกเขา

เสียงอันเฉยชาของเจียงโม่หานดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้ายอมเป็นทาสเอง แล้วการบีบคั้นมาจากที่ใด ? ”

เหล่าหลูพยายามลุกขึ้นยืน พอเห็นหลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาหา เขาก็รีบถอยออกไปหลายก้าว ก่อนจะแสร้งทำเป็นดุดัน “บิดาของนางติดหนี้โรงบ่อนเราเป็นเงิน 500 ตำลึง ถ้าพวกเจ้าคิดจะเอาตัวนางไปก็ย่อมได้ แต่ต้องชดใช้หนี้ที่ติดค้างไว้ก่อน คนถึงจะเป็นของพวกเจ้า”

“ว่าอย่างไรนะ ? 500 ตำลึง ? เจ้าเห็นเราเป็นคนโง่หรือไร ! ” หลินจื่อเหยียนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ พวกตนใช่ว่าไม่มีเงิน 500 ตำลึง แต่จะเอามาช่วยคนที่มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ ช่างไม่คุ้มค่า !

ชายฉกรรจ์อีกคนพูดว่า “ไม่มีเงินก็อย่าทำตัวเป็นคนดี ! ในมือของพวกเรามีสัญญากู้ยืมอยู่ ถ้าพวกเจ้าคิดจะปล้นไปดื้อ ๆ เราจะไปแจ้งทางการ ! ”

ซิ่วเหนียงยังทำตัวอ่อนแอและดูเข้าอกเข้าใจคนอื่นเหมือนเดิม “คุณชาย กู่เหนียง พวกท่านช่วยเหลือข้าไว้ แต่ซิ่วเหนียงกลับทำให้พวกท่านต้องลำบากไปด้วย…นี่คือชะตาชีวิตของซิ่วเหนียง พวกท่านไปเถิด…”

โม่ชิงหลีเข้าไปขวางนางไว้แล้วยิ้มอย่างสดใส “ก็แค่เงิน 500 ตำลึงไม่ใช่หรือ ? ข้าจ่ายให้เอง มาติดตามรับใช้ข้าแล้วกัน ! ข้าเป็นคนใจดี ถึงอย่างไรก็ทนมองหญิงสาวดี ๆ คนหนึ่งตกต่ำไม่ได้หรอก”

“ไม่…อย่างไรเงิน 500 ตำลึงก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ซิ่วเหนียง…ซิ่วเหนียงทนเห็นกู่เหนียงน้อยโดนคนในครอบครัวตำหนิไม่ได้ ขอบคุณในความหวังดีของพวกกู่เหนียงและคุณชายเจ้าค่ะ…” หลังจากพูดจบ นางยังสำลักเสียงสะอื้น ก่อนจะปิดหน้าวิ่งเข้าตรอกไป ชายฉกรรจ์สองคนนั้นก็ทำท่าวิ่งกะเผลกตามไปด้วย

“เฮอะเฮอะ เป็นละครที่ร้องเล่นได้ดีจริง ๆ หากไม่เล่นด้วยคงทำให้นางน้อยใจแย่ ! ” โม่ชิงหลียกมือเท้าสะเอว ขณะมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวคนนั้น นางก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา

หลินจื่อเหยียนหันไปมองคนนั้นทีคนนี้ที ก่อนจะพูดด้วยความหงุดหงิด “ขอโทษทีเถิด นอกจากข้าแล้ว พวกท่านทุกคนมองเห็นใบหน้าแท้จริงของนางกันหมดเลย…”

“พ่อหนุ่มน้อย อย่าเศร้าใจไปเลย โดนหลอกหลายรอบหน่อย เจอเรื่องร้าย ๆ อีกหลายครั้ง ประเดี๋ยวสายตาของเจ้าก็จะค่อย ๆ สว่างเอง” หลินเว่ยเว่ยหมุนตัวเดินขึ้นรถม้าเพราะถ้าช้ากว่านี้จะกลับถึงท่าเรือก่อนฟ้ามืดไม่ได้แน่นอน

โม่ชิงหลีเห็นหลินจื่อเหยียนทำหน้าบูดกว่าเดิม จึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าน่ะ เพราะมีคนส่งอาชาผอมแห้งหยางโจว1…มาให้ท่านพ่อหนึ่งตัว วิธีการของซิ่วเหนียงคนนั้น หากเทียบกับอาชาผอมแห้งหยางโจวตัวนั้นแล้วยังห่างไกลอีกเยอะ ทว่ากลิ่นกายอย่างไรก็ปกปิดไม่มิด”

“อาชาผอมแห้งหยางโจว ? เหตุใดอาชาของหยางโจวถึงผอมแห้ง มันกินไม่อิ่มหรือ ? ” หลินจื่อเหยียนถามอย่างโง่งม

โม่ชิงหลีหัวเราะคิกคัก “ใช่ อาชาพอกินมากไปก็จะเกียจคร้าน อ้วนไปก็วิ่งไม่ไหว ดังนั้นต้องทำให้ผอมหน่อย”

หลินจื่อเหยียนคิดว่าเป็นเรื่องจริง “อ้อ แบบนี้เอง ! นี่ไม่เหมือนกับคนกินเยอะไปก็จะง่วงนอนง่ายหรอกหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยยกมือปิดหน้า…เจ้าน้องชายโง่เง่าของนาง…ไม่รู้จะด่าเขาอย่างไรดี แม้แต่เด็กน้อยวัย 10 กว่าขวบยังหลอกเขาได้ โง่เกินไปแล้วจริง ๆ !

เมื่อพวกนางกลับมาถึงท่าเรือก็เป็นเวลาพลบค่ำ แสงอาทิตย์ยามอัสดงสะท้อนอยู่เหนือผิวน้ำ แม่น้ำกว่าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดงอมส้ม อีกครึ่งเป็นสีเขียวมรกต สายลมพัดผ่านผิวน้ำ สีสันที่ดูสดใสทำให้คนมองมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที หมู่เมฆค่อย ๆ เคลื่อนตัว…

เรือที่พวกนางโดยสารมา ปรากฏใครบางคนยืนอยู่บนดาดฟ้าพร้อมหมวกสำหรับฤดูหนาว หืม ? คนที่สวมผ้าคลุมผืนหนาก็มีแค่คนในห้องโดยสารด้านข้างของนาง ไม่ใช่หนิงอ๋องหรอกหรือ ? ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที…พาบุตรชายและบุตรสาวของอีกฝ่ายออกไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคยและยังพากลับมาย่ำเย็นขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่ผู้ปกครองจะกังวล

[i]
1 อาชาผอมแห้งหยางโจว หมายถึง หญิงสาวชาวหยางโจวที่ได้รับการฝึกอบรมพิเศษและพร้อมที่จะแต่งงานกับผู้มั่งคั่งในฐานะอนุภรรยา