บทที่ 505 ข้าไม่ต้องการเป็นภรรยาของผู้ใด
บทที่ 505 ข้าไม่ต้องการเป็นภรรยาของผู้ใด
ชายหนุ่มเปิดจุกฝาออกและกลิ่นหอมหวานก็ลอยออกมา
นี่คืออะไร? ซูอันไม่กล้าดื่มมัน จิตใต้สำนึกของเขาบอกว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ซูอันเก็บมันไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้ รอให้จี้เสี่ยวซีวิเคราะห์ให้ในภายหลัง นางค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ดังนั้นนางน่าจะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร
เขาสำรวจสิ่งของที่เหลืออยู่ของเฉินเซวียน และสะดุดตาเข้ากับหน้ากากบาง ๆ ที่ดูเหมือนผิวหนังมนุษย์
หืม?
จากละครทั้งหมดที่เคยดูก่อนหน้านี้ เขาเดาได้เลยว่าสิ่งนี้คืออะไร
เมื่อซูอันลองใช้มันบนใบหน้าของเขา ก็ได้ค้นพบว่าใบหน้าของตัวเองเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครสามารถจับเฉินเซวียนคนนี้ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองได้!” ซูอันเก็บหน้ากากนี้ไปอย่างระมัดระวัง
ในอนาคตสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เรื่องเดียวที่น่าเสียดายคือหน้ากากนี้เปลี่ยนหน้าตาได้ในแบบตายตัว เขาไม่สามารถสั่งให้มันเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องการ
ซูอันเก็บดาบของเฉินเซวียนขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นเมื่อไม่เจอของสิ่งอื่นอีก เขาจึงรีบกลับไปที่ถ้ำ
“เจ้าหนีไปไหนมา อาซู?” เจิ้งตานนั่งตัวตรง มองไปรอบ ๆ ตัวด้วยความตื่นตระหนก เมื่อนางเห็นเขา น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้ม
ซูอันรีบวิ่งเข้าไปปลอบนาง “เมื่อกี้ข้าออกไปข้างนอก ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้”
“ข้าคิดว่าเจ้าทิ้งข้า…” เจิ้งตานหัวเราะทั้งน้ำตาด้วยความเขินอาย นางเพิ่งมอบทุกอย่างให้กับเขาซึ่งมันทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
ซูอันรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ เสื้อผ้าของเจิ้งตานถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว เมื่อนางยืนขึ้น เกือบทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยแก่สายตาเขา
เจิ้งตานเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าอกของตัวเอง แล้วก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งทัดผมไว้ข้างหลังใบหูของนาง “เมื่อคืนเจ้าดูข้าทั้งคืนแล้ว” นางพึมพำอย่างเขินอาย “เจ้า…ยังดูไม่พออีกเหรอ?”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ เมื่อคืนนางดูมีความกระตือรือร้นมาก แต่ตอนนี้นางกลับกลายเป็นเขินอายอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่ากลับไปเป็นคุณหนูที่ไร้เดียงสาสุด ๆ ทำไมนางถึงมีบุคลิกหลากหลายเช่นนี้?
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้แต่น้อยแม้ว่านางจะมีสองบุคลิกก็ตาม
ข้าจะสนุกกับทั้งคู่!
ซูอันเอื้อมมือออกไปเชยคางนางขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่มีวันรู้สึกเพียงพอต่อเจ้า” เขาพูดพร้อมจ้องไปที่ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของนาง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความชื่นชม
ใบหน้าของเจิ้งตานกลายเป็นสีแดง “ตอนนี้ข้าทำไม่ได้จริง ๆ ข้าเจ็บ…” นางพูดเบาๆ
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเขินอาย
ซูอันหัวเราะและกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา “ใจเย็น ๆ ข้าไม่ใช่สัตว์ประหลาดขนาดนั้น”
เมื่อคืนนี้ แม้แต่ความแข็งแกร่งของตัวเองก็หมดลงหลังจากบากบั่นทำไปสิบแปดรอบ
ซูอันสังเกตเห็นชุดเสื้อผ้าสีม่วงเป็นประกายอยู่ในถ้ำ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะทำมาจากเส้นไหมบางชนิดที่พิเศษมาก ๆ แถมพื้นผิวของมันถูกฝังด้วยคริสตัลและอัญมณีมากมาย
มันเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับเทพธิดาอย่างแท้จริง แม้แต่เจิ้งตานที่เคยเห็นเสื้อผ้าทุกประเภทมาก่อน หลังจากลองสวมมันแล้วก็คงไม่อยากถอดออกอีก
มังกรชอบสะสมวัตถุแวววาว มีทอง เงิน และอัญมณีอื่น ๆ อยู่ที่นี่อย่างมหาศาล และมังกรตัวนี้อาจเห็นเสื้อผ้าที่แวววับเช่นนี้เป็นของสะสมของมัน เพราะมันทั้งสว่างและพร่างพราย
“ตอนนี้เรารวยแล้ว! ที่นี่มีสมบัติเพียบเลย!” ซูอันนำกองทองคำและสมบัติทั้งหมดมา และประเมินว่าทั้งหมดน่าจะมีมูลค่าอย่างน้อยสองหรือสามล้านตำลึง เขาไม่สามารถเก็บความยินดีได้ “มาแบ่งครึ่งกันเถอะ!” แล้วก็บอกเจิ้งตาน
เจิ้งตานส่ายหัว “เงินและของมีค่าเป็นเพียงสมบัติทางโลก พวกมันไม่มีความหมายอะไรกับข้า เจ้าเอาไปเถอะ”
ซูอันตกตะลึง “ทำไมเจ้าถึงแอบก่อตั้งกลุ่มวาฬ ถ้าเจ้าไม่สนใจเรื่องเงิน?”
เจิ้งตานถอนหายใจ “สาเหตุที่ข้าทำลงไปเพื่อความอยู่รอดของตระกูลข้าล้วน ๆ ตระกูลเจิ้งของข้าไม่เหมือนกับตระกูลฉู่ที่มีรากฐานแข็งแกร่งซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งเอาไว้ จนปัจจุบันนี้ก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางตลาดค้าเกลือส่วนใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่างไว้ได้”
“แรกเริ่มตอนที่ข้าก่อตั้งกลุ่มวาฬ เมื่อตอนนั้นข้ายังเด็กและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ฉะนั้นเมื่อข้าเห็นความลำบากของพ่อแม่ในแต่ละวัน ข้าจึงต้องการช่วยพวกเขาแบ่งเบาภาระ บวกกับการที่ข้ารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตในตระกูลของข้าบ้างอยู่แล้ว ข้าจึงอยากลองใช้ชีวิตแบบอื่น
ตระกูลเจิ้งได้รับเงินจากกลุ่มวาฬจำนวนไม่น้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และทำให้ตระกูลฉู่อ่อนแอลงในระดับหนึ่ง ท่านพ่อของข้ายิ้มมากขึ้น แต่พอผ่านไปเรื่อย ๆ ข้ากลับไม่มีความสุขเฉกเช่นเดียวกับคนในตระกูลของข้า”
หลังจากได้ฟังเรื่องราว ซูอันคิดวิเคราะห์จนกระจ่างในมุมมองของแต่ละฝ่าย
จากมุมมองของตระกูลฉู่ ผู้ลักลอบค้าเกลือผิดกฎหมายนั้นน่ารังเกียจ ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงตระกูลเจิ้ง
แต่ในสายตาของตระกูลเจิ้ง พวกเขารู้สึกไม่พอใจมาช้านานที่ตระกูลฉู่ ได้รับสิทธิพิเศษมากมายจากสิ่งที่บรรพบุรุษเคยสร้างมา ทั้ง ๆ ที่ตระกูลเจิ้งเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย แต่พวกเขากลับไม่ได้สิทธิพิเศษเหล่านั้นบ้าง
ซูอันไม่อาจตัดสินได้ว่าฝ่ายไหนถูกหรือฝ่ายไหนผิด ในท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญคือเขาเลือกที่จะอยู่ฝ่ายไหนต่างหาก
“ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกมีความสุข?” ความสงสารเพิ่มขึ้นภายในใจของซูอัน เมื่อเห็นความกังวลของนาง เขาจึงเอื้อมมือไปลูบหลังปลอบนาง
“กลุ่มวาฬมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายมากมาย ดังนั้นเราจึงตกเป็นเป้าหมายของทางการ และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ตระกูลเจิ้งยอมเกี่ยวดองกับตระกูลซ่างผ่านการแต่งงาน มีเพียงอาศัยการคุ้มครองของตระกูลซ่างเท่านั้นที่จะทำให้เรามีโอกาสดำเนินการค้าเกลือเถื่อนต่อไป ไม่อย่างนั้นกลุ่มวาฬคงถูกกำจัดไปนานแล้ว” เจิ้งตานอธิบาย
เมื่อพวกเขาพบพ่อบ้านของตระกูลเจิ้งตอนเข้าตรวจเรือ ตระกูลฉู่ได้สงสัยแล้วว่าตระกูลซ่างมีส่วนเกี่ยวข้องมากที่สุดกับการค้าเกลือผิดกฎหมายนี้
ในที่สุดข้อสงสัยก็ได้รับการยืนยัน
ซ่างหงนี่เด็ดเดี่ยวจริง ๆ! เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเสี่ยงยอมสมรู้ร่วมคิดกับพวกลักลอบค้าเกลือเพื่อโค่นล้มตระกูลฉู่
ต้องรู้ว่าหากเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผย แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาปกป้องสถานะผู้ตรวจการของซ่างหงได้!
น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนการลากเจิ้งตานไปเป็นพยานต่อต้านตระกูลซ่างก็คงทำไม่ได้ใช่ไหม?
เขาไม่สามารถทำอะไรที่ไร้ความปรานีต่อเจิ้งตานได้
ซูอันครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเขาก็ถามว่า “เจ้าชอบซ่างเชียนหรือเปล่า?”
เจิ้งตานยิ้ม “เจ้าหึงเหรอ?”
ซูอันพ่นลมหายใจ “ข้าจะไปหึงเขาทำไม? ถ้าใครจะเป็นฝ่ายหึงก็สมควรจะเป็นเขา!”
เจิ้งตานเข้าใจชัดเจนว่าซูอันหมายถึงอะไร นางกลอกตาและพูดว่า “ไม่ว่ารูปลักษณ์ ภูมิหลัง หรือความสามารถ ซ่างเชียนเป็นสามีที่ยอดเยี่ยมสำหรับตระกูลเจิ้ง น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้สึกอะไรมากเมื่ออยู่กับเขา เหตุผลเดียวที่ข้ายอมแต่งงานก็เพราะผลประโยชน์ที่จะนำมาสู่ตระกูล อันที่จริงข้าไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ตระกูลได้ตัดสินใจให้ข้ามานานแล้ว”
เมื่อรู้สึกถึงความหดหู่ใจและความเหงาในน้ำเสียงของนาง ซูอันจึงเอ่ยขึ้นถาม “ทำไมเจ้าไม่ทิ้งการหมั้นนี้ไปแล้วมาอยู่ข้าแทน?”
“อยู่กับเจ้า?” เจิ้งตานอุทานพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างขบขัน “ให้ข้าไปอยู่กับเจ้าเข้าไปเป็นสมาชิกตระกูลฉู่เนี่ยนะ?”
ซูอันแทบสำลักเมื่อเพิ่งคิดได้ว่าข้อเสนอของเขามันไร้สาระสุด ๆ ขณะนี้ระหว่างทั้งสองตระกูลนับได้ว่ามีความแค้นระหว่างกัน มันคงไม่มีทางเป็นไปได้ที่ตระกูลฉู่จะยอมรับเรื่องนี้
เจิ้งตานถอนหายใจ “แม้ว่าข้ามักจะแสดงให้คนอื่นเห็นเสมอว่าเป็นคนเรียบร้อยและเชื่อฟัง แต่จริง ๆ แล้วข้าเป็นคนที่หยิ่งผยองและรักในศักดิ์ศรีของตัวเอง ข้าไม่เคยอยากเป็นภรรยาของผู้ใด แม้แต่กับคนที่มีพื้นเพที่โดดเด่นเช่นซ่างเชียน”
เมื่อพูดจบประโยคและเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของซูอัน นางจึงกล่าวเสริม “แต่อาซูแตกต่างออกไป การเป็นภรรยาของเจ้า…ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้…”