บทที่ 506 เผยสมบัติมิติ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 506 เผยสมบัติมิติ

บทที่ 506 เผยสมบัติมิติ

เมื่อเห็นความอ่อนโยนในดวงตาของเจิ้งตาน ซูอันก็เอื้อมมือไปจับมือที่อ่อนนุ่มของนางไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“ช่างน่าเสียดาย…” เจิ้งตานพูดต่อ “ข้าไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองคนเดียวได้ ข้าต้องคิดถึงบุญคุณของตระกูลที่เลี้ยงดูข้ามาด้วย ข้าไม่สามารถเห็นแก่ตัวและทำร้ายตระกูลเจิ้งของข้าได้

“แต่ความบริสุทธิ์ของเจ้า…แล้วเจ้าจะแต่งงานกับตระกูลซ่างได้ยังไง?” ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้

“ข้าจะหาวิธีแก้ไขปัญหานี้อีกที ไม่ว่ายังไง ยังมีเวลาอีกสักระยะก่อนที่การแต่งงานของข้าจะถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ” เจิ้งตานขมวดคิ้วอย่างกังวล ตระกูลซ่างไม่ใช่คนโง่ ซ่างหงนั้นเฉียบแหลมกว่าลูกชายของเขาอย่างเทียบกันไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลอกลวงพวกเขา

ซูอันเริ่มหดหู่ล็กน้อย “เจ้าอยากแต่งงานกับตระกูลซ่างจริง ๆ เหรอ?”

นิ้วที่อ่อนนุ่มของเจิ้งตาน ลูบไล้แก้มของเขาอย่างอ่อนโยน “โธ่ ๆ ที่รักของข้าโกรธข้าเสียแล้วงั้นเหรอ?”

การล้อเล่นของนางทำให้ทั้งคู่นึกถึงช่วงเวลาเร่าร้อนที่พวกเขาได้มีร่วมกันเมื่อคืนก่อน ซึ่งทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว

“เฮ้อ สุดท้ายแล้ว เรายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะสามารถตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองคนเดียว…”

เจิ้งตานถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม นางก็เสริมอย่างรวดเร็วว่า “แต่อาซู ได้โปรด ไม่มีอะไรต้องกังวล แม้ว่าข้าจะแต่งงานกับตระกูลซ่าง ข้าก็จะเป็นของเจ้าตลอดไป ตราบเท่าที่เจ้าต้องการข้า เจ้าสามารถพบข้าได้ตลอดเวลา…”

เมื่อเผชิญกับน้ำเสียงที่ออดอ้อนและคำพูดที่น่าดึงดูดใจเช่นนี้ หัวใจของ ซูอันก็เต้นผิดจังหวะ “เจ้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการทั้งหมดงั้นเหรอ…?”

เจิ้งตานประทับนิ้วของนางไปยังริมฝีปากของซูอันเบา ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น แต่นี่คือทั้งหมดที่ข้าทำได้เพื่อเจ้า”

“ข้ามีชีวิตที่หรูหราตั้งแต่แรกเกิด และพ่อแม่ของข้าก็ปฏิบัติกับข้าเป็นอย่างดี ข้าได้รับทั้งทรัพยากรบ่มเพาะและการศึกษา ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถละทิ้งพวกเขาได้ ข้าหวังว่าอาซูจะไม่โทษข้าที่เลือกเช่นนี้”

ซูอันส่ายหัว “เหตุผลที่เจ้าเลือกแบบนี้ก็เพราะว่าเจ้าเป็นคนจิตใจงาม เจ้ากำลังทำสิ่งนี้ด้วยความกตัญญูกตเวที ข้าจะตำหนิเจ้าอย่างเห็นแก่ตัวได้ยังไง ว่าแต่เจ้ากับซ่างเชียนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”

“ประมาณหนึ่งปีนับจากนี้” เจิ้งตานตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ยังพอมีเวลา” ซูอันพึมพำกับตัวเอง เสียงของเขาเริ่มจริงจัง “เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะแย่งเจ้ามาให้ได้ โดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับปัญหาของตระกูลเจิ้งเช่นกัน” เขากล่าว

เจิ้งตานยิ้มกว้าง ดวงตาที่สวยงามเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่ลึกล้ำ “ข้าจะรอเจ้า”

“แต่เจ้าจะปล่อยให้ผู้บัญชาการซ่างเอาเปรียบเจ้าไปก่อนหน้านั้นไม่ได้!” ซูอันกล่าวด้วยท่าทางที่จริงจัง

เจิ้งตานยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เคยปล่อยให้เขาจับมือข้าด้วยซ้ำ”

ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “ห๊ะ? แล้วทำไมตอนนั้นเจ้าถึงให้ข้า…”

นางรุกเข้าหาเขาแบบถึงเนื้อถึงตัวตั้งแต่เริ่มแรกที่พบกัน! นั่นเป็นเหตุผลที่ซูอันคิดว่านางเป็นแบบนี้กับคู่หมั้นของนางด้วย ถ้าไม่พบว่านางเป็นสาวพรหมจารี จินตนาการของเขาคงจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ซะอีก

เจิ้งตานมองเขา “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมข้าถึงทำตัวไม่เหมือนเดิมเวลาอยู่กับเจ้า ข้าควรจะวางกับดักน้ำผึ้ง แต่กลับต้องพบกับการสูญเสียหัวใจของตัวเองแทน!”

ซูอันหัวเราะ “นี่หมายความว่าเราเป็นคู่สวรรค์สร้างไม่ใช่เหรอ?”

เจิ้งตานยิ้มหวานและซุกหน้าของนางกับหน้าอกของเขา

“ว่าแต่ ตอนแรกเจ้าเข้าหาข้าทำไม?” ซูอันถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“แน่นอนว่าข้าต้องการตั๋วหนี้ของบ่อนโกยเงิน! มีหลายตระกูลต้องการที่จะฮุบทรัพย์สินของสำนักดอกบ๊วย” เจิ้งตานยิ้มด้วยความเขินอายขณะที่นางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจจะยั่วยวนเขา

“มันไม่ใช่แค่ตระกูลหรอก แม้แต่สถาบันจันทร์กระจ่างก็ยังต้องการด้วย” ซูอันอธิบายข้อตกลงของเขากับสถาบันจันทร์กระจ่างอย่างคร่าว ๆ ทั้งเขาและเจิ้งตานมีความสัมพันธ์กันขนาดนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการปิดบังเรื่องนี้จากนางอีกต่อไป

เจิ้งตานเริ่มหงุดหงิด “เจ้าไม่มีตั๋วหนี้ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ!?” แก้มของนางแดงด้วยความอับอาย “เจ้าไม่ปริปากบอกเลยแม้แต่นิด ทั้ง ๆ ที่ข้าทุ่มเทไปตั้งมากมาย!”

ซูอันหัวเราะคิกคัก “ก็ตอนนั้นเราสองคนเป็นศัตรูกัน ทำไมข้าจะต้องบอกเจ้า? นอกจากนี้ ผู้ชายคนไหนจะโง่พอที่จะละทิ้งสาวงามที่ตั้งใจเสนอตัวมาให้ตัวเอง?”

“ฮึ่ม!! ข้าเกลียดเจ้า! ข้าจะกัดเจ้าให้ตาย!”เจิ้งตานแยกเขี้ยวและกระโจนใส่เขา ซูอันรีบหลบด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสองยังคงอยู่ในถ้ำต่อไปอีกหลายวัน ประการแรก พวกเขาจำเป็นต้องฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และประการที่สอง ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขารู้สึกผ่อนคลายที่สุด ในที่นี้ ทั้งสองไม่ต้องคิดถึงความรับผิดชอบ ตระกูล หรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้พวกเขาหนักใจ

คู่รักคู่นี้พักอยู่ที่นี่เพียงลำพัง และทุกครั้งที่พวกเขาสบตา ผืนปฐพีย่อมต้องสั่นสะเทือนบรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเร่าร้อนจนบางครั้งเสียงที่เล็ดลอดยังทำให้แม้แต่นกที่บินผ่านยังหน้าแดง

“แม้ว่าในอนาคตจะมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจนทำให้ข้าไม่สามารถช่วงชิงเจ้ามาได้ อย่างน้อยที่สุดข้าจะไม่ปล่อยให้ซ่างเชียนแตะต้องเจ้า แม้เจ้าจะแต่งงานเข้าตระกูลซ่างไปแล้วก็ตาม!”

เจิ้งตานหัวเราะคิกคัก “แต่เขาเป็นสามีที่แท้จริงของข้า เจ้าทำตัวไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่า…”

“ไม่เกี่ยว! ข้าไม่อนุญาต!”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องพยายามแย่งข้ามาให้ได้! แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”

“เจ้าตั้งใจจะทำให้ข้าโกรธเหรอ?”

“อ่า…ข้าขอโทษนะ ท่านพี่…ข้าเรียกท่านแบบนี้ดีไหม?” เจิ้งตานยิ้มอย่างเอียงอาย

ณ กิ่งยอดสุดของต้นไม้ขนาดใหญ่ เจิ้งตานที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้มองไปยังกองเรือที่รวมตัวกันอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ นางถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเราคงต้องกลับกันแล้ว”

ซูอันพยักหน้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดที่ไม่ได้ใกล้จากเมืองเลย แต่จะพบพวกเขาเมื่อไหร่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น “เจ้าพอจะมองออกไหมว่ากองเรือพวกนั้นเป็นของกลุ่มวาฬหรือมาจากเมืองจันทร์กระจ่าง”

เจิ้งตานส่ายหัว “เหล่าคนบนเรือไม่ใช่คนจากกลุ่มวาฬ กลุ่มวาฬไม่ใส่ชุดแบบนี้ พวกเขาน่าจะ…”

นางเป็นผู้นำของกลุ่มวาฬ ดังนั้นนางจึงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

เมื่อเห็นนางพูดแล้วก็หยุด ซูอันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นกองทหารลาดตระเวนลำน้ำของซ่างเชียนใช่ไหม?”

เจิ้งตานพยักหน้าด้วยท่าทางหดหู่

“ซ่างเชียนดูเหมือนจะสนใจเจ้ามากทีเดียว” ซูอันพูดพร้อมกับถอนหายใจ

เจิ้งตานแสดงสีหน้าซับซ้อน “อันที่จริงเขาดีต่อข้าพอสมควร”

ซูอันไม่ได้คาดหวังคำตอบนี้

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเราลักลอบเล่นชู้กัน?”

“จิ๊!” เจิ้งตานหน้าแดงทันที “ใครจะพูดถึงตัวเองแบบนั้นกัน!?”

ซูอันหัวเราะ “เอาเถอะ ๆ พวกเรารีบไปเก็บของแล้วกลับกันดีกว่า”

ซูอันหายตัวไปนานมาก ทั้งสถาบันจันทร์กระจ่างและตระกูลฉู่ต้องกังวลใจอย่างแน่นอน

ไม่มีสัมภาระอะไรมากให้เก็บ พวกเขาถูกไล่ล่ามาโดยไม่ได้ตั้งตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้นำอะไรติดตัวมาด้วย

สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องนำติดตัวมาด้วยคือกองสมบัติของมังกรแดง

“เราจะนำสิ่งเหล่านี้กลับไปได้ยังไง?” เจิ้งตานจ้องไปที่กองสมบัติที่อยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางกังวล

ซูอันยิ้ม “ไม่ต้องห่วง!”

เขาเดินขึ้นไปที่สมบัติ และเพ่งจิตไปที่พวกมัน จากนั้นสมบัติที่เปล่งประกายทั้งหมดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“สมบัติมิติ!” เจิ้งตานตกใจมาก ใบหน้าของนางแดงขึ้นทันที “ไม่แปลกใจเลยที่ข้าไม่สามารถหาตั๋วหนี้เจอจากในตัวเจ้าได้! ที่แท้เจ้าก็มีสมบัติมิตินี่เอง ข้ายอมเปลืองตัวไปแบบเปล่าประโยชน์!”

ซูอันโอบแขนรอบเอวของนางและจูบนางอย่างดูดดื่ม “ถ้าเจ้าไม่เข้าหาข้า เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น เราสองคนก็ไม่ได้มาพบกัน นี่เป็นผลงานของโชคชะตาอย่างแท้จริง!”

“โชคชะตาช่างไม่ปรานีเอาซะเลย!” เจิ้งตานเย้ยหยันและเดินไปอีกทางอย่างแสนงอน ใบหน้าของนางร้อนผ่าว

ซูอันหัวเราะเสียงดังและตามนางออกไป