บทที่ 436 กล้ามาลวนลามซื่อจื่อเฟยของเรา หาเรื่องตาย

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 436 กล้ามาลวนลามซื่อจื่อเฟยของเรา หาเรื่องตาย

นางต้องห้ามฉินหานซู่ ถ่วงเวลาให้ตัวเองให้ได้

“ท่านอามีเจ้าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว บัดนี้เจ้าออกเรือนแล้ว ทั้งหมดของตระกูลฉินก็ต้องเป็นของข้า ท่านอาแก่ตัวไปยังต้องหวังให้ข้าเลี้ยงดูยามแก่ชราอีกน่ะ เจ้าคิดว่า เขาจะไล่ข้าออกไปเพื่อบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วอย่างเจ้ารึ!”

ฉินหานซู่รักหลงใหลฉินจิ้งอี๋มาหลายปี พยายามทำคะแนนหลายครั้ง ก็โดนฉินจิ้งอี๋ปฏิเสธ ดูถูกและรังเกียจมาตลอด

บัดนี้มีสาวงามอยู่ตรงหน้า มีหรือที่เขาจะทนไหวอีก เขาก้าวเท้ายาวพุ่งเข้าไป ดึงรั้งฉินจิ้งอี๋ที่พุ่งหนีไปที่ประตูกลับมา กดนางลงบนโต๊ะ ของมงคลที่อยู่บนโต๊ะหล่นพื้นกระจายสาดกระเซ็นไปทั่ว

ฉินจิ้งอี๋ตบหน้าเขาหนึ่งฉาดอย่างโกรธจัด “ไสหัวไป เจ้าเดรัจฉานอย่างเจ้าอย่ามาแตะต้องตัวข้า!”

“น่าตายนัก เจ้ากล้าตบข้า ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายเลย!” ฉินหานซู่เดือดดาลจัด ตบหน้าฉินจิ้งอี๋ฉาดใหญ่

ฉินจิ้งอี๋รู้สึกหัวมึนงง เกิดภาพซ้อนขึ้นตรงหน้า

ฉินหานซู่กดทับฉินจิ้งอี๋อย่างกักขฬะ มือใหญ่คว้ากระชากชุดแต่งงานของนาง

“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ใครก็ได้!” ฉินจิ้งอี๋ร้องเสียงดัง

“ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้คนมีหน้ามีตาในเมืองหลวงล้วนมากันหมด จ้าวเคอต้องดื่มชนแก้วคารวะไปจนฟ้ามืดแน่ ดังนั้นเจ้าเป็นของข้าแน่!” ฉินหานซู่บังคับจูบลงไป

หยุนถิงที่บังเอิญมาถึงหน้าห้องพอดี และได้ยินความเคลื่อนไหวข้างใน สีหน้าเย็นชาลงฉับพลัน ถีบประตูเปิดออกทันที

สุดท้าหยุนถิงเห็นมีคนหนึ่งคล่อมตัวฉินจิ้งอี๋คิดทำมิดีมิร้ายนาง ก็ตะคอกดังอย่างเดือดดาลว่า “สารเลว ปล่อยฉินจิ้งอี๋เดี๋ยวนี้นะ!”

“ไอ้บ้าที่ไหนตาถั่วกล้ามาขัดจังหวะข้า—-“ ฉินหานซู่ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นหยุนถิงที่หน้าประตู เขาเบิกตากว้างเหม่อลอยทันที

“สวรรค์ มีสาวงามเช่นนี้อยู่ด้วย เจ้างามกว่าฉินจิ้งอี๋หลายเท่านัก วันนี้ข้าช่วยโชคดีเสียจริง ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง ข้าก็จะสนุกสุดขั้วไปเลย” ฉินหานซู่มองหยุนถิงด้วยสายตาโลมเลีย สองตาเป็นประกาย เหมือนเห็นเหยื่อก็ไม่ปาน

ถึงหยุนถิงจะหยิ่งผยองเหิมเกริม แต่คนรอบกายมักเป็นองค์ชายองค์หญิงทั้งนั้น หรือไม่ก็คุณชายคุณหนูตระกูลสูง

อย่างฉินหานซู่ที่เป็นสายรองของตระกูลฉิน วันๆเอาแต่ลักเล็กขโมยน้อย กินดื่มเที่ยวหอนางโลมไปวันๆ ไปทุกที่ที่เป็นแหล่งอโคจรเช่นนี้ ถึงฉินหานซู่จะเคยได้ยินข่าวลือของหยุนถิงมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเจอตัวจริง ย่อมไม่รู้จักอยู่แล้ว

ฉินจิ้งอี๋เห็นพระมาโปรดแล้ว “คุณหนูหยุนช่วยข้าด้วย!”

“ช่วยเจ้า นางเองยังเอาตัวไม่รอดเลย วันนี้ข้าจะเล่นหนึ่งต่อสอง เอาให้สนุกสุดๆไปเลย!” ฉินหานซู่พูดพลางพุ่งเข้าหาหยุนถิง

หยุนถิงสีหน้าเย็นเยียบ ดวงตาคมปลาบ ยืนนิ่งไม่ขยับ มองคนที่พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม

ยังไม่รอที่เธอจะลงมือ หลงเอ้อร์ที่ตามมาอารักขาหยุนถิงก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วดุจสายลม ฉินหานซู่รู้สึกมีประกายกระบี่วาบขึ้น เขายังไม่ทันเห็นชัด ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หว่างขา พอก้มหน้าไปดู ก็พบว่าเลือดไหลนองเต็มกางเกงแล้ว

“อ๊าก ลูกชายข้า เจ้า เจ้ากล้าตอนข้า เจ็บนัก ข้าจะไม่ปล่อย—“ ฉินหานซู่ร้องโหยหวน

หลงเอ้อร์ตวัดกระบี่อีก ตัดลิ้นเขาเอาดื้อๆ

ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วปาก เลือดเนื้อไหลนอง ร้องไม่ออกแล้ว ฉินหานซู่เจ็บจนอยากตาย สีหน้าซีดเผือด ล้มลงนอนกับพื้น จะร้องโหยหวนก็ร้องไม่ออก ทรมานอย่างมาก

“กล้ามาลวนลามซื่อจื่อเฟยของเรา หาเรื่องตายชัดๆ!” หลงเอ้อร์บอกอย่างไม่แยแส

เลวเยี่ยงนี้ยังกล้าไม่เคารพซื่อจื่อเฟย สมน้ำหน้า

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเดียว ฉินจิ้งอี๋ยังไม่ทันตั้งตัว ก็เห็นฉินหานซู่นั่งกุมหว่างขาอยู่ที่พื้นในสภาพเลือดเต็มปาก ลิ้นที่ขาดครึ่งท่อนหล่นอยู่บนพื้น ทำเอานางตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทาขึ้นมาไม่หยุด

“เจ้ามิเป็นไรกระมัง?” หยุนถิงมองมาอย่างเป็นห่วง

“ข้า ข้ามิเป็นไร” ฉินจิ้งอี๋ตอบเสียงสั่นๆ

หยุนถิงยื่นมือไปตบไหล่นางเบาๆ “อย่ากลัวไปเลย ถึงหลงเอ้อร์จะลงมือเหี้ยมโหดไปหน่อย แต่สั่งสอนคนสารเลวเช่นนี้จะใจอ่อนมิได้เด็ดขาด เขากล้าทำตัวไร้มารยาทในวันแต่งงานของเจ้าเช่นนี้ รู้ได้เลยว่าต่อไปก็ไม่มีทางเลิกราแน่ รับมือคนสารเลวเช่นนี้ต้องเอาให้ถึงตายในทีเดียว ให้เขาไม่อาจแตะต้องสตรีได้อีก หลงเอ้อร์พาเขากลับไป อย่าอยู่รบกวนคุณหนูฉินที่นี่เลย”

“ขอรับ!” หลงเอ้อร์หิ้วฉินหานซู่ที่ทรมานร้องอืออาจากไป

จากนั้นองครักษ์ลับสองคนก็เข้ามาเช็ดรอยคราบเลือดบนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เก็บกวาดของมงคลที่กระจัดกระจายมาวางบนโต๊ะตามเดิม

ในห้องหอที่กว้างใหญ่ฟื้นฟูกลับดุจเดิม ฉินจิ้งอี๋ถึงวางใจขึ้นหน่อย

นางรู้ฝีมือหยุนถิงดี และยิ่งรู้ดีถึงระดับความรักใคร่ฮูหยินของจวินหย่วนโยว ตอนนี้ได้เห็นองครักษ์เงามังกรลงมือกับตาตนเอง ทั้งตกใจและตกตะลึงยิ่งนัก แต่คิดๆดูแล้วก็สมเหตุสมผลอยู่

ฉินจิ้งอี๋ที่อยู่ในชุดเจ้าสาว พลันคุกเข่าลงทันที “ขอบคุณคุณหนูหยุนยิ่งนักที่ช่วยข้าไว้เมื่อครู่ หากข้าต้องโดนไอ้สารเลวนั่นย่ำยีจริงๆ ข้าไม่มีทางจะอยู่สู้หน้าจ้าวเคอได้ และยิ่งไม่มีหน้าอยู่ต่อไปในโลกนี้ได้แน่

ข้าขอบคุณท่านนัก ไม่เพียงแค่ครั้งนี้ ยังมีที่ท่านช่วยทำให้ข้าได้แต่งงานกับจ้าวเคอ พวกเราสามารถแต่งงานกันได้ก็เพราะท่าน บุญคุณครั้งนี้ข้าจะจารึกไว้ในใจ หากวันหน้าท่านต้องการข้า ข้าจะทุ่มสุดตัวแน่นอน”

หยุนถิงรีบพยุงนางลุกขึ้น “รีบลุกขึ้นเถิด มาคุกเข่าคารวะข้าในวันแต่งงานทำไมกัน พวกเจ้าสองคนรักใคร่ต่อกันด้วยใจจริง ข้าก็แค่ให้โอกาสพวกเจ้าเท่านั้นเอง จัดแต่งเสื้อผ้าให้ดีซะ จ้าวเคอน่ะรอคอยวันนี้มานานนักแล้ว”

ฉินจิ้งอี๋หน้าแดงฉับพลัน พยักหน้าหงึกๆ “คุณหนูหยุน เรื่องเมื่อครู่ขอร้องท่านอย่าบอกจ้าวเคอได้หรือไม่?”

“วางใจเถอะ เรื่องเช่นนี้ข้าไม่พูดหรอก ชาตินี้เจ้าจะไม่มีวันได้เจอฉินหานซู่อีกแน่” หยุนถิงปลอบนาง

“ขอบคุณมาก!”

หยุนถิงปลอบนางอีกหลายคำ ก่อนจากไป ก่อนไปยังตั้งใจเหลือองครักษ์สองคนเฝ้าหน้าประตู ป้องกันมีคนมารบกวนอีก

รอจนหยุนถิงไปที่โถงด้านหน้า ก็เห็นบรรยากาศที่โต๊ะของซื่อจื่อดูชอบกลแต่ไกล

องค์ชายสี่โม่ฉือชิงมองบนพลางว่า “จวินหย่วนโยวเจ้าควรแล้วรึ พวกเราดื่มเหล้ากันเจ้ากลับดื่มชา”

“ข้าไม่เคยไว้หน้าผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” จวินหย่วนโยวย้อนหน้าตาเฉย

“วันนี้เป็นวันแต่งงานของจ้าวเคอ ปกติเจ้าหยิ่งราวกับคนโง่งมก็ไม่มีใครสน ยากนักจะมางานแต่งคนอื่น กลับทำหน้าเศร้าหมองราวกับคนอื่นติดเงินเจ้าเสียอย่างนั้น เจ้าไม่มาเสียยังดีกว่าอีก” ฟู่อี้เฉินรังเกียจ

จวินหย่วนโยวส่งสายตาคมปลาบดุจใบมีดไปให้ ทำเอาฟู่อี้เฉินตกใจตัวสั่น แต่ยังคงทำคอแข็งถลึงตากลับไป “เจ้าถลึงตาใส่ข้าก็ไม่มีประโยชน์”

“อ้อ งั้นรึ งั้นข้าจะเชิญองค์หญิงหนานชวนมาเป็นแขกที่ต้าเยียนแล้วกัน!” น้ำเสียงเย็นเยียบของจวินหย่วนโยวฉายอำนาจที่ไม่น่าสงสัยเลย

คำพูดเดียวทำฟู่อี้เฉินพ่ายแพ้หมดรูป “อย่า ข้าไม่อยากเห็นนังหนูนั่น จวินหย่วนโยวเชิญเจ้าตามสบายเลย อยากดื่มเหล้าก็ดื่ม อยากดื่มชาก็ดื่มชา มา ข้าจะเทน้ำชาให้เจ้าด้วยตัวเอง!”

คนอื่นต่างมองหน้ากันไปมา ต่างพากันสงสัยว่าองค์หญิงหนานชวนเป็นผู้ใดกันย ถึงทำให้ฟู่ซื่อจื่อที่ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดินมาแต่ไหนแต่ไรกลัวจนกลายเป็นอย่างนี้