บทที่ 435 บนตัวข้ามีที่ใดที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนกัน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 435 บนตัวข้ามีที่ใดที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนกัน

ผ่านไปนาน จวินหย่วนโยวถึงจบจุมพิตนี้ มือใหญ่โอบกอดหยุนถิงแน่น หอบหายใจหนักหน่วง “ถิงเอ๋อร์ ได้หรือไม่?”

หยุนถิงที่เป็นอิสระ กำลังหอบหายใจคำโต สุดท้ายได้ยินเสียงจวินหย่วนโยวแหบพร่าข้างหู แก้มที่เดิมแดงเรื่อคราวนี้แดงจนถึงคอ

“ซื่อจื่อ ไม่ได้จริงๆนะ โดยเฉพาะช่วงสามเดือนแรก ท่านบ้าคลั่งขึ้นมาราวกับอสุรกาย ลูกของเราทนรับแรงไม่ไหวหรอก”

จวินหย่วนโยวมองนางด้วยสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความรัก “งั้นข้าเบาหน่อย?”

หยุนถิงหน่ายใจ เสียใจที่มายั่วเขานัก “ซื่อจื่อ ทนหน่อยนะ ผ่านไปอีกหลายเดือนก็ได้แล้ว ให้ข้าช่วยท่านหรือไม่?”

“ช่วยอย่างไร?”

หยุนถิงโบกมือ จวินหย่วนโยวสีหน้าดำทะมึนทันที “เจ้าไปเปลี่ยนชุดเถิด อย่าให้เป็นหวัดเล่า”

“ก็ได้ งั้นข้าไปก่อนนะ ท่านแช่ต่อไปแล้วกัน” หยุนถิงถึงได้ออกจากถังอาบน้ำ เสื้อผ้าเปียกชื้นแนบตัว เธอเดินไปตู้ข้างๆ หยิบเสื้อผ้าแห้งมาผลัดเปลี่ยน

เพียงแต่ปกติจวินหย่วนโยวเป็นคนช่วยเปลี่ยนให้เธอ ตอนนี้เสื้อผ้าก็เปียกโชก ใส่เสื้อหลายชั้นอีก หยุนถิงเริ่มร้อนใจ ทำอยู่นานก็เปลี่ยนไม่ได้สักที

เธอกำลังคิดจะพูดอะไร มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามา ช่วยแกะสายรัดเอวของเธอ “ข้ามาช่วยเจ้าใส่”

พอเงยหน้า หยุนถิงก็เห็นจวินหย่วนโยวมายืนด้านหน้าเธอ ผิวสีเหลืองอ่อนนั่นยังเปียกชื้นอยู่ หยดน้ำใสเลื่อนไหวลงผ่านหน้าอกเขา กล้ามเนื้อหน้าอกอัดแน่นยืดหยุ่น แน่นเปรี๊ยะ ทำเอาเธอหายใจติดขัดขึ้นมาทันที

“ซื่อจื่อ ข้าทำเองดีกว่า” หยุนถิงรีบหมุนตัวหนีทันที

แต่กลับโดนมือใหญ่ของจวินหย่วนโยวจับร่างไว้ “ทำไม อายแล้วรึ ร่างกายข้ามีที่ใดที่เจ้าไม่เคยเห็นบ้างเล่า”

“ซื่อจื่อ อย่าเล่น”

“ข้าไม่ได้เล่นนะ พูดตามความจริงเท่านั้นเอง” จวินหย่วนแกล้งเย้านาง มือใหญ่ถอดชุดหยุนถิงไปเรื่อยๆ

“ไม่ต้องแล้วซื่อจื่อ ข้าทำเอาได้ ท่านรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ” หยุนถิงบอก อาจเพราะเริ่มรู้สึกเย็น ทันใดนั้นหยุนถิงเลยฮัดชิ้วออกมา

ทำเอาจวินหย่วนโยวลนลานทันที “เป็นหวัดแล้วใช่หรือไม่ รีบถอดชุดเปียกออกเร็ว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”

ระหว่างพูด จวินหย่วนโยวเคลื่อนไหวเร็วขึ้นหลายส่วน

ถึงจะต้องการมากแค่ไหน แต่เขารู้ดีว่าหยุนถิงตั้งท้องอ่อนๆ เป็นระยะอันตราย จะ ละเลยมิได้เด็ดขาด

หยุนถิงเห็นซื่อจื่อช่วยถอดเสื้อผ้าตนอย่างรวดเร็ว และหยิบเสื้อผ้าแห้งมาสวมให้เธออีก ตลอดขั้นตอนไม่มีนอกลู่นอกทางเลยสักนิด เธออดเลื่อมใสในความอดกลั้นของเขาไม่ได้ ในเวลาเดียวก็ดีใจที่ซื่อจื่อรักเด็กคนนี้จริงๆ

“ซื่อจื่อท่านเองก็ไปเปลี่ยนเถอะ” หยุนถิงจัดสายรัดเอวให้ดี

“เจ้าช่วยข้าเลือกสิ”

หยุนถิงมองจวินหย่วนโยว สายตาเขาดูเร่าร้อนเกินไป ทำเอาหยุนถิงไม่กล้าสบตากับเขา รีบคว้าชุดจากในตู้มาให้

“ซื่อจื่อ ชุดยาวสีขาวนี่ไม่เลวเลย ท่านใส่สีขาวแล้วหล่อเหลาราวเทพเซียนทีเดียว”

“ได้ เชื่อเจ้านะ” จวินหย่วนโยวพอใจนัก รับมาเปลี่ยน

คนรับใช้เข้ามายกถังอาบน้ำออกไป เพราะว่าท้อง หยุนถิงเลยง่วงนอน พอนอนลงไม่เท่าไหร่ก็หลับไป

อีกหลายวันต่อมา หยุนถิงอยู่ที่จวนอย่างเชื่อฟัง เล่นพิณกับจวินหย่วนโยว เล่นหมากล้อม ดูละคร หาอะไรทำไปเรื่อย

พริบตาเดียวก็มาถึงวันแต่งงานของฉินจิ้งอี๋และจ้าวเคอ เพราะว่าเป็นการสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท สินสอดของจ้าวเคอก็เป็นจวนซื่อจื่อช่วยออกให้ แต่เช้ามา พ่อบ้านก็ให้คนขนสินสอดไปจวนตระกูลฉิน

ขบวนยาวใหญ่โต ตีฆ้องร้องป่าว มุ่งตรงไปยังจวนตระกูลฉิน ครึกครื้นยิ่งนัก

หยุนซูและหยุนหลีมาหามาหาหยุนถิงแต่เช้าเลย บอกว่าอยากจะไปร่วมส่งเจ้าสาวของฉินจิ้งอี๋ที่จวนตระกูลฉิน แต่กลับโดนจวินหย่วนโยวปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าหยุนถิงยังไม่ได้กินข้าวเช้า ให้พวกนางล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาจะตรงไปที่บ้านจ้าวเคอเลย

หยุนหลีและหยุนซูไม่กล้าขัดคำสั่งพี่เขยซื่อจื่ออยู่แล้ว พวกนางตรงไปที่ตระกูลฉินก่อน

“ซื่อจื่อ ท่านไม่ต้องระวังขนาดนี้ แค่ข้าวเช้ามื้อเดียวมิเป็นไรหรอ” หยุนถิงเบ้ปาก

“เจ้าไม่กิน ลูกชายข้าต้องกินนะ”

คำพูดเดียวทำหยุนถิงใบ้กินเถียงไม่ออก

“ซื่อจื่อ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นลูกชาย หากเป็นลูกสาวเล่า?” หยุนถิงแกล้งถาม

“ขอเพียงเจ้าเป็นผู้ให้กำเนิด ข้าก็รักทั้งนั้น” จวินหย่วนโยวตักโจ๊กเนื้อไม่ติดมันให้นางหนึ่งชามด้วยตัวเอง

หยุนถิงพูดไม่ออก คำพูดหวานๆนี่ซื่อจื่อแค่อ้าปากก็ออกมาเป็นพรวน ปากหวานหยั่งกับเคลือบน้ำผึ้งไว้แหน่ะ

ทั้งสองคนกินข้าวเช้าเสร็จ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็นั่งรถม้าไปยังบ้านจ้าวเคอ

จ้าวเคอได้รับเจ้าสาวเข้าไปในจวนแล้ว พึ่งจะกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ จ้าวซ่างซูมาทำพิธีให้ด้วยตัวเอง ขุนนางมากมายในเมืองหลวง รวมถึงคนที่สนิทสนมกับพวกเขาล้วนมากันหมด ตระกูลจ้าววันนี้ครึกครื้นยิ่งนัก

หยุนถิงไม่ได้เดินขึ้นหน้า เธอกลัวออร่าซื่อจื่อแข็งกล้าไป พอเขาเข้าไป น่ากลัวว่าบรรยากาศงานแต่งงานคงจะโดนทำลายหมดแน่

จนได้ยินจ้าวซ่างซูบอกให้ส่งบ่าวสาวเข้าห้องหอ หยุนถิงถึงออกปาก “ซื่อจื่อ ข้าไปดูฉินจิ้งอี๋หน่อยนะ ท่านหาที่นั่งรอก่อนเองแล้วกัน”

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย”

“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ฉินจิ้งอี๋แต่งงาน ชายคนแรกที่นางจะพบเป็นได้แค่จ้าวเคอเท่านั้น ท่านไปทำอะไร ใครไม่รู้จะหาว่าท่านไปแย่งตัวเจ้าสาวนะ” หยุนถิงเย้า

“ในใจและดวงตาข้ามีแต่เจ้า จะแย่งก็แย่งเจ้า” จวินหย่วนโยวย้อน

“คำนี้ข้าชอบฟัง แต่ว่าซื่อจื่อท่านเข้าไปในงานดีกว่า พอดีเลยจะได้ช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้จ้าวเคอด้วย อีกครู่ข้าค่อยมาหาท่านนะ” หยุนถิงหมุนตัวจากไป

จวินหย่วนโยวเข้าใจ เขาส่งสายตา หลงเอ้อร์รีบตามติดไปทันที

ในห้องหอ ฉินจิ้งอี๋อยุ่ในชุดเจ้าสาว ใบหน้าน้อยภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ยินดี

ในที่สุดนางก็ได้แต่งงานกับจ้าวเคอ ในที่สุดก็ได้แต่งให้กับคนที่นางรัก ดียิ่งนัก

ประตูห้องถูกคนผลักเข้ามาจากข้างนอก ฉินจิ้งอี๋นั่งตัวตรงทันที แต่ในใจกลับสงสัย ทำไมจ้าวเคอกลับมาเร็วขนาดนี้ เขาควรจะร่วมชนแก้วอยู่ข้างนอกมิใช่รึ

คนที่เข้ามาไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ส่งเสียง กลับพุ่งเข้าหาฉินจิ้งอี๋ จากนั้นผลักนางล้มลงนอน จุมพิตผ่านผ้าคลุมหน้าเสียเลย

ฉินจิ้งอี๋รู้สึกไม่ชอบมาพากลทันที ระหว่างดิ้นรนขัดขืน ผ้าคลุมหน้าหล่นพื้น นางถึงเห็นคนตรงหน้าชัดเต็มตา

“ทำไมเป็นเจ้าได้เล่า?” ฉินจิ้งอี๋สีหน้าตกตะลึง

คนที่มาไม่ใช่จ้าวเคอ แต่เป็นฉินหานซู่ ลูกผู้พี่ข้างพ่อของฉินจิ้งอี๋

ฉินหานซู่โดนผลักล้มลงไปบนเตียง เขามีสีหน้าเดือดดาลและเคียดแค้น จับจ้องมองเรือนร่างของฉินจิ้งอี๋ไปมาด้วยสายตาโลมเลีย “น้องหญิง ข้าชอบพอเจ้าแต่เล็ก ความรักที่ข้ามีต่อเจ้านั้นสวรรค์เป็นพยานได้ เจ้าปฏิเสธข้ายังไม่พอ กลับแต่งงานกับบัณฑิตยากจนเช่นนี้ ข้ามีสิ่งใดเทียบเคียงจ้าวเคอไม่ได้บ้าง เจ้าถึงเลือกมัน?”

ฉินจิ้งอี๋สีหน้าตึงเครียด “ข้าไม่ยอมให้เจ้าพูดถึงจ้าวเคอเช่นนี้ ถึงเขาจะจน แต่เขามีอุดมการณ์ ไม่เหมือนเจ้าที่วันๆเอาแต่ลักเล็กขโมยน้อย วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่กิน”

“น่าตายนัก เจ้ากล้าว่าข้าเช่นนี้รึ หากมิใช่เห็นแก่หน้าท่านอา ข้าสั่งสอนเจ้าไปนานแล้ว วันนี้ข้าจะดูสิว่า คุณหนูใหญ่ฉินที่เย่อหยิ่งมาตลอดโดนข้าครอบครองแล้ว จ้าวเคอจะยังต้องการเจ้าอยู่หรือไม่!” ฉินหานซู่พุ่งเข้าหาฉินจิ้งอี๋อีกครั้ง

“หยุดบัดเดี๋ยวนี้ เจ้ามิกลัวว่า หากท่านพ่อข้ารู้เรื่องเข้า จะขับเจ้าออกจากตระกูลฉินรึ?” ฉินจิ้งอี๋แสร้งทำสงบนิ่ง