ตอนที่ 357 สูตรเดิมยังคงให้กลิ่นที่คุ้นเคย (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 357 สูตรเดิมยังคงให้กลิ่นที่คุ้นเคย (1)

มันมาแล้ว!

ทัณฑ์สวรรค์ที่เขาน่าจะใช้อ้างอิงได้มากที่สุด ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยจริงๆ ใจเล็กน้อย ในขณะนั้นเขาได้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว! นั่นเร็วกว่าที่หลี่ฉางโซ่วคาดคิดเอาไว้หลายสิบปี!

หลี่ฉางโซ่วจึงรู้สึกกังวลเช่นกัน

ตามการสังเกตของหลี่ฉางโซ่ว ยังคงมีช่องว่างที่ต้องปรับปรุงรากฐานเต๋าของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง แต่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็น่าจะพิจารณาเองแล้ว จึงเลือกที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในเวลานี้…

ใช่หรือไม่?

ทัณฑ์สวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และไม่มีผู้ใดไม่คิดระวัง

เหตุผลที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเลือกรับข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในวันนี้ อาจไม่ใช่เหตุผลไร้สาระ เช่น “ในไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องข้ามผ่านมันอยู่แล้ว เช่นนั้น ก็ทำให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องกังวล”

หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ถือกำเนิดขึ้นจากทั่วทั้งสี่ทิศแห่งสวรรค์และปฐพี และรวมตัวกันด้วยพลังแห่งสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่

จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มราวกับฝนโคลน[1]กำลังจะตกลงมาในขณะที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีหมื่นลี้ต่างก็หวาดกลัว และมีบรรยากาศเย็นยะเยือกเกิดขึ้นในระหว่างสวรรค์และปฐพี!

หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่บนท้องฟ้าแห่งยอดเขาหยกน้อย เฉกเช่นเดียวผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดของสำนัก เขามองไปยังทิศทางของยอดเขาพิชิตสวรรค์…

ที่นั่น มีร่างหนึ่งค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เส้นผมสีขาวตรงขมับปลิวพลิ้วไสวขณะที่ยืนหยัดอย่างทะนงองอาจพร้อมกับเอามือไพล่หลังไว้เมื่อเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์

แต่แล้ว ร่างของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็บินไปทางภูเขารกร้างภายนอกสำนัก หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เบื้องบนก็เป็นดั่งเงาที่ติดตามร่างราวกับว่าวขนาดใหญ่ที่กำลังถูกดึงสายให้ เคลื่อนไหวไปช้าๆ ขนาดของหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้…นับว่าไม่ได้ใหญ่นัก

เมื่อปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งบินออกไป ค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาก็ถูกเปิดออกจนหมด และยังหนาแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

กลุ่มคนแรกที่ติดตามเขามาคือ เซียนจินสองคนของสำนัก เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วและผู้พิทักษ์อาวุโสแห่งหอพระสูตรเต๋าซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่มีเมตตาของอาจารย์อาจิ่วจิ่ว ผู้อาวุโสฉีหลิง

พวกเขาตามมาจากข้างหลัง ทั้งด้านซ้าย และขวา เพื่อปกป้องปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งที่กำลังจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน

ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินนั้น ไม่ดีเท่ากับ ทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียน หากมีสิ่งรบกวนเข้าแทรกแซงเล็กน้อย ก็จะล้มเหลวได้ง่าย

สถานที่ที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินได้ถูกเลือกไว้แล้ว และได้เตรียมการป้องกันบางอย่างเอาไว้ล่วงหน้า

เหตุใดถึงออกไปข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์?

เหตุผลนั้นง่ายมาก ประการแรก หากจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่สำนัก ก็เกรงว่า บรรดาศิษย์จะตกใจกับพลังแห่งสวรรค์และการพัฒนาแรงต้านทานปีศาจในหัวใจเต๋าของพวกเขา

ประการที่สอง บางทีแปดในสิบส่วนของค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาอาจสร้างขึ้นใหม่ได้ทันที แต่จะทำให้สำนักตู้เซียนต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาล

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วกวาดสัมผัสเซียนรับรู้แผ่กระจายไปทั่ว จึงได้ยินการสนทนาจากทั่วทุกที่

“เราต้องการเซียนจินอีกคนในสำนักตู้เซียนหรือไม่?”

“นี่คือ ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินใช่หรือไม่? เพียงพลังยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์อย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนตื่นตกใจแล้ว…”

“เขาจะข้ามผ่านได้หรือไม่? จะรอดได้หรือไม่?”

“นั่นคือปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งนะ! เพียงทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา!”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ส่งข้อความเสียงบอกอาจารย์และศิษย์น้องหญิงว่า

ไม่ให้ออกไปที่ใดรอบๆ บนยอดเขาหยกน้อย

จากนั้น เขาก็เลือกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แล้วขี่เมฆติดตามไปทันที

ทันทีที่บินออกไป หลี่ฉางโซ่วก็เห็นร่างอีกร่างบินออกมาจากยอดเขาตันติ่ง เขาจึงรีบส่งข้อความเรียกเอาไว้อีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส โปรดพาศิษย์ไปด้วยขอรับ!”

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหันหลังกลับทันทีและดึงหลี่ฉางโซ่วไปด้วยกัน

ชายชราไม่ได้ถามว่า เหตุใดหลี่ฉางโซ่วถึงอยากไปที่นั่น แต่กล่าวว่า “พลังของทัณฑ์สวรรค์เซียนจินนั้น แข็งแกร่งเกินไป หากไม่อาจทนได้ในภายหลัง ก็จะถอยกลับทันที”

“ขอรับ ศิษย์เข้าใจ”

จากนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ขี่เมฆนำหลี่ฉางโซ่วออกจากสำนักไป และพวกเขาก็ไล่ตามไปข้างหน้า

ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเท่านั้น แต่ยังมีเหล่าผู้อาวุโสใหญ่และเหล่าผู้อาวุโสอีกเจ็ดแปดคนออกไปด้วยกัน โดยยึดภูเขาที่รกร้างซึ่งเป็นสถานที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เป็นศูนย์กลาง จากนั้นพวกเขาก็กระจายตัวออกไปภายในรัศมีสามร้อยลี้เพื่อเฝ้าคุ้มกันให้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งด้วยกัน

เจียงหลินเอ๋อร์ก็รีบมาที่นี่อย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่วติดตามผู้อาวุโสว่านหลินหยุน นางก็รีบเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้ามาทำอันใดที่นี่?” เจียงหลินเอ๋อร์ถามพลางจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว

“ศิษย์มาที่นี่เพื่อสัมผัสประสบการณ์การข้ามผ่านแห่งการมีอายุยืนยาวล่วงหน้า” หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางกล่าวว่า “เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งและเสริมสร้างหัวใจเต๋าขอรับ”

“เจ้ากังวลมากไปแล้ว” เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวกระซิบเบา ๆ และอยากเกลี้ยกล่อมเขาให้มากขึ้น ทว่าเมื่อคิดถึงความพิเศษของศิษย์หลานตัวน้อยผู้นี้แล้ว นางก็กลืนคำพูดกลับเข้าปากไป

จากนั้น นางก็จ้องมองไปที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งที่กำลังยืนอยู่ในท้องฟ้าจากระยะไกลด้วยหัวใจสั่นไหวและวิตกกังวล

ในเวลานี้ หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็ครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหลายพันลี้ และสรรพชีวิตทั้งหมดภายในอาณาเขตนี้ก็ถอยหนีออกไป

ทั่วหล้ามืดครึ้ม แต่ท่ามกลางความมืดครึ้มนั้น จู่ๆ ก็มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ!

ในขณะนั้น นางอยู่ภายใต้หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ และมองไม่เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นด้านบน แต่อยู่ห่างจากตำแหน่งที่อยู่ของทัณฑ์สวรรค์หลายร้อยลี้ พลังแห่งสวรรค์ยังคงทำให้บรรดาเซียนเทียนตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

เจียงหลินเอ๋อร์หน้าซีดอย่างรวดเร็ว แต่ก็กัดฟันทน ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองปรมาจารย์ใหญ่ของเขา และพยายามอย่างเต็มที่… เพื่อบีบเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาบ้าง จากนั้น เขาก็หยิบยันต์หยกออกมาเงียบ ๆ แล้วเริ่มสังเกตและจดบันทึกอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ในท้ายที่สุด ความทรงจำที่ดีก็ยังไม่ดีเท่าการเขียนแย่ๆ

ตูม! ตูม!

ฟ้าร้องคำรามกึกก้องราวกับมีรถม้าขนาดมหึมาวิ่งผ่านหมู่เมฆไปอย่างรวดเร็ว และราชาเซียนผู้รักษาวิญญาณโบราณก็กำลังลาดตระเวนไปทั่วหล้า!

“ฟู่กุ้ยเอ๋อร์…” เจียงหลินเอ๋อร์พึมพำเบาๆ

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมองเจียงหลินเอ๋อร์อย่างสงสัย และหลี่ฉางโซ่วก็อธิบายให้นางผ่านการส่งข้อความเสียงอยู่ข้างๆ ทันใดนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็รู้แจ้ง จากนั้น เขาก็ปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้แผ่กระจายออกไปและเพ่งจิตส่วนใหญ่ไปในทิศทางตรงกันข้ามทันทีเพื่อปกป้องปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งอย่างสุดกำลังเต็มที่

ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าจิ่วเซียนทั้งเก้าก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กัน พวกเขารีบไปยังสถานที่ที่หลี่ฉางโซ่วและเจียงหลินเอ๋อร์อยู่ด้วยเช่นกัน

พวกเขาเผชิญหน้ากับพลังแห่งสวรรค์และมองไปที่อาจารย์ของพวกเขา …

“อย่ารบกวนอาจารย์เลย” จิ่วอี้อีสั่ง “อย่าทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขา พวกเราเพียงเฝ้าดูจากที่นี่กันก็พอ” ศิษย์น้องทั้งแปดล้วนเชื่อฟัง

ในอีกด้านหนึ่งนั้น จิ่วอูและจิ่วจิ่วต่างก็หันศีรษะไปมองหลี่ฉางโซ่วที่หลบอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสว่านหลินหยุน และกำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆพร้อมกับยันต์หยก…

“ฉางโซ่ว เจ้ามาทำอันใดที่นี่?” จิ่วอูรีบกล่าวว่า “เมื่อภัยพิบัติจะมาถึงหลังจากนี้ ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกทำร้าย!”

“ไม่เป็นไรหรอก” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวอย่างสงบ และจิ่วอู่ก็หดคอลงไปอย่างไม่รู้ตัว และไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก

ในเวลานั้น จิ่วจิ่วไพล่มือไว้ข้างหลังและวนไปครึ่งวงกลมบนก้อนเมฆ ก่อนจะไปโผล่ศีรษะออกมาครึ่งหนึ่งจากไหล่ของหลี่ฉางโซ่วและมีเส้นผมเส้นหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมาระคอของหลี่ฉางโซ่ว…

“ให้อาจารย์อาคนนี้ดูหน่อยสิ เจ้ากำลังเขียนอะไรอยู่?”

“บันทึกบางอย่างเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์เซียนจินขอรับ” หลี่ฉางโซ่ยิ้มพลางกล่าว “ในพื้นที่นี้ ยังขาดบันทึกข้อมูลเช่นนี้ หากสามารถแยกแยะออกได้ ก็อาจเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับคนรุ่นหลังได้ขอรับ”

จิ่วจิ่วกะพริบตาและฉวยโอกาสนั่งลงข้างๆ หลี่ฉางโซ่ว “หายากนะที่เจ้าจะมีความคิดเช่นนี้”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไร เขายังคงเขียนและวาดลงบนยันต์หยกต่อไป

ในเวลานี้ แม้แต่จิ่วจิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่มีอารมณ์จะชื่นชมหิมะสีขาวและเสื้อน้ำแข็งบางเบา นางกำลังได้ประจักษ์กับปรากฏการณ์แห่งสวรรค์และปฐพีอย่างละเอียดถี่ถ้วนเมื่อทัณฑ์สวรรค์เซียนจินมาถึง

ยังมีมหาทัณฑ์สวรรค์แห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความหมายที่แท้จริงในนั้น

ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เขารู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งร่าง และไม่กล้าละเลยรายละเอียดใดๆ แม้แต่น้อย

หลังจากที่รอมานาน ในที่สุดเขาก็รอมาจนถึงวันนี้ เขารอเป็นเวลานานกว่าที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจะกลายเป็นเซียนจินในที่สุด!

ในขณะเดียวกันนั้น…ในเทือกเขาที่ไม่โดดเด่นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะอุดร มีเสือดำที่เพิ่งควบแน่นโอสถปีศาจ ยืนอยู่บนหน้าผาและมองดูท้องฟ้ามืดครึ้มทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

“ฟ่อ…”

มันเป็นทัณฑ์สวรรค์เซียนจินจริงๆ และยังเป็นแปดกันดารแปดวิบัติซึ่งเป็นระดับที่สิบเจ็ดในทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน!

เสือดำกะพริบตา

‘หือ? ข้าจะรู้เรื่องนั้นได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม พลังของทัณฑ์สวรรค์เซียนจินนั้นก็ไม่น้อยเลย และย่อมจะรอดพ้นได้ยากมากสำหรับผู้ที่จะต้องข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน

เอ่อ เหตุใดข้าถึงรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้? วิญญาณเสือดำงุนงงอีกครั้ง…

………………………………………………………………..

[1] ฝนที่มีละอองของดินทราย หรือผงฝุ่นปะปนอยู่จนทำให้ฝนที่ตกลงมา มีสีโคลน