ตอนที่ 358 สูตรเดิมยังคงให้กลิ่นที่คุ้นเคย (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 358 สูตรเดิมยังคงให้กลิ่นที่คุ้นเคย (2)

หลังจากที่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก่อตัวขึ้นอยู่ครู่หนึ่งที่ตำแหน่งสถานที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน ก็มีกระแสวังวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์

และหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ได้แผ่ครอบคลุมไปไกลหลายพันลี้ก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนลดขนาดพื้นที่ของมันลงไปหนึ่งในสาม หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีจุดกำเนิดสายฟ้าหนาแน่นปรากฏขึ้นในกระแสวังวนใต้หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์

พลังแกร่งกล้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ได้ปรากฏขึ้น ทั่วหล้าเงียบสงัด ลมหยุดพัดและพลังวิญญาณภายในระยะหลายพันลี้ได้มารวมตัวกันที่นั่น ทว่ามันนิ่งราวบ่อน้ำนิ่ง และทันใดนั้น แท่งเสาสายฟ้าสีฟ้าก็ฟาดลงมามากมายจนท่วมท้นร่างของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง!

หลี่ฉางโซ่วเขียนอย่างรวดเร็วในขณะที่ทุกคนรอบตัวเขาล้วนเบิกตากว้างและอยากเห็นร่างที่อยู่ในเสาสายฟ้าให้ชัดๆ ว่าเป็นอย่างไร…

หลังจากนั้นไม่นาน เสาสายฟ้าก็สลายหายไป

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งยังคงยืนหยัดอยู่ในอากาศ เส้นผมยาวของเขาไหม้เกรียมเล็กน้อย และมีรูอีกสองสามรูในชุดเสื้อคลุมยาวของเขา แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ และไม่ได้สูญเสียพลังเซียนไปมากนัก

ภูเขาที่รกร้างที่ใต้ฝ่าเท้าของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งถูกทำให้แบนราบไปจนถึงยอดเขา และมีธารหินหนืดไหลลงมาจากยอดเขา ราวกับว่าแผ่นดินมีเลือดไหลออกมา

หลี่ฉางโซ่วหยุดเขียนและรอเงียบๆ อยู่สักครู่ และในไม่ช้าก็ใช้ความคิดหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนเขียนประโยคบรรทัดหนึ่งลงในยันต์หยก

หลังจากเกิดทัณฑ์สายฟ้าสายแรก ผู้ฝึกบำเพ็ญก็จะมีเวลาฟื้นตัวนานขึ้น

เมื่อพู่กันหยุด เสาสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้มันเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเข้ม ปริมาณของเสาสายฟ้าลดลงหนึ่งในสาม แต่พลังของมันกลับทะยานเพิ่มขึ้นมากกว่าสามส่วน!

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งราวกับหินก้อนหนึ่งเมื่อเขา ‘แยก’ เสาสายฟ้าออกตรงกลาง แต่ก็ถูกเสาสายฟ้าบดขยี้ลงอย่างช้าๆ

จิ่วจิ่วที่อยู่ข้างๆ กลั้นหายใจ และคว้าแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่วโดยไม่รู้ตัว …

“ห้าสายแรกน่าจะไม่เป็นไร” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียง จิ่วจิ่วจึงพยักหน้าช้าๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงกังวล

ผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างพวกเขา พวกเขาได้ออกจากบ้านและติดตามอาจารย์มาเพื่อฝึกบำเพ็ญฝนตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์จึงลึกซึ้งที่สุด

หลี่ฉางโซ่วพบว่า มีช่วงเวลาหลังจากเกิดทัณฑ์สายฟ้าสายที่สอง นานขึ้นเล็กน้อย จากนั้น ทัณฑ์สายฟ้าสายที่สามก็ฟาดลงมา…

หลังจากทัณฑ์สายฟ้าสายที่สาม ก็มีช่วงเวลานานขึ้นเล็กน้อย และทัณฑ์สายฟ้าสายที่สี่ก็ก่อตัวขึ้นและฟาดลงมา

หลี่ฉางโซ่วจดรายละเอียดทั้งหมดเหล่านี้และคำนวณช่วงเวลา ดูเหมือนว่า มันจะเพิ่มขึ้นสองส่วนในแต่ละสายที่ฟาดลงมา

แต่หลังจากทัณฑ์สวรรค์ที่ห้า ทันใดนั้น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ในอากาศ และเตรียมจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่หก ก็ตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“อาจารย์!”

จิ่วลู่เอ๋อร์ร้องตะโกนออกมาและถูกจิ่วฉีหยุดเอาไว้ทันที

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและสัมผัสมันได้ ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็สังเกตเห็นเสี้ยวควันสีเทาที่ลอยอยู่รอบๆ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและกล่าวออกมาเบาๆ

“มันเป็นทัณฑ์สวรรค์หัวใจ”

จิ่วจิ่วรีบถาม “ทัณฑ์สวรรค์หัวใจคืออะไร?”

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวอย่างสงบอยู่ข้างๆ ว่า “เป็นการฝึกฝนหัวใจเต๋า หากหัวใจเต๋าไม่สมบูรณ์แบบ ก็ยากจะรอดพ้นได้”

โชคดีที่หลังจากปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและเจียงหลินเอ๋อร์ได้เป็นคู่บำเพ็ญเต๋าแล้ว หัวใจเต๋าของเขาจึงไม่มีความเสียหายมากนักอีกต่อไป

แม้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจะได้รับบาดเจ็บจากทัณฑ์สวรรค์หัวใจ แต่เขาจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น เขาก็แหงนมองขึ้นไปที่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้า!

เขาส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนยาวนาน และลมปราณทั่วทั้งร่างของเขาก็แผ่พุ่งขึ้นอีกครั้ง!

ในขณะนั้น ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่หกก็ฟาดลงมาเพื่อตอบสนองเสียงนั้น และตัดขาดเสียงร้องโหยหวนยาวนานของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง จนกระทั่งกดปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งลงไปยังภูเขารกร้างเบื้องล่าง

บนภูเขารกร้าง มีกลุ่มเปลวเพลิงหลากสีได้ปรากฏขึ้นมาอย่างลึกลับ

มันมาพร้อมกับแสงสายฟ้านั้น และลมสวรรค์กระโชกแรงมากมายนับไม่ถ้วนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ก่อตัวเป็นใบมีด และระเบิดพลังตรงไปที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง

สายฟ้า ลม หัวใจ ไฟ!

ในที่สุด ทัณฑ์สวรรค์ก็ปล่อยพลังออกมาเต็มที่จนภูเขาที่รกร้างก็ถูกระเบิดออกในทันที และปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็ถูกซากปรักหักพังของภูเขาที่รกร้างกดทับเอาไว้และถูกล้อมรอบด้วยพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่เสียดสีร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง!

หลี่ฉางโซ่วนิ่งอึ้งตะลึงงัน

ดังนั้น ย่อมจะดีกว่าที่เมื่อเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ เขาจะต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์ทัณฑ์สวรรค์เสียก่อน เขาปฏิเสธการกระทำทุกรูปแบบทั้งหมด ทั้งร้องโหยหวน หัวเราะและกระอักเลือด

ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่หกนี้ ใช้เวลานานกว่าครึ่งก้านธูป…

ใช่แล้ว เสาสายฟ้าที่พุ่งออกมา การกรีดเฉือนของลมสวรรค์ และการหลอมของไฟสวรรค์ ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูป

หลังจากทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่หก จิตมารภายในก็ยังคงโหมกระหน่ำ และโจมตีหัวใจเต๋าของผู้ที่กำลังข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ต่อไป…

จะว่าไปแล้ว เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งรับทัณฑ์สวรรค์เซียนจินไปกี่ครั้งแล้ว?

หลี่ฉางโซ่วหยั่งรู้ได้ว่า มันน่าจะเป็นแปด หากมีเก้า ก็เกรงว่า บางทีปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจะไม่อาจทนรับได้ในวันนี้

เมื่อพิจารณาจากความเร็วที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ลุกขึ้นได้หลังจากทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่หก อาการบาดเจ็บทั่วร่างกาย และระดับความผันผวนของลมปราณ……

และทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่แปดก็ยากนักที่จะฝ่าฟันไปได้เช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่โอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนที่เขามีอยู่นำมากับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ เขาได้รับเต๋าการหลอมโอสถที่เหล่าจื้อถ่ายทอดมาให้ แม้ในขณะนี้ เขาจะยังหลอมโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนไม่ได้ แต่เขาก็อาจหลอมมันขึ้นมาได้ในภายหน้า

หากปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งทนรับไม่ได้ในภายหลัง เขาก็จะหยิบเอาโอสถทองคำนี้ออกมาด้วย

ช่างเป็นการสูญเสียจริงๆ…

หลังจากนี้ เขาจะร้องเรียนกับผู้วิเศษว่า เพื่อให้มีปรมาจารย์เซียนจินอีกคนในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้ เขาจึงนำโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนออกมาเพื่อช่วยชีวิตทันทีอย่างไม่ลังเลเลย ซึ่งเป็นไปได้มากที่เขาจะได้รับการชดเชยความสูญเสียของเขาคืนกลับมาในภายหลัง

และในขณะเดียวกัน เขาก็จะมีบุญคุณกับปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งและพัฒนามันไปสู่วิธีการเสริมหรือแผนสำรองอื่นได้…

นั่นไม่สำคัญ!

หลังจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่เจ็ดฟาดลงมา หลี่ฉางโซ่วก็ลุกยืนขึ้นแล้วลังเลเล็กน้อย

ในขณะนั้น ปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งก็ตัวไหม้เกรียมแล้ว และมีโอกาสรอดพ้นจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่เจ็ดได้เพียงสามส่วนเท่านั้น

หากมีโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนช่วย โอกาสรอดนั้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้ถึงหกส่วน นั่นคือด้านที่ท้าทายสวรรค์ของโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยน และหากไม่ใช้โอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยน เขาก็ต้องเสี่ยงต่อสู้ด้วยชีวิตทั้งหมดของเขา

และเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเขา เขาสามารถใช้โอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนได้เพียงเม็ดเดียว ฤทธิ์โอสถล้ำค่าจะแพร่กระจายต่อไปเอง จึงไม่มีความหมายอันใดที่จะใช้สองเม็ดในเวลาสั้นๆ

เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บอีกเม็ดหนึ่งเอาไว้ให้หลิงเอ๋อร์ ทว่ายังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยๆ ยี่สิบถึงสามสิบปีกว่าที่หลิงเอ๋อร์จะกลายเป็นเซียน สำหรับนาง คงจะเป็นเรื่องยาก…ที่จะไปถึงทัณฑ์สวรรค์เซียนจินในตอนนี้

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็คว้าขวดกระเบื้องเคลือบและกำลังจะซัดออกไปในทันที

ทว่าในขณะนั้น ปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งก็ยกมือขึ้น หยิบเม็ดโอสถที่เปล่งประกายออกมาสองเม็ดแล้วกลืนเข้าไปในคราวเดียว จากนั้น อาการบาดเจ็บของเขาก็ถูกระงับอย่างรวดเร็ว และลมปราณของเขาก็เสถียรมากขึ้นเรื่อยๆ!

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที

เยี่ยมเลย ข้าประหยัดไปได้อีกครั้ง

ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนที่ไปถึงทัณฑ์สวรรค์เซียนจินจะไม่มีไพ่ไม้ตายเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างไรเล่า?

ทัณฑ์สวรรค์ที่แปดคือ ลูกทรงกลมสายฟ้า ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของทัณฑ์สวรรค์ทั้งเจ็ดครั้งก่อนหน้านี้ มันเปลี่ยนเป็นลมสวรรค์ ไฟสวรรค์ น้ำแข็งลึกลับ และสายฟ้า จากนั้นเข้าห่อหุ้มร่างของปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งไว้ด้วยแล้วเหวี่ยงไปมาโดยรอบ…

เจียงหลินเอ๋อร์และเหล่าศิษย์ทั้งเก้าของปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่ง ล้วนกังวลใจอย่างที่สุด

แต่หลี่ฉางโซ่วได้รู้ผลของทัณฑ์สวรรค์นี้แล้ว จากนั้น เขาจึงเริ่มก้มหน้าเขียน วาดและสรุปทุกอย่าง

โดยทั่วไปแล้ว ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินครั้งนี้ค่อนข้างปกติ และไม่น่าจะเป็นทัณฑ์สวรรค์เซียนจินในระดับสูงมากนัก ซึ่งหากข้ามผ่านได้ ขีดจำกัดสูงสุดของความแข็งแกร่งก็จะค่อนข้างต่ำเช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วประเมินสถานการณ์เมื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์…

เป็นไปได้สูงว่า จะมีทัณฑ์สวรรค์ในรูปแบบของลมและไฟ ปรากฏขึ้นในช่วงต้นของทัณฑ์สวรรค์ที่สี่

มันน่าจะมีสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์เก้าสายหรือมากกว่านั้น

แม้ว่าเก้าจะเป็นจำนวนมหาศาล แต่เมื่อพิจารณาถึงการมีอายุยืนยาวอยู่เหนือข้อจำกัดแห่งความเป็นตายแล้ว จึงน่าจะเป็นไปได้ที่จะมีสายฟ้าสายที่สิบหรือสิบเอ็ดปรากฏขึ้น…

เมื่อพิจารณาจากลักษณะของมัน เขายังจำเป็นต้องตัดขอบเขตเต๋าอีกสามถึงสี่ครั้ง และเตรียมแผนการเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สามและสี่ให้พร้อมโดยเร็วที่สุด

“หือ?”

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการสรุปเรื่องการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ก็รู้สึกว่า เจตจำนงวิญญาณของเขาพลุ่งพล่านขึ้นอย่างกะทันหัน

เสี้ยวเจตจำนงวิญญาณของเขาพุ่งไปที่ต้นเหตุแห่งความพลุ่งพล่านนั้น ซึ่งเป็นรูปปั้นเทพแห่งท้องทะเลในวิหารเทพทะเลที่ไม่โดดเด่นแห่งหนึ่ง

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ประตูวิหาร ที่นั่น มีบุรุษหนุ่มแต่งกายด้วยผ้าทอปัก แม้เขาจะดูบอบบางและมีใบหน้าหล่อเหลา แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขานั้น… ชั่วร้ายและบ้าคลั่งสุดๆ

จินฉานจื่อ?

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกมีความสุขอย่างไม่อาจอธิบายได้ เขาเพิ่งค้นพบพี่รองของเขาโดยบังเอิญ และในขณะนี้ “อาจารย์” ของเขาก็มาอยู่ที่นี่อีกครั้ง!

เขาเป็นเทพแห่งท้องทะเล เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะมีชะตาลิขิตกับภัยพิบัติของไซอิ๋ว การเดินทางสู่แดนประจิม[1]?

เอ่อ หรือว่า ข้ายังเป็นเซียนผู้หนึ่งในไซอิ๋ว…

………………………………………………………………..

[1] หนึ่งในตำนานและสุดยอดวรรณกรรมเอกของจีนซึ่งเป็นยอดนิยมของเยาวชนจีนมาก ประพันธ์โดยอู่เฉิงเอิน ได้รับการเผยแพร่ไปหลายประเทศทั่วโลก ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์มากมาย ซึ่งมีตั้งชื่อเรื่องเช่น ไซอิ๋ว ท่องพิภพสยบมาร และไซอิ๋ว การเดินทางสู่ชมพูทวีป ในที่นี้ก็คือดินแดนเทวะประจิมนั่นเอง