บทที่ 472 ล่ามที่ไม่ได้ทำหน้าที่
บทที่ 472 ล่ามที่ไม่ได้ทำหน้าที่
เหตุผลที่มั่นใจว่าพวกเขาคือคนที่เรารอ เพราะกลุ่มที่มีชายสามคนหญิงหนึ่งคนเดินเข้ามาหาป้ายที่เสี่ยวเถียนถืออยู่
เด็กหญิงลอบมองอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ
คนที่เดินนำหน้ามาคือชายวัยสามสิบกว่า ตัวสูง ผมสีบลอนด์ และดวงตาสีฟ้า เครื่องหน้าของเขาสวยมาก ๆ
ใช่ ต้องบอกว่าสวยเลย เพราะเขาสวยจริง ๆ
แต่แววตาคมกริบไม่ได้ทำให้ความงามลดลง
ทว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่มั่นคงของเขาเลย
กลับกันนั้น ข้าง ๆ เขามีหญิงสาววัยยี่สิบกว่าปีผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกัน เครื่องหน้าของเธอคล้ายกับชายคนแรกมาก แต่ความสดใสทำให้ใบหน้าของเธอโดดเด่นขึ้นมาหน่อยนึง
เด็กสาวดูไร้เดียงสามาก เห็นได้ชัดเลยว่าเธอได้รับการปกป้องอย่างดี
ส่วนข้างหลังมีชายวัยสี่สิบและชายวัยยี่สิบเดินตามมา
ถึงจะอยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนัง แต่พวกเขาไม่ได้สะดุดตามากนัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับชายหญิงรูปงามข้างหน้า พวกเขาแตกต่างกันมาก เหมือนไร้ตัวตนเลย
“เสี่ยวเถียน ใช่พวกเขาไหม?” ฉืออวี้เลี่ยงตื่นเต้นมากจนอดไม่ได้ที่จะคว้าแขนของเด็กสาว
เธอรู้สึกเจ็บขึ้นมาจึงสะบัดเบา ๆ แต่ไม่ได้ขยับมือเขาออก
“สงบสติอารมณ์หน่อยค่ะผู้อำนวยการฉือ คุณเป็นผู้อำนวยการนะ เวลาแบบนี้ต้องทำตัวให้มั่นคงหน่อยสิ!” เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่ายแล้วยิ้ม
อย่างที่คิด คนกลุ่มนั้นเดินตรงเข้ามาหาพวกเสี่ยวเถียนก่อนจะหยุดลง
“ขอโทษนะครับ คุณมาจากโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่หรือเปล่า?” ชายหนุ่มวัยยี่สิบถาม
“ใช่ค่ะ พวกเรามาจากโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ ขอโทษนะคะ ใช่คุณออกัสกับทีมงานจากบริษัท Fessenger หรือเปล่าคะ?” เสี่ยวเถียนถามพร้อมส่งยิ้ม
เธอพูดตอบโต้ได้โดยไม่มีท่าทางตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
ชายวัยสามสิบมองไปที่เธอด้วยความตกใจ
คนที่เหลือก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน
“คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณพูดภาษาเยอรมันได้ดีมากเลยค่ะ!”
เด็กสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มจริงใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเสี่ยวเถียนว่าคุณผู้หญิง
บอกตามตรง เธอรู้สึกแปลก ๆ และไม่สบายใจเท่าไร
เป็นสรรพนามที่เรียกแล้วน่าฟังใจแทบขาดเลย
ในยุคนั้น คุณผู้หญิง*[1] ก็คือคุณผู้หญิงไง มันไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอย่างในยุคปัจจุบัน
เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ฉันเป็นล่ามของโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ ยินดีที่ได้พบทุกท่านนะคะ ฉันหวังว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเราจะเข้ากันได้ดีและบรรลุเป้าหมายอย่างเห็นพ้องต้องกันนะคะ!”
เสี่ยวเถียนเอ่ยภาษาเยอรมันอีกครั้ง เพื่อให้อีกฝ่ายแน่ใจว่าเด็กตรงหน้าเชี่ยวชาญมันจริง ๆ
พวกเขาไม่คิดเลยว่าประเทศจีนจะมีล่ามมืออาชีพเช่นนี้ด้วย
และที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าคือ ประเทศนี้จะมีล่ามที่เก่งขนาดนี้ด้วย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อคริสติน่า เป็นน้องสาวของออกัส หรือหุ้นส่วนในการเจรจาครั้งนี้ของพวกคุณค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณผู้หญิงชาวเอเชียคนสวย!”
บอกได้เลยว่าเธอเป็นคนที่คุยด้วยง่าย
แม้แต่เสี่ยวเถียนก็ยังรู้สึกระตือรือร้นตามเลย
แต่เธอจำได้ว่าวันนี้เธอมาเป็นล่าม สิ่งแรกที่ควรทำคือทำหน้าที่ล่ามนั่นเอง
“ผู้อำนวยการฉือ รองผู้อำนวยการหลี่ว์ ผู้หญิงท่านนี้เป็นน้องสาวของคุณออกัสที่เป็นหุ้นส่วนกับทางโรงงานของคุณค่ะ ชื่อคริสติน่า!”
เสี่ยวเถียนแนะนำหญิงสาวให้ชายทั้งสองได้รู้จัก
เด็กคนนี้เดินทางมาหลายพันลี้เพื่อมากับพี่ชาย แสดงว่าจะต้องมีความสำคัญต่อคุณออกัสอย่างแน่นอน
หากเราสามารถบรรลุความสัมพันธ์อันดีกับเธอ การเจรจาความร่วมมือในคราวนี้จะต้องเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างแน่นอน
เรื่องนี้เสี่ยวเถียนเข้าใจดี ผู้อำนวยการทั้งสองก็เข้าใจด้วย
ทว่าคริสติน่ากลับไม่ได้สนใจใครเลย นอกไปจากเสี่ยวเถียน
ขณะที่เด็กหญิงคุยกับฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยา คริสติน่าก็เดินมาข้าง ๆ แล้วเอื้อมมาจับมือเธอ
“สวัสดีค่ะคนสวย ฉันชอบคุณจังเลย หวังว่าเราจะได้เป็นเพื่อนกันนะ!”
ความเป็นมิตรของเธอทำให้เสี่ยวเถียนทำตัวลำบากนิดหน่อย
แต่เธอยังคงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปรับตัวให้ทัน แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คริสติน่า
“คุณคริสติน่า ยินดีที่ได้รู้จักคุณเหมือนกันค่ะ อยากจะรบกวนคุณช่วยแนะนำสุภาพบุรุษเหล่านี้ให้เรารู้จักหน่อยได้ไหมคะ?”
ถึงเสี่ยวเถียนพอจะคาดเดาตัวตนได้ แต่คงดีกว่าถ้าคริสติน่าแนะนำให้เอง
ส่วนคำขอที่เสี่ยวเถียนบอกไป คริสติน่าไม่ได้ตอบ แต่ถามเธอกลับด้วยรอยยิ้มแทน
“ว้าว คุณพูดเยอรมันได้ดีจริง ๆ เลยค่ะ เหมือนกับฉันเลย! ขอโทษนะ คุณเคยอยู่ในประเทศเรามาก่อนหรือเปล่า?”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้สนใจแต่เสี่ยวเถียนมากกว่าคนอื่น ๆ เสียอีก เพราะสาวน้อยชาวจีนพูดภาษาเยอรมันได้คล่องจนไม่อยากจะเชื่อ
เสี่ยวเถียนส่ายหัวเล็กน้อย “ฉันได้ยินจากครูของฉันว่าเยอรมนีเป็นประเทศที่สวยงามมาก ๆ ความงามของแม่น้ำไรน์เป็นสิ่งที่จินตนาการแทบไม่ได้ ฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมจริง ๆ นะคะ แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีโอกาส น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันไม่มีเกียรติและมีโอกาสแบบนี้เลยค่ะ!”
ประโยคพวกนี้ทำให้คริสติน่ามีความสุขมากกว่าเดิม
ใครจะไม่ชอบให้บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเป็นที่ชื่นชอบและยกย่องของผู้อื่นล่ะ?
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแทบปิดไม่มิดเลย!
“พระเจ้า คุณไม่เคยไปเยอรมนีเลย แต่ภาษาเยอรมันของคุณเยี่ยมยอดจริง ๆ นะ เกือบสมบูรณ์แบบเลย!” หญิงสาวแสดงทั้งน้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นออกมา
“ต้องขอบครูที่สอนภาษาเยอรมันที่ให้ฉันแล้วล่ะ”
พวกเธอสนทนากันเป็นภาษาเยอรมัน คนที่มาจากประเทศนั้นฟังเข้าใจ แต่กับฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาเหมือนฟังพระคัมภีร์อยู่
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน
ฉืออวี้เลี่ยงชำเลืองมองลูกน้อง แววตามีนัยชัดเจน เสี่ยวเถียนไม่ได้มาทำงานหรือมาเป็นล่ามเลย แต่เธอกำลังคุยกับเพื่อนชาวเยอรมันอยู่!
ตลกแล้ว เขาฟังไม่เข้าใจเลย แถมยังไม่ได้ยินคำแปลอีกด้วย จะไม่ให้ร้อนใจได้ยังไง?
เสี่ยวเถียนไม่ควรทำหน้าที่เป็นล่ามแล้วแนะนำพวกเขาหรอกหรือ?
“เสี่ยวเถียน เธอควรแนะนำเราก่อนสักหน่อยไหม?”
ในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ผู้อำนวยการฉือขัดบทสนทนาของทั้งสองที่คุยกันราวกับหวนนึกถึงวันเวลาเก่า ๆ อย่างไรอย่างนั้น
เขาใช้เงินไปมากเพื่อให้เธอมาเป็นล่ามนะ ไม่ใช่ให้เสี่ยวเถียนมาผูกมิตรกับเพื่อนต่างชาติแบบนี้
เด็กสาวยังสงสัยอยู่ดีกว่า ทำไมคริสติน่าสาวผมบลอนด์แสนสวยที่อยู่ตรงหน้าถึงเข้าใกล้กันได้ขนาดนี้?
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองพบกันใช่ไหม?
เธอเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย จากนั้นก็ขอโทษฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยา
*[1] 小姐 เสียวเจี่ยที่ใช้ในที่นี้ แปลว่า คุณผู้หญิง สมัยก่อนจะใช้เรียกลูกสาวของครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่ง หรือใช้เรียกผู้หญิงทั่วไปที่อายุยังไม่มาก และตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า ‘Miss’ ด้วย ทว่าในปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งความหมายคือ ใช้เรียกผู้หญิงขายบริการ