บทที่ 528 ช่วยชีวิตคน

“หยุดรถ” ถังหลี่พูด

หญิงสาวลงจากรถม้าเดินไปที่ริมแม่น้ำ เห็นตำราที่เปื้อนเลือดกองอยู่กับพื้น นางมองไปที่แม่น้ำห่างจากผิวน้ำประมาณหนึ่ง

คนที่เพิ่งกระโดดลงไปจมหายจนมองไม่เห็น ถังหลี่ไม่อาจเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้

“ฉื่อซื่อ” ถังหลี่เรียก

ร่างหนึ่งเดินออกมาจากตรอกเล็กๆ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดาๆ เขาก้มหัวลง ฉื่อซื่อดูธรรมดามาก เขาสามารถปะปนกับฝูงชนได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น เมื่อเขาเดินไปข้างหน้าถังหลี่ แล้วเงยหน้าขึ้นจะพบว่าเขาเป็นคนหน้าตาดี ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นฉายแววสงบและเด็ดเดี่ยว

เขาคือฉือซื่อนั่นเอง

“ช่วยชีวิตคน” ถังหลี่กล่าว

ฉือซื่อกระโดดลงไปในแม่น้ำ เขาดำดิ่งลงไป ถังหลี่ยืนคอยอยู่ริมฝั่ง อย่างกังวล นางหวังว่าฉือซื่อจะช่วยชีวิตคนที่เพิ่งกระโดดลงไปได้

หลังจากนั้นไม่นานฉือซื่อก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับคนที่เขาช่วยเอาไว้ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาพาชายคนนั้นไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ ทั้งคู่ตัวเปียกโชกดวงตาของบัณฑิตปิดสนิท อยู่ในช่วงเวลาระหว่างความเป็นและความตาย

ถังหลี่ยื่นมือไปวางไว้ที่ใต้จมูกของเขา เขายังหายใจอยู่ทว่าอ่อนแรง

ฉือซื่อกดฝ่ามือไปที่ท้องของเขาไม่นานนัก ชายคนนั้นก็สำลักน้ำออกมา เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น

นี่เขาตายแล้วหรือ?

ภาพที่เขาเห็นคือหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่ง แต่เมื่อหันไปมองรอบตัว ก็พบกับบรรยากาศที่คุ้นเคย

นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาเพิ่งจะกระโดดแม่น้ำหรอกหรือ? เขายังไม่ตาย?

เขาพยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีฉือซื่อช่วยพยุง

“ฮูหยิน…ขออภัย ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้า” เขากล่าวอย่างสุภาพ ใบหน้าของสวี่ลู่ไป๋ไร้ซึ่งชีวิตชีวา เขาถอนหายใจออกมา

“แต่…เหตุใดฮูหยินต้องช่วยชีวิตข้า”

“เจ้าเป็นบัณฑิตจากที่ไหนหรือ?” ถังหลี่ถาม

“ฉิงโจวขอรับ ข้ามีนามว่าสวี่ลู่ไป๋”

“สวี่ลู่ไป๋ หากเจ้าตายแบบนี้ เจ้าจะมีหน้าไปเจอบิดามารดา ภรรยาและลูกๆ ของเจ้าหรือ?”

ถังหลี่มองหน้าถามเขาห้วนๆ

ใบหน้าของสวี่ลู่ไป๋ซีดเผือดลงอีกครั้ง

“ข้ารู้สึกผิดกับพวกเขา บิดาของข้าเสียชีวิตไปแล้ว ครอบครัวข้าเหลือแต่มารดาและภรรยาเท่านั้น มารดาของข้าทั้งแก่ทั้งหลังค่อม มือไม้ด้านไปหมด นางต้องเข้าเมืองทุกวันเพื่อรับจ้างซักผ้าให้คนอื่น เมียข้าก็ทำไร่ไถนาจนมือด้าน นางอายุยังน้อยแต่กลับดูร่วงโรย เพราะเป็นแบบนี้ข้าจึงพยายามเรียนให้สูง เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลข้า ในตอนที่ข้าจากมา พวกเขามาส่งข้าที่ทางเข้าหมู่บ้าน ข้าเห็นแต่สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังอันแรงกล้าของพวกเขา”

สวี่ลู่ไป๋มีอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย

“ข้าเรียนหนักเพราะอยากให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ตอนนี้ถูกกล่าวหาว่าโกงและไม่มีสิทธิ์สอบอีกแม้แต่ตำแหน่งจี่ว์เหรินก็ถูกเพิกถอนเช่นนี้ ความหวังสิบปีของข้าถูกพังทลาย การพยายามสูญเปล่า ข้าจะมีหน้ากลับไปพบพวกเขาได้อีกอย่างไร?”

ไม่มีอะไรร้ายแรงเท่ากับการถูกตัดสิทธิ์ และห้ามสอบอีกแล้ว นี่คือการตัดความหวังเขาอย่างสิ้นเชิง ต่อไปเขาจะทำอย่างไรดี? ใบหน้าของสวี่ลู่ไป๋เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาปิดหน้าและส่งเสียงสะอื้น

“หากเจ้าตายมารดาของเจ้าจะไม่มีลูกชาย ภรรยาของเจ้าจะไร้สามีและลูกของเจ้าก็ไร้บิดา ชีวิตของพวกเขามิลำบากมากขึ้นไปกว่านี้อีกหรือ?” ถังหลี่พูดขึ้น

“ใช่แล้ว เป็นเพราะข้าเอง ข้ามันไร้ประโยชน์” สวี่ลู่ไป๋ครวญ

ครอบครัวจะต้องเสียใจหากเขาตาย เขาไม่สามารถตายได้แบบนี้ เขาควรทำอย่างไรดี?

“เจ้าทำผิดหรือ?”

ถังหลี่หยิบกระดาษที่เขียนด้วยเลือดขึ้นมาดู

เขาเขียนไว้ในกระดาษว่าเขาไม่ได้ทุจริต เขาพยายามที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจด้วยเลือดของเขาเอง

“ไม่ ข้าไม่ผิด กระดาษโพยแผ่นนั้นมาอยู่ในกล่องใส่พู่กันของข้า แต่มันไม่ใช่ของข้า มีคนจงใจใส่ความข้า!” สวี่ลู่ไป๋พูดอย่างตื่นเต้น เขาหลุบตาลงต่ำ

“แต่.. ไม่มีคนเชื่อข้า ทุกคนตัดสินไปแล้วว่าข้าเป็นพวกขี้โกงและตัดสิทธิ์การสอบของข้า”

“เจ้าสามารถไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อร้องเรียนได้” ถังหลี่กล่าว

“ร้องเรียนที่ศาลต้าหลี่หรือ? ข้าไม่มีหลักฐานเขาจะตรวจสอบให้หรือ?” สวี่ลู่ไป๋ถาม

เขาเป็นบัณฑิตจากบ้านนอก ถูกจับว่าเป็นโกงข้อสอบ เจ้าหน้าที่คุมสอบไม่เชื่อเขา แล้วศาลต้าหลี่จะรับเรื่องร้องเรียนหรือ? ในเมื่อเจ้าหน้าที่ตัดสิทธิ์ไปแล้วศาลต้าหลี่จะมาเสียเวลากับเรื่องไร้ค่าเช่นนี้หรือ?

“การโกงข้อสอบมีความสำคัญมาก ศาลต้าหลี่จะต้องตรวจสอบอย่างแน่นอน ทั้งผู้ปกครองศาลต้าหลี่มีความยุติธรรมและเข้มงวด เขาเป็นคนดีมาก”

หากสวี่ลู่ไป๋ไม่ได้ทำ พี่ชายของนางจะต้องคืนความบริสุทธิ์ให้เขาได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากหลังจากการสอบสวนแล้วเขาผิดจริง สวี่ลู่ไป๋ย่อมได้รับโทษที่เหมาะสม

จู่ๆ สวี่ลู่ไป๋ก็มีความหวัง จะเกิดอะไรขึ้นหากศาลต้าหลี่สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้เขาได้จริงๆ แม้ว่าจะพลาดในการสอบครั้งนี้

แต่ก็ยังมีสิทธิ์สอบอยู่! เขายังมีความหวัง!

“ข้ามีหลักฐานว่ามีคนยัดโพยข้อสอบใส่ลูกๆ ของข้าเพื่อใส่ร้ายว่าพวกเขาโกง” ถังหลี่กล่าว

“แล้วลูกของท่าน…?” สวี่ลู่ไป๋มีความกังวล หญิงสาวคนนี้ยังเยาว์มาก ไม่คาดคิดเลยว่าลูกชายของนางจะสามารถเข้าร่วมการสอบได้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

“กระดาษพวกนี้ถูกพบก่อนเข้าสอบจึงไม่เป็นอะไร” ถังหลี่กล่าว

สวี่ลู่ไป๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่ต้องการให้คนอื่นต้องพบกับชะตากรรมเดียวกับเขา

“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ข้าจะรอเจ้าที่หน้าประตูศาลต้าหลี่”

ถังหลี่ให้ฉือซื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย นางเข้าไปในรถม้าก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ศาลต้าหลี่

ระหว่างทางนางคิดเรื่องของสวี่ลู่ไป๋ ว่าอีกฝ่ายทำผิดจริงหรือถูกใส่ร้ายกันแน่ คนที่ทำอาจจะเป็นคนเดียวกับที่ตั้งใจใส่ร้ายสวี่เจวี๋ยและจื่ออั๋งด้วย

นางหวังว่าพี่ชายของนางจะพบผู้ร้ายในเรื่องนี้

ถังหลี่มาถึงประตูศาลต้าหลี่ หลังจากที่รออยู่พักหนึ่งนางก็เห็นสวี่ลู๋ไป๋ เสื้อคลุมสีขาวของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

“ฮูหยิน ท่านรอนานไหมขอรับ?” เขาคำนับถังหลี่เมื่อมาถึง

เขาหันไปมองศาลต้าหลี่ เห็นว่าศาลต้าหลี่ที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ดูยิ่งใหญ่มากราวกับว่าจะสามารถปัดเป่าความมืดและคืนความยุติธรรมให้เขาได้

ความหวังในหัวใจของเขาแผ่ขยายออกไปทันที สวี่ลู่ไป๋เป็นบัณฑิต เขาจึงรู้ว่าควรเขียนคำร้องอย่างไร เขาเขียนคำร้องเรียนส่งให้กับเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่

เจ้าหน้าที่ทั้งหมดในศาลยังรู้จักถังหลี่เป็นอย่างดี เมื่อลู่ไป๋เขียนจบแล้วพวกเขารีบนำไปให้กับใต้เท้ากู้ทันที กู้หวนเนี่ยนได้อ่านก็ขมวดคิ้วเมื่อดูเนื้อหาบนคำร้อง

มันเป็นเรื่องของน้องสาวของเขา และมีเรื่องการถูกใส่ร้าย…

“ให้ผู้ร้องเรียนเข้ามา ข้าจะสืบสวนคดีนี้เป็นการส่วนตัว” กู้หวนเนี่ยนกล่าว

ถังหลี่และสวี่ลู่ไป๋เข้าไปในศาลต้าหลี่เพื่อพบกับกู้หวนเนี่ยนที่จะพิจารณาคดีนี้เป็นการส่วนตัว!

สวี่ลู่ไป๋รู้สึกตื่นเต้น บางทีเขาอาจจะได้ความยุติธรรมคืนกลับมาก็เป็นได้

ถังหลี่ส่งกระดาษโพยสองฉบับให้

“เมื่อเช้านี้ตรงทางเข้าห้องสอบจู่ๆ มีคนหนึ่งมาชนลูกชายทั้งสองคนของข้า สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง จากนั้นกระดาษสองแผ่นนี้ก็ถูกพบในตัวของเขา”

กู้หวนเนี่ยนมองไปที่โพยข้อสอบสองฉบับ เป็นลายมือที่ลอกมาเหมือนกันทุกประการ

“เจ้าจำคนที่ชนได้หรือไม่?” กู้หวนเนี่ยนถาม

“เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวของบัณฑิต ผอมและเตี้ย สูงพอๆ กับข้า ก้มหน้าก้มตาตลอดเวลาทำให้เห็นหน้าไม่ชัด” ถังหลี่คิดจริงจัง

กู้หวนเนี่ยนจดไว้ทีละข้อ ถังหลี่จำไม่ได้มาก กู้หวนเนี่ยนมองไปที่สวี่ลู่ไป๋และให้เขาเริ่มเล่าเรื่อง

“เจ้าคิดว่ามีใครที่มีโอกาสยัดโพยลงในพู่กันของเจ้าไหม?” กู้หวนเนี่ยนถาม เขาเริ่มครุ่นคิดอย่างหนัก

“ข้ามาถึงเมืองหลวงได้สิบวัน พักอยู่ในโรงเตี๊ยมร่วมกับสหายที่มาจากบ้านเกิดเดียวกัน พู่กันด้ามนี้เป็นของใหม่ที่ข้าจะใช้ในการสอบเท่านั้น มันถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่อง คนที่แตะต้องมันรอบตัวข้ามีไม่เกินห้าคน” สวี่ลู่ไป๋เอ่ยชื่อเขาทีละคน

“มีสหายจากบ้านเกิดเดียวกันจางชิ่ง ฉู่จิ้น และสหายใหม่ เติ้งกัง เจียงหัว และหงฉี่เหวิน”

“จางชิ่งนั้นเป็นไม่ได้เลยที่เขาจะทำร้ายข้า เขาเป็นสหายจากเขตเดียวกันรู้จักกันมาร่วมสิบปีแล้ว ฉู่จิ้นนั้นก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ หลังจากที่เข้าเมืองหลวงแล้วเราทั้งกินและนอนด้วยกันเขาช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายให้ข้าด้วย” กู้หวนเนี่ยนพยักหน้า

“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ” กู้หวนเนี่ยนกล่าว

ถังหลี่และสวี่ลู่ไป๋ออกไปจากประตู

“ระวังตัวด้วย” กู้หวนเนี่ยนพูดขึ้นมาอย่างกระทันหันทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง

สวี่ลู่ไป๋รู้สึกปลาบปลื้ม แต่เมื่อเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของใต้เท้ากู้ เขารีบรับปาก

“ขอรับ ขอรับ”

ถังหลี่สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในคำพูดและดวงตาของเขา ทำให้หัวใจของนางอบอุ่น หญิงสาวพยักหน้ายิ้มแล้วเดินออกไปจากศาลต้าหลี่

“สวี่ลู่ไป๋ ท่านกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อนเถิด รอข่าวจากศาลต้าหลี่ พวกเขาจะต้องคืนความยุติธรรมให้ท่านได้อย่างแน่นอน”

สวี่ลู่ไป๋คำนับนางด้วยความซาบซึ้งใจถึงสามครั้ง

“ขอบคุณฮูหยินที่ช่วยชีวิตข้า” คำนับครั้งที่หนึ่ง หากเขาไม่ได้นางช่วยเอาไง้ ป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว

“ขอบคุณฮูหยินที่ช่วยชี้ทางสว่างให้ข้า” คำนับครั้งที่สอง การมาร้องเรียนที่ศาลต้าหลี่ครั้งนี้ทำให้เขามีความหวัง

“น้ำใจของฮูหยินข้าน้อยจะไม่ลืมไปตลอดชีวิตของข้า” คำนับครั้งที่สาม สวี่ลู่ไป๋โค้งค้างไว้เป็นเวลานาน เขาไม่ลุกขึ้นง่ายๆ เพราะมันคือความกรุณาที่เขาจะไม่มีวันลืม