บทที่ 532 ผลการสอบหน้าพระที่นั่ง

พระหัตถ์ที่เอื้อมจะหยิบสลับบทความชะงักไป ฮ่องเต้โจวทรงมีพระดำริอยู่ในพระทัยเสมอว่าตระกูลเดิมของทางฝั่งมารดาขององค์ชายหกนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาจึงมีความแน่วแน่ตั้งใจที่จะยกบัลลังก์ให้ลูกสาม แต่ลูกสามทำให้เขาผิดหวังมากในช่วงนี้ หากเขาจะต้องช่วยให้คนไร้ความสามารถขึ้นครองบัลลังก์ต้าโจวแล้ว เขาก็ไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าหากลูกหกมีความสามารถที่จะใช้ สกุลเหลียง สกุลกู้ และสกุลใหญ่ๆ หลายสกุลเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกันได้ เขาอาจจะทำได้ดีกว่าลูกสามก็เป็นได้

เขาหวนคิดถึงเด็กสองคน เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยที่มีท่าทางโดดเด่นราวกับหยกที่ยังไม่ผ่านเจียระไน ด้วยพรสวรรค์ของเด็กทั้งสองคนหากได้รับการเจียระไนย่อมกลายเป็นหยกที่ดี พวกเขาอาจจะเป็นขุนนางที่มีความสามารถนำพาแคว้นต้าโจวให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ เขาไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของเด็กทั้งสองคนนี้

เขาจะอยู่เฉยและคอยเฝ้าดูเท่านั้น ฮ่องเต้โจวถอนพระหัตถ์ออก

ภายในพระที่นั่งเหวินฮวา กงเฉิงทุกคนกำลังนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย ฉินจ้าวจิบชาช้าๆ ด้วยท่าทีที่สงบราวกับว่าตำแหน่งจ้วงหยวนอยู่ในกระเป๋าของของเขาแล้วกระนั้น

ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น สายตาเห็นฮ่องเต้เสด็จพระราชดำเนินมาตามด้วยขุนนางระดับห้า

กงเฉิงทุกคนลุกขึ้นพร้อมกับทำการคารวะฮ่องเต้ หลังจากคารวะเสร็จแล้ว ฮ่องเต้จึงได้ทรงเลือกกงเฉินสามอันดับสำหรับการสอบหน้าพระที่นั่ง

เว่ยจื่ออั๋งผู้ได้ตำแหน่งจ้วงหยวนได้รับพระราชทานให้เป็นเปียนจ่วน[1]แห่งสำนักฮั่นหลิน ดำรงตำแหน่งขุนนางระดับหก

ผู้ได้รับอันดับสองหรือปั๋งเหยี่ยนคือสวี่เจวี๋ย ได้รับพระราชทานตำแหน่งเปียนซิว[2]แห่งสำนักฮั่นหลิน ดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นเจ็ด

ตำแหน่งทั่นฮวาเป็นของฉินจ้าว ได้รับพระราชทานตำแหน่งเปียนซิวแห่งสำนักฮั่นหลินเหมือนกับสวี่เจวี๋ย เป็นขุนนางขั้นเจ็ด

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่า จะไม่อนุญาตให้ผู้ที่ได้ตำแหน่งจิ้นซื่อเข้าไปในสำนักฮั่นหลิน และจะไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ได้มาจากสำนักฮั่นหลินเข้าไปยังเน่ย์เก๋อ[3]แม้จะไม่มีกฎบังคับตายตัวอย่างชัดเจนในแคว้นต้าโจวก็ตาม

ตำแหน่งขุนนางขั้นหกเป็นยศที่ไม่สูงนัก แต่อนาคตกลับไร้ขีดจำกัด มีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมสภาขุนนางในภายภาคหน้า เมื่อได้มีพระบรมราชโองการออกมาแล้ว ทั้งเว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ยและจั๋วชูต่างมีความสุข

สวี่เจวี๋ยเอามือไว้ข้างหลังแอบยกนิ้วให้เว่ยจื่ออั๋ง เมื่อเขาเห็นก็ได้แต่ยิ้มอย่างเขินอาย

ฉินเจ้าตกใจมาก! ประหนึ่งมีเสียงฟ้าร้องดังที่ข้างหู จะเป็นไปได้อย่างไร เขาได้ตำแหน่งทั่นฮวา!

ต่อมาไม่ว่าฮ่องเต้จะตรัสอะไรอีก ฉินจ้าวก็ไม่ได้ยิน หูเขาอื้อไปเสียแล้ว!

ฮ่องเต้เป็นผู้คัดเลือกจ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮวาด้วยพระองค์เอง ส่วนที่เหลือได้รับการประกาศโดยบัณฑิตจากสำนักฮั่นหลิน จั๋วชูได้อันดับที่หก หลังจากที่เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยได้สองอันดับแรกไปแล้ว ดวงตาของจั๋วชูทอประกายแวววาว นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับตัวเขายิ่งนัก

หลังจากนั้นบัณฑิตจากสำนักฮั่นหลินได้ประกาศว่า “พรุ่งนี้ จะมีการประกาศอันดับของจิ้นซื่อ ขอให้ผู้สมัครสอบทุกคนกลับไปรอประกาศอย่างเป็นทางการก่อน”

หลังจากทำความเคารพและขอบคุณทุกคนแล้ว พวกเขาจึงได้เดินออกมายังพระที่นั่งเหวินฮวา

“ตำแหน่งจ้วงหยวนและปั๋งเหยียนเป็นของพี่เว่ยและพี่สวี่นี่เอง!”

“ฮ่าๆๆ เยี่ยมมาก ทั้งจ้วงหยวนและปั๋งเหยี่ยนมาจากสำนักกั่วจื่อเจี๋ยนของพวกเรา” พวกเขาร่าเริงและมีความสุขมาก ตอนนี้ฉินจ้าวและบัณฑิตที่มาหัวเราะเยาะจะต้องรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมากแน่

“พี่เว่ย พี่เป็นจ้วงหยวนที่อายุน้อยที่สุดในแคว้นต้าโจวเลยใช่ไหม?”

“ที่เจ้าพูดมาก็ใช่!”

“พี่สวี่ยังเป็นปั๋งเหยี่ยนที่อายุน้อยที่สุดเช่นกัน!”

“พี่สวี่ พี่เว่ย พวกเราขอแสดงความยินดีกับพี่ด้วย” เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยยิ้มรับพลางกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับพวกเขาบราวนี่ออนไลน์

ทั้งสองคนโดนรุมล้อมไปด้วยผู้คนจนกระทั่งเดินออกมาจากตำหนักเหวินฮวา

ถังหลี่และเว่ยฉิงต่างชะเง้อดูเด็กๆ อยู่ด้านนอก ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะคว้าเสื้อของเว่ยฉิงเอาไว้อย่างตื่นเต้น เวลานี้น่าจะรู้ผลแล้ว

เว่ยฉิงตัวสูง เขาโอบนางเอาไว้ในวงแขน ตบหลังและปลอบโยนภรรยาของเขา

“ออกมากันแล้ว!” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา

เขามองเห็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยท่ามกลางผู้คนได้อย่างรวดเร็ว

มีบัณฑิตเดินผ่านพวกเขาไป เมื่อจำได้ว่าเป็นบิดามารดาของเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยจึงได้พากันเข้ามาแสดงความยินดีกับพวกเขา

“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านอู่และฮูหยินอู่ด้วยขอรับ”

“ยินดีด้วยขอรับ”

เมื่อได้ยินเสียงแสดงความยินดี ถังหลี่จึงได้มองไปที่เด็กทั้งสองคน

“พี่สาวครอบครัวของเรามีจ้วงหยวนแล้วนะ!” สวี่เจวี๋ยเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

“จ้วงหยวน!” ถังหลี่มองเว่ยจื่ออั๋ง เขาพยักหน้า เชิดหน้าอกของตนขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อตอนที่เขาได้ถูกคัดเลือกให้เป็นจ้วงหยวน ใบหน้าเขาดูสงบ แต่ที่จริงเขามีความสุข และภาคภูมิใจเมื่อคิดว่าท่านพ่อท่านแม่จะดีใจและภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน

ถังหลี่มีความสุข และที่เหนือไปกว่านั้นคือความปีติยินดี!

ในนวนิยายเล่มนั้น จื่ออั๋งได้เป็นจ้วงหยวนเช่นกัน เพราะเช่นนี้การที่เขาจะได้รับตำแหน่งจ้วงหยวนก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจมากนัก แต่นั่นเป็นเพราะถังหลี่ได้เป็นคนที่เฝ้าดูเด็กชายตัวน้อยที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นตั้งแต่เขายังเป็นเด็กเล็กๆ ที่เขียนหนังสือไม่ได้อ่านไม่ออก นางเฝ้าดูเขาจนเติบโตกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีการศึกษาที่ดี และตอนนี้เขาคว้าตำแหน่งจ้วงหยวนมาได้ !

“ท่านแม่ สวี่เจวี๋ยได้อันดับสอง!”

เว่ยจื่ออั๋งมีความรู้สึกอยู่เสมอว่าสวี่เจวี๋ยเป็นคนเก่งพอๆ กับเขา แต่ในการแข่งขันต้องมีที่หนึ่งและที่สอง ฝ่าบาทจึงได้เลือกให้เขาเป็นที่หนึ่ง!

“ถ้าหากพวกเจ้าไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกัน สวี่เจวี๋ยย่อมได้เป็นที่หนึ่งเป็นแน่!” ถังหลี่พูดกับเด็กทั้งสองคน เว่ยจื่ออั๋งพยักหน้าอย่างหนักแน่น เขาก็เชื่อเช่นนั้น!

แต่สำหรับสวี่เจวี๋ยแล้วไม่มีความแตกต่างระหว่างที่หนึ่งหรือที่สองเลย เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะจ้วงหยวนคนนี้เป็นจื่ออั๋งนั่นเอง หากเป็นคนอื่นอาจจะไม่เชื่อ แต่สำหรับจื่ออั๋งแล้วเขาไม่เคยเกิดความรู้สึกริษยาแต่อย่างใด? จะไปอิจฉาทำไม? ในเมื่อเขาและจื่ออั๋งเป็นครอบครัวเดียวกัน!

“ท่านแม่ ข้ากับสวี่เจวี๋ยได้เข้าทำงานที่สำนักฮั่นหลินเช่นกัน” เว่ยจื่ออั๋งพูดกับถังหลี่

หากได้เข้าไปยังสำนักฮั่นหลิน จะมีโอกาสมากที่จะได้เข้าไปในสภาขุนนาง

ในนวนิยายนั้น ทั้งเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยต่างเป็นขุนนางด้วยกันทั้งคู่ พวกเขามีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ทั้งคู่ขัดแย้งซึ่งกันและกัน ความล้มเหลวในอาชีพของพวกเขามาจากการห้ำหั่นระหว่างทังสองคน

แต่ตอนนี้พวกเขาเดินเคียงข้างกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันย่อมประสบความสำเร็จในอาชีพการงานอย่างแน่นอน อนาคตพวกเขาย่อมไปได้ไกลกว่านี้

ถังหลี่หวังเหลือเกินว่าทั้งคู่จะเป็นขุนนางที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ในภายหน้า

เว่ยฉิงมีความสุขมาก เขาตบไหล่ทั้งเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย

“เป็นตามที่พ่อคาดเอาไว้ไม่ผิด” เว่ยฉิงพูดอย่างตื่นเต้น จ้วงหยวนและปั๋งเหยี่ยน มาจากครอบครัวของเขาทั้งสองคน หัวใจเขาเต้นแรง มีความสุขมาก จนอยากจะวิ่งรอบๆ เมืองหลวงสักสองรอบจริงๆ

“สามี พวกเรายังอยู่ข้างนอก ท่านต้องสงบสติอารมณ์ลงก่อน”

หากเพื่อนร่วมงานของสามีมาเห็นท่าทางของเว่ยฉิงเช่นนี้ภาพพจน์ของเขามิโดนทำลายหรอกหรือ?

เว่ยฉิงตบหน้าตนเองเพื่อสงบสติอารมณ์

จั๋วชูถูกรายล้อมด้วยเถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจี น้องชายของนางได้อันดับที่หก นี่…แทบไม่น่าเชื่อ! มีผู้ร่วมสอบตั้งมากมาย แต่น้องชายของนางได้ถึงอันดับหก สกุลฮวาของนางมีจิ้นซื่อแล้ว! สามีภรรยาทั้งสองมีความสุขมาก

“ไป! กลับบ้านกันเถอะ!” พวกเขาพากันขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนอู่โหว

ในไม่ช้าข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง

จ้วงหยวนอันดับหนึ่งมีอายุเพียงสิบสี่ปี นับได้ว่าเป็นจ้วงหยวนที่อายุน้อยที่สุดในรอบร้อยปีนับตั้งแต่มีการสอบเคอจวี่ขึ้นมาในแคว้นต้าโจว

ถือได้ว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง! นี่คือสิ่งที่กำลังพูดถึงในถนนและตรอกซอกซอย

สกุลกู้ก็รอผลการสอบหน้าพระที่นั่งเช่นกัน เมื่อมีข่าวออกมา พวกเขาก็รีบไปยังจวนอู่โหว เพื่อแสดงความยินดี

จวนอู่โหวเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น

ในขณะที่บางคนมีความสุขแต่ก็มีบางคนที่เศร้าใจเพราะไม่เป็นไปตามที่หวังเอาไว้

นั่นคือฉินจ้าว

หลังจากที่ฮ่องเต้ได้ทรงประกาศชื่อของจ้วงหยวนแล้ว เขาทั้งตกตะลึงและมึนงงโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองได้เดินออกมาจากที่นั่งเหวินฮวาได้อย่างไร…

[1] อาลักษณ์บันทึกและเรียบเรียงประวัติศาสตร์

[2] อาลักษณ์แก้ไขและบันทึกประวัติศาสตร์

[3] สภาขุนนาง