ตอนที่ 523 ว่านฮุ่ยกุเรื่องลับหลัง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 523 ว่านฮุ่ยกุเรื่องลับหลัง

ขณะหลินม่ายนั่งซ้อนอยู่ตรงเบาะหลัง ก็สะกิดแผ่นหลังฟางจั๋วหรานด้วยมือเล็ก ๆ แผ่วเบา “วันนี้นึกครึ้มใจยังไงถึงอยากมารับฉันคะ?”

ฟางจั๋วหรานยิ้มพลางพูดว่า “ดีซะอีกที่ผมมารับคุณ ไม่งั้นแฟนผมคงถูกคนอื่นลักพาตัวไปแล้ว”

“ไร้สาระ!” คราวนี้หลินม่ายทุบหลังเขาครั้งหนึ่ง ถึงอย่างนั้นภายในใจกลับรู้สึกวาบหวาม

หญิงสาวคนไหนบ้างไม่อยากถูกแฟนมองว่าเป็นสมบัติล้ำค่า?

หลังจากนั้นฟางจั๋วหรานจึงตอบเธอตามความจริง

เนื่องจากเส้นผมของเขาถูกเปลวไฟเมื่อคืนเผาจนไหม้เกรียม วันนี้เขาจึงขอเลิกงานก่อนเวลาตั้งแต่ตอนเที่ยงครึ่ง แล้วไปที่ร้านตัดผมเพื่อตัดผมใหม่

หลังจากตัดผมเสร็จก็รีบแวะมารับเธอ

เขาถามยิ้ม ๆ “ทรงผมใหม่เป็นยังไงบ้าง?”

หลินม่ายมองเขาจากด้านหลังศีรษะแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ดูดีมากค่ะ!”

เขาดูดีจริง ๆ ไม่ว่าจะตัดผมทรงไหนก็เหมือนทรงผมจะรับกับใบหน้าของเขาไปเสียหมด ถึงตัดผมสั้นแบบนี้ คุณหมอฟางก็ยังหล่อมาก

ทั้งสองพูดคุยสลับกับหัวเราะ ไม่นานก็หายไปจากสุดปลายถนน

ว่านฮุ่ยที่เพิ่งเดินออกมาจากโรงเรียน มองตามแผ่นหลังของหลินม่ายพร้อมกับกัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว

เช้าวันนี้ ทันทีที่หล่อนมาถึงห้องเรียน หล่อนก็ถูกเพื่อนร่วมชั้นหลายคนเดินมาล้อมหน้าล้อมหลัง แม้กระทั่งเหยียนเหวินเล่อ พวกเขาคาดคั้นถามหล่อนว่าทำไมถึงได้ปล่อยข่าวลือปลอม ๆ เกี่ยวกับหลินม่าย ทำให้หล่อนอับอายขายหน้า

ตลอดทั้งช่วงเช้า เพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดต่างบุ้ยใบ้นินทาหล่อนไม่หยุดหย่อน สัมพันธไมตรีระหว่างบุคคลของหล่อนที่เดิมย่ำแย่อยู่แล้วก็ยิ่งแย่ลงไปใหญ่

หลังเลิกเรียน หล่อนอยากเดินกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนใหม่เพียงคนเดียวที่มีอยู่

แต่เพื่อนคนนั้นกลับตะคอกใส่หน้าว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนขี้โกหกอย่างหล่อนอีก จากนั้นก็วิ่งหนีไป

ข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หล่อนสร้างขึ้นแทบไม่ทำให้นังนั่นเสียเนื้อแม้แต่ชิ้นเดียวด้วยซ้ำ แต่เธอกลับสั่งให้เหยียนเหวินเล่อกับคนอื่น ๆ มารุมประณามหล่อนเนี่ยนะ?

ยิ่งว่านฮุ่ยคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด หล่อนก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมจนอยากฉีกหลินม่ายออกเป็นชิ้น ๆ

ในขณะที่หล่อนกำลังก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่แต่งตัวดีก็เดินเข้ามาขวางทางหล่อนเอาไว้

จากนั้นก็ถามด้วยสำเนียงจีนกลาง “สวัสดีสหายนักเรียน เธอพอจะรู้จักเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ชื่อหลินม่ายบ้างหรือเปล่า?”

ว่านฮุ่ยลอบสังเกตท่าทางของชายท่าทางภูมิฐานคนนี้สองสามครั้ง “คุณเป็นใคร? มาตามหาหลินม่ายทำไมคะ?”

ชายท่าทางภูมิฐานคนนั้นยื่นนามบัตรของตัวเองให้หล่อน “ฉันแซ่โหยว มาจากจีนตอนกลาง สหายนักเรียนจะเรียกฉันว่าผู้กำกับโหยวก็ได้ ฉันมาตามหาเพื่อนร่วมชั้นหลินม่าย เพราะอยากทาบทามให้เธอไปรับบทนางเอกในภาพยนตร์ที่ฉันกำลังจะเริ่มถ่ายทำ”

ว่านฮุ่ยโกรธมากจนอกแทบจะระเบิด

ทำไมนังนั่นถึงได้โชคดีนักหนา ผู้กำกับจากจีนตอนกลางถึงขั้นมาทาบทามเธอไปแสดงหนังด้วยตัวเอง แถมยังมอบบทนางเอกให้อีกด้วย!

เธอยิ้มให้ผู้กำกับโหยวเสมือนจริงใจ “ฉันเป็นเพื่อนสนิทของหลินม่ายจริง ๆ ค่ะ แต่หลินม่ายมีปัญหาด้านครอบครัวนิดหน่อย หล่อนก็เลยไม่ยอมมาโรงเรียน ฉันขอเล่าเรื่องของหล่อนให้คุณฟังได้ไหมคะ?”

ผู้กำกับโหยวเห็นหลินม่ายบนภาพโปสเตอร์ของUniqueโดยบังเอิญ จึงรู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับบทนางเอกในภาพยนตร์ที่เขากำลังจะเริ่มถ่ายทำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะในแง่ของรูปลักษณ์หรือบุคลิก

เขาสอบถามเรื่องของหลินม่ายผ่านทางโรงเรียนที่เธอศึกษาอยู่ น่าเสียดายที่เขาไม่เจอเธอ

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดกับว่านฮุ่ยว่า “งั้นช่วยพาฉันไปหาเธอที่บ้านหน่อยได้ไหม ภาพยนตร์ของฉันกำลังจะเริ่มถ่ายทำเร็ว ๆ นี้แล้ว อยากให้เธอมารับบทนางเอกโดยเร็วที่สุด”

สีหน้าว่านฮุ่ยแข็งทื่อไปชั่วขณะ

หล่อนตอบส่ง ๆ ไปอย่างนั้นแค่เพราะอยากจะไล่ผู้กำกับโหยวไปไกล ๆ ไม่คิดว่าเขาจะกระตือรือร้นถึงขั้นอยากให้หล่อนพาเขาไปหาหลินม่ายถึงบ้าน

หล่อนไม่รู้ว่าหลินม่ายอาศัยอยู่ที่ไหนก็จริง แต่ต่อให้รู้ หล่อนก็ไม่มีทางพาเขาไปที่นั่นเด็ดขาด

หล่อนแอบกลอกตาพลางส่ายหัว “ต่อให้ฉันพาคุณไปหาหลินม่ายถึงบ้านก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”

ผู้กำกับโหยวถามด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะ?”

“หลินม่ายกลับชนบทไปเกี่ยงความรับผิดชอบกับอดีตสามีน่ะสิคะ เธอไม่อยากเลี้ยงลูก ก็เลยจะผลักไสลูกแท้ ๆ ให้อดีตสามีเลี้ยง”

ผู้กำกับโหยวตกตะลึง “นักเรียนหลินม่ายมีลูกแล้วเหรอ?”

ว่านฮุ่ยพยักหน้า

ผู้กำกับโหยวถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง

ครั้งแรกที่เขาเห็นหลินม่ายในภาพโปสเตอร์ ในใจเขาก็วางตัวเธอให้รับบทนางเอกในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของตัวเองมาตั้งแต่นั้น เพราะเขาสะดุดตาในความสวยบริสุทธิ์และอ่อนเยาว์ของเธอ

เขากำลังจะสร้างภาพยนตร์ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักแรกพบของนักเรียนชั้นมัธยม แต่ตัวนางเอกที่แสดงเรื่องนี้กลับผ่านการมีลูกมาแล้ว แถมเธอยังไม่ยอมเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอีกด้วย

ถ้าข่าวลือเชิงลบเหล่านี้ถูกตีแผ่ในภายหลัง ต้องส่งผลกระทบต่อภาพยนตร์ของเขาอย่างแน่นอน

ในที่สุดผู้กำกับโหยวก็ยอมแพ้ในการทาบทามหลินม่าย

ว่านฮุ่ยมองอีกฝ่ายที่กำลังเดินจากไป ทันใดนั้นรอยยิ้มน่ารังเกียจก็ผุดขึ้นจากมุมปาก

ช่วงบ่ายทางโรงเรียนจัดสอบวิชาเคมีและวิชาสังคมการเมือง

ถึงวิชาสังคมการเมืองต้องอาศัยทักษะการวิเคราะห์เป็นหลัก แต่ก็ง่ายกว่าพาร์ทการอ่านจับใจความในวิชาภาษาจีนเป็นไหน ๆ เนื่องจากคำตอบมีทิศทางที่แน่ชัด หลินม่ายจึงทำข้อสอบแบบผ่านฉลุย

ไม่ต้องบอกทุกคนคงรู้ดี ไม่ว่าจะวิชาเคมีหรือวิชาไหน ๆ ที่มีสูตรคำนวณตายตัว ล้วนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ

ทันทีที่การสอบทั้งสองวิชาเสร็จสิ้น เธอก็ตรงไปที่โรงงานตัดเสื้อ

เมื่อคืนนี้ภายในโรงงานเกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่โต เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงงานมากแค่ไหน ดังนั้นต้องแวะไปดูสักหน่อย

ทันทีที่หลินม่ายเดินเข้าไปในโรงงาน เห็นว่าอาคารสำนักงานที่ถูกไฟไหม้เมื่อคืนนี้ได้รับการทาสีใหม่ด้วยสีขาวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

ถึงอย่างนั้นบานหน้าต่างที่แตกร้าวก็ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนใหม่แต่อย่างใด

ขณะที่หลินม่ายเดินผ่านห้องทำงานตัวเอง เธอมองเข้าไปภายในห้องผ่านทางหน้าต่างที่ถูกไฟไหม้เกรียม

ผนังห้องทำงานก็ถูกทาสีขาวทับแล้วเช่นเดียวกัน แต่มันไม่สามารถลบเลือนกลิ่นสาบไหม้ได้สนิท

บานประตูไม้ที่ถูกไฟเผาก็ยังไม่ถูกเปลี่ยนเช่นกัน แต่โต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ภายในสำนักงานอื่น ๆ ถูกแทนที่ด้วยของใหม่ พนักงานในห้องบ้างก็บ่นบ้างก็โอดครวญขณะนั่งทำงานที่โต๊ะทำงาน

เมื่อวานนี้กองเพลิงเผาแฟ้มเอกสารทั้งหมดจนไม่เหลือชิ้นดี ทำให้พวกเธอต้องเขียนทุกอย่างขึ้นมาใหม่

พนักงานสาวคนหนึ่งแทบหลั่งน้ำตา “ทำไมนังมือวางเพลิงตายยากนั่นต้องจุดไฟเผาห้องทำงานของพวกเราด้วยนะ!”

หัวหน้าแผนกเหลือบมองหล่อนอย่างไม่ใส่ใจ “หรือเธออยากให้มือวางเพลิงเปลี่ยนเป้าหมายไปเผาไลน์ผลิตแทนล่ะ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ โรงงานเราคงได้รับความเสียหายมากกว่านี้อีก อย่ามัวแต่โอดครวญไปเลย เธอลองคิดถึงแผนกบัญชีและการเงินดูสิ เอกสารทั้งหมดของพวกหล่อนก็โดนเผาวอดเหมือนกัน รายงานพวกนั้นเขียนขึ้นใหม่ยากกว่าของเราเยอะ เทียบกับพวกหล่อนแล้ว ความเสียหายของเรานับว่ายังดี”

พอหลินม่ายได้ยินแบบนั้น มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที หัวหน้าแผนกคนนี้รู้จักโน้มน้าวใจคนดีจริง ๆ

ติงไห่เฟิงกำลังลาดตระเวนกับสหายน้องชายสองสามคน เห็นว่าระหว่างที่หลินม่ายเดินอยู่ สายตาเธอก็จ้องมองไปยังบานหน้าต่างที่ถูกไฟไหม้

เขาคิดว่าเธออาจไม่พอใจที่พวกเขายังไม่ได้จัดการเปลี่ยนหน้าต่างเสียใหม่ จึงรีบอธิบายว่า “ทั้งประตูและหน้าต่างต้องสั่งทำครับ เลยยังเปลี่ยนใหม่ไม่ได้ในทันที”

หลินม่ายชมเชยเขา “แค่นี้ก็จัดการได้รวดเร็วมากแล้ว”

ติงไห่เฟิงหัวเราะแหะๆ ด้วยความโล่งใจ

หลินม่ายปลีกตัวไปตรวจสอบสภาพโรงงานต่อ

โซนผลิตภายในโรงงานเหมือนเป็นวัตถุกันไฟ บริเวณทั้งหมดไม่ได้รับความเสียหายจากผลพวงของไฟไหม้เลย

คนงานยังคงทำงานตรงหน้าด้วยความสบายใจ เมื่อเห็นหลินม่ายเดินผ่านมา ทุกคนก็หันมาส่งยิ้มให้ แล้วก้มหน้าทำงานต่อไป

หลังตรวจสอบทั่วโรงงานแล้ว หลินม่ายขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงช่วยไปเรียกหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานทั้งหมดมาประชุมในห้องประชุมเล็กอย่างกะทันหัน

ทันทีที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานมาถึงห้องประชุมเล็กและเห็นหลินม่าย พวกเขาถามไถ่ถึงอาการบาดเจ็บของเธอด้วยความเป็นห่วง

หลินม่ายชูมือข้างที่บาดเจ็บขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า “เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว”

พอทุกคนรู้แบบนั้นก็โล่งใจ ไม่ลืมถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของฟางจั๋วหราน

หลินม่ายตอบว่าไม่ถึงขั้นร้ายแรง

ติงไห่เฟิงถึงกับยกนิ้วโป้ง “ตัดภาพจำของแฟนคุณในฐานะที่เขาเป็นหมอผู้อ่อนโยนออกไปได้เลย เมื่อคืนนี้เขาใจกล้าบ้าบิ่นยิ่งกว่าใคร เปลวไฟลุกโหมขนาดนั้น ผมพยายามจะวิ่งฝ่าเข้าไปหลายครั้งแล้วแต่กลับล้มเหลว แต่เขาที่มีแค่ผ้านวมชุ่มน้ำผืนเดียวห่อตัวกลับช่วยคุณออกมาได้สำเร็จ ขอชื่นชม! ขอชื่นชม!”

เถาจืออวิ๋นกลอกตาไปทางเขา “หนุ่มโสดสนิทอย่างนายจะไปรู้อะไร พลังแห่งความรักเท่านั้นแหละที่จะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้”

ติงไห่เฟิงลดนิ้วหัวแม่มือของตัวเองลงทันที

ตีคนไม่ตบหน้า ตำหนิคนโดยไม่กระทบจิตใจไม่ได้หรือไงกันหัวหน้าเถา…

หลินม่ายสอบถามเกี่ยวกับยอดขายเสื้อผ้าเช่นทุกครั้ง เหรินเป่าจูรายงานว่ามันมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อที่มีหมวกฮู้ดในตัวคือสินค้าขายดีที่ขายดีที่สุด

หลินม่ายพยักหน้า ถามว่า “แล้วกิจการของสาขาในเซี่ยงไฮ้และกว่างโจวไปถึงไหนแล้ว?”

เหรินเป่าจูชี้ไปทางเถาจืออวิ๋น “หัวหน้าเถาเป็นคนดูแลงานฝั่งโน้นค่ะ”

เถาจืออวิ๋นรับช่วงรายงานต่อ “หลังจากฉันกลับมาทำงานต่อช่วงบ่าย พนักงานขายทั้งหมดในเซี่ยงไฮ้และกว่างโจวโทรกลับมาหาฉัน งานของพนักงานขายที่สาขากว่างโจวเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อมีโอกาสเข้าพบผู้จัดการห้าง พวกเขาก็เสนอเงื่อนไขพิเศษพร้อมกับแสดงแบบเสื้อให้ผู้จัดการดู เขารีบอนุมัติให้พวกเราเปิดร้านเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าได้ทันที ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง พนักงานขายที่เซี่ยงไฮ้ถูกผู้จัดการห้างต่อต้านอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินว่าเสื้อผ้าของเราผลิตภายในประเทศ เขาไม่ยอมชายตามองสินค้าของเราด้วยซ้ำ จนกระทั่งเห็นโฆษณาของเราที่ออกอากาศทางช่อง CCTV แบบเสื้อที่สวยหรูสะดุดตาถึงได้ดึงดูดความสนใจเขา พอเห็นกับตาว่าเนื้อผ้ามีคุณภาพดีเยี่ยม ถึงอนุมัติให้เราเปิดตลาดใหม่ได้”

หลินม่ายอธิบาย “กว่างโจวเป็นเมืองที่เปิดกว้างมาก ในขณะที่เซี่ยงไฮ้ค่อนข้างจู้จี้จุกจิก ผู้คนในเมืองก็เลยต้องการแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ ขอแค่ติดต่อเช่าร้านได้ก่อนวันชาติก็ดีแล้ว ตอนนี้ช่อง CCTV ไม่มีโฆษณาอื่น จึงมีโฆษณาของเราออกอากาศแค่ตัวเดียว คาดว่าภายในวันชาติยอดขายของเราต้องระเบิดเป็นพลุแตก”

ว่าแล้วเธอก็มองไปที่โฮ่วซินอี้และเถาจืออวิ๋น “ช่วงเวลาสำคัญนี้ เราต้องใส่ใจด้านคุณภาพของเสื้อผ้าให้มากขึ้น อย่าปล่อยให้มีงานหยาบหลุดไปเพราะขั้นตอนการผลิตที่เร่งรีบ ฝากคุณสองคนช่วยรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”

ทั้งเถาจืออวิ๋นและโฮ่วซินอี้พยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม

หลินม่ายมอบหมายงานให้หัวหน้าคนใหม่ของแผนกบัญชีและการเงิน บอกให้หล่อนมอบโบนัสให้พนักงานทุกคนที่มีส่วนร่วมในการผจญเพลิงเมื่อวานนี้คนละสิบหยวน

ความจริงแล้วเธอไม่สนับสนุนให้พนักงานเสี่ยงชีวิตเพื่อผลประโยชน์ของโรงงาน

แต่ในเมื่อพวกเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของโรงงานเป็นใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรได้รับสิ่งตอบแทน เพื่อไม่ให้สินน้ำใจของพวกเขาเปล่าประโยชน์

ในตอนท้ายของการประชุม ขณะที่หลินม่ายเก็บข้าวของเตรียมจะออกไป โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น

เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อรับสาย ปรากฏว่าเป็นสายของผู้จัดการข่งจากห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง

เขาแจ้งเธอว่าตั้งแต่วันชาตินี้เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดในเจียงเฉิงจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาทำการใหม่ เปิด 9.30 น. และปิดเวลา 21.30 น. เพื่อให้หลินม่ายได้เตรียมความพร้อม

พวกเขาควรปรับเปลี่ยนเวลาทำการแบบนี้ตั้งนานแล้ว

สมัยยังมีชีวิตอยู่ในชาติที่แล้ว คนจำนวนมากนิยมไปซื้อของในห้างหลังเวลาอาหารเย็น บางที่มูลค่าการซื้อขายภายในไม่กี่ชั่วโมงช่วงกลางคืนยังมากกว่ายอดขายตลอดทั้งวันรวมกันด้วยซ้ำ

หลินม่ายเรียกหาเหรินเป่าจู ขอให้หล่อนเช็กกับทางห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ ว่าพวกเขาจะปรับเปลี่ยนเวลาทำการตามที่ผู้จัดการข่งบอกจริงหรือไม่

ถ้าสิ่งที่ผู้จัดการข่งแจ้งเป็นความจริง เธอจะต้องแบ่งเวลาทำงานของพนักงานขายและฝ่ายซัพพลายเออร์ออกเป็นสองกะ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เชิญอยู่ในรูของเธอต่อไปเถอะยัยว่านฮุ่ย ต่อให้หลินม่ายไม่ได้เป็นนางเอกหนัง ชีวิตเขาก็รุ่งเรืองกว่าเธออยู่ดี

ไหหม่า(海馬)