บทที่ 481 แบ่งกำไรหนึ่งส่วน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 481 แบ่งกำไรหนึ่งส่วน

บทที่ 481 แบ่งกำไรหนึ่งส่วน

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าถ้านางไม่บอกลุงหลี่เกี่ยวกับสูตรเหล่านี้ พวกมันคงเน่าอยู่ในมือของตนเอง แต่เมื่อนางบอกเขา นางสามารถทำให้ร้านจิ่นฝูได้เปรียบในการแข่งขันกับร้านอื่น ๆ ที่ไม่มีอาหารจานนี้

เมื่อร้านจิ่นฝูออกรายการอาหารจานใหม่จะดึงดูดลูกค้าจำนวนมาก

แม้ว่าร้านอาหารอื่น ๆ จะรู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็จะเปิดตัวอาหารจานใหม่เพิ่มอีกทันที ซึ่งจิตสำนึกของทุกคนจะจำไปเองว่า จานนี้เป็นต้นตำรับของร้านจิ่นฝู และอาหารที่อร่อยที่สุดต้องไปกินที่ร้านจิ่นฝู

กินอาหารร้านอื่น บางทีมักจะรู้สึกขาดบางสิ่งไป

หลี่ฝานรู้ว่าผลงานครั้งนี้แปดส่วนมาจากกู้เสี่ยวหวาน ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่มีความคิด สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นขยะในมือพวกเขา ถ้าเมื่อครู่กู้เสี่ยวหวานไม่บอกว่าไข่ปลาตัวนี้ยังสามารถปรุงอาหารได้ เกรงว่าไข่ปลาเหล่านี้จะถูกโยนทิ้งเหมือนขยะโดยพ่อครัวในบ่ายวันนี้

ไหนจะเหมือนยามนี้ สามารถเปิดตัวเป็นจานใหม่เอาใจลูกค้าในค่ำคืนนี้ได้

ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากกู้เสี่ยวหวาน

แม้กู้เสี่ยวหวานต้องการปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ทำงานอยู่สองอย่างในร้านจิ่นฝู ซึ่งเงินสำหรับทั้งสองงานนี้น่าจะมากกว่าสองเท่าของร้านอาหารอื่น ๆ

เห็นได้ชัดว่าหลี่ฝานต้องการช่วยเหลือนาง ดังนั้นเขาจึงให้เงินเดือนที่สูงเช่นนี้กับนาง คราวนี้กู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าหลี่ฝานจะให้ผลกำไรหนึ่งส่วนของอาหารจานใหม่แก่ตัวเอง แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะตื่นเต้นและหวั่นไหวมาก แต่นางก็ไม่สามารถรับไว้ได้

หลี่ฝานผู้นี้ดีกับครอบครัวนางเกินไป นางมิอาจทำตัวได้คืบจะเอาศอกได้

หลี่ฝานเห็นการปฏิเสธในดวงตาของกู้เสี่ยวหวาน และพูดอย่างรวดเร็วว่า “เสี่ยวหวาน ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น!” หลังจากชะงักไปอึดใจ เขาก็ยิ้ม “เจ้าเป็นคนทำบัญชีของครอบครัวข้า เจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าคราวก่อนข้าก็ซื้อสูตรอาหารของเจ้ามาทั้งหมดด้วยเงิน ครั้งนี้ถึงแม้จะต่างไปจากเดิม แต่กฎก็มิอาจละเลยได้ถูกหรือไม่? เจ้าเองก็เป็นคนของร้านจิ่นฝู เงินที่ได้จากกำไรนี้มา แน่นอนว่าควรแบ่งให้เจ้าด้วย!”

กู้เสี่ยวหวานหวั่นไหวเล็กน้อย หลี่ฝานทำทั้งหมดเพื่อช่วยนาง

นางเป็นคนทำบัญชี ทุกวัน ทุกสัปดาห์ และทุกเดือน ร้านหากำไรได้เท่าไรล้วนอยู่ในมือนาง เมื่อหลี่ฝานพูดเช่นนี้ นางสามารถคิดคำนวณได้ทันทีว่าหลี่ฝานควรให้นางเดือนละเท่าไร

ถ้าไข่ปลาผัดน้ำแดงนี้ได้กำไรสองร้อยตำลึงเงิน นางก็จะได้กำไรถึงยี่สิบตำลึงเงิน

นี่ยังแค่เดือนเดียว หากเป็นปีหรือสองปีเล่า!

นี่เป็นเพียงร้านจิ่นฝูเพียงแห่งเดียว แล้วถ้ามีสองหรือสามแห่งล่ะ?

นี่แตกต่างจากการซื้อสูตรครั้งก่อนที่ได้แค่หนึ่งร้อยหรือสองร้อยตำลึงเงิน แต่ไม่ได้เงินปันผลเพิ่มเติม

ครั้งนี้หลี่ฝานไม่ได้ทำเช่นนั้น

“ตราบใดที่ร้านจิ่นฝูของข้ายังเปิดอยู่ ไม่ว่าเจ้าจะทำอาหารอะไร ข้าจะแบ่งให้เจ้า!” หลี่ฝานอธิบาย

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า

นางรู้ว่านี่คือความเมตตาของหลี่ฝาน ตอนนี้มันเหมือนกับการเก็บเงินไว้ในธนาคาร ซึ่งนางจะได้รับดอกเบี้ยคงที่ทุกเดือน

กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองหลี่ฝานอย่างขอบคุณ “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านลุงหลี่แล้ว”

หลี่ฝานโบกมือด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณอะไรกัน ข้าต่างหากที่อยากจะขอบคุณเจ้า! สาวน้อยเสี่ยวหวาน บางครั้งข้าก็สงสัยจริง ๆ ว่าเจ้ามีสูตรอาหารอร่อย ๆ อยู่ในหัวมากแค่ไหนกัน!”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “ก่อนนี้ที่บ้านข้าไม่มีอะไรกิน ดังนั้นข้าจึงชอบไปที่แม่น้ำหรือขึ้นไปบนภูเขาเพื่อค้นหาวัตถุดิบมาทำอาหาร เมื่อพบสิ่งเหล่านี้และข้าเห็นว่ามันสามารถกินได้ เช่นนั้นข้าเลยนำพวกมันกลับบ้านและคิดว่าจะจัดการกับพวกมันอย่างไร จึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับวัตถุดิบเหล่านี้”

หลี่ฝานยกนิ้วให้และพูดด้วยความชื่นชม “ใช่ เจ้าเป็นเด็กที่ฉลาด มาเถอะ กลับไปที่ห้องรับรองและลงนามในสัญญากัน”

กู้เสี่ยวหวานเดินตามหลังหลี่ฝานไป เขาร่างสัญญา และกู้เสี่ยวหวานก็มองดูอย่างระมัดระวังก่อนลงนามในสัญญา

เช่นเดียวกับหลี่ฝาน เขาลงนามด้วยความตื่นเต้น และสุดท้ายก็ไม่ลืมกล่าวว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน หากมีอะไรดี ๆ อีกในอนาคตก็ให้มาบอกลุงหลี่ผู้นี้ แล้วข้าจะทำตามข้อตกลงที่เขียนไว้ในสัญญา เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”

ทำไมจะไม่เห็นด้วยล่ะ? เห็นด้วยอย่างยิ่ง!

กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างสดใส “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงหลี่”

ครอบครัวของนางต้องการสร้างบ้านในอนาคต ซึ่งนางกำลังต้องการเงินพอดี ที่หลี่ฝานเสนอกำไรแบ่งให้นาง เกรงว่าคงเพราะเขาอยากดูแลนางให้มากขึ้น

และอย่างที่คิด นางได้ยินหลี่ฝานพูดว่า “เสี่ยวหวาน ข้าลองถามเกี่ยวกับที่ดินของบ้านหลังนี้ดูแล้ว พวกเขาบอกว่าจะให้คำตอบแก่ข้าในอีกสองสามวัน เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะหาที่ดินที่ถูกและดีมาให้เจ้าแน่นอน”

กู้เสี่ยวหวานโค้งคำนับทันทีและกล่าวด้วยความเคารพ “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงหลี่”

หลี่ฝานโบกมือและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ในอนาคต ถ้าเจ้ามาอยู่ในเมือง เจ้าก็จะมาที่ร้านจิ่นฝูบ่อยขึ้น! ไม่เช่นนั้น ลุงหลี่ของเจ้าจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรเล่า!”

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจความหมายของหลี่ฝานดีจึงยิ้มและรับคำ จากนั้นจึงนำสัญญาออกจากร้านจิ่นฝูไป

หลังจากออกจากร้านจิ่นฝูแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ยังไม่อยากเชื่อ หัวใจของนางเต้นระรัวนัก

ส่วนแบ่งหนึ่งส่วนหมายความว่า ตราบใดที่มีคนสั่งอาหารจานนี้ในอนาคต นางจะมีรายได้ไม่มากก็น้อย

กู้เสี่ยวหวานตื่นเต้นมาก นางต้องการบอกข่าวดีนี้กับฉินเย่จือ

ฉินเย่จือเองก็เห็นกู้เสี่ยวหวานออกมา เขาจึงโบกมือให้นาง กู้เสี่ยวหวานก็รีบร้องทักเขาทันที

หลังจากเห็นฉินเย่จือ แก้มของนางก็แดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น ดูมีความสุขที่ได้พบอย่างเห็นได้ชัด

ฉินเย่จือเอียงศีรษะมองนาง เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมีความสุขและตื่นเต้นมาก ความรู้สึกขยะแขยงที่ได้เห็นกู้ซินเถาในใจของเขาก็หายไป

“เป็นอะไรไป เสี่ยวหวาน อะไรทำให้เจ้ามีความสุขมากเพียงนี้กัน?” ฉินเย่จือถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นและมองอย่างสนใจ เมื่อกู้ซินเถาซึ่งอยู่ไม่ไกลได้เห็นดังนั้นก็พลันมีประกายดุร้ายวาบผ่านดวงตาของนาง

กู้เสี่ยวหวานรีบหยิบจดหมายในอ้อมแขนของนางออกมาแล้วกางออกให้ฉินเย่จือดู

หลังจากที่ฉินเย่จืออ่านแล้ว คิ้วของเขาก็โค้งขึ้น “เสี่ยวหวานเก่งกาจจริง ๆ!”

เมื่อเห็นฉินเย่จือชื่นชมตัวเอง ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานก็โค้งเป็นจันทร์เสี้ยว แต่ยังไม่หยุดมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น

ในใจของกู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นเช่นกัน ด้วยความช่วยเหลือของฉินเย่จือ นางก็ขึ้นมาบนเกวียนวัว ก่อนพูดว่า “พี่ชายฉิน ในอนาคตครอบครัวของเราจะมีเงินแล้ว”

มุมปากของฉินเย่จือเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าก่อนเอ่ยหยอก “เจ้าหน้าเงินตัวน้อย!”