ตอนที่ 466 แย่งชิงบัลลังก์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 466 แย่งชิงบัลลังก์

ชาติที่แล้วเซียวหรงเหยี่ยนมอบป้ายหยกจักจั่นให้นางหนีเอาชีวิตรอด ทว่า นางไม่ได้หนี นางมีแต่ความโกรธแค้นและเกลียดชัง นางต้องการตายไปพร้อมกับเหลียงอ๋อง ไม่ว่าอยากไรก็จะลากเขาลงนรกไปด้วยกันให้ได้!

ตอนนั้นนางเกลียดเหลียงอ๋องมาก ทว่า รู้สึกเสียใจมากกว่า

นางไม่อยากให้ต่งถิงเจินเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับนาง ไม่อยากให้ต่งถิงเจินรู้สึกเกลียดตัวเองจนอยากทำลายตัวเองให้สลายเป็นผุยผงเหมือนกับนางในตอนนั้น

ต่อมาองครักษ์ลับมารายงานว่าฮ่องเต้ส่งเกาเต๋อเม่าไปที่จวนเหลียงอ๋อง ทว่า จวนเหลียงอ๋องมีองครักษ์คุ้มกันแน่นหนา องครักษ์ลับจึงไม่รู้ว่าพวกเขาสนทนาสิ่งใดกัน

“ทว่า หลังจากเหลียงอ๋องออกมาส่งเกาเต๋อมากงกงจากไปด้วยตัวเอง สีหน้าของเขาไม่ดีสักเท่าใดขอรับ”

สีหน้าของเหลียงอ๋องไม่ค่อยดีอย่างนั้นหรือ

ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เช่นนี้แสดงว่าเหลียงอ๋องคงไม่อาจแต่งงานกับต่งถิงเจินได้ตามที่หวังแล้ว รัชทายาทคงมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ไม่น้อย

“ข้ารู้แล้ว ไปเถิด จับตาดูจวนเหลียงอ๋องไว้ให้ดี!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

แม้ตอนนี้จะทำให้เหลียงอ๋องแต่งงานกับต่งถิงเจินไม่ได้ ทว่า หากต่งถิงเจินยืนกรานจะแต่งงานกับเหลียงอ๋องให้ได้ ผู้ใดจะห้ามอยู่ หากคนคนหนึ่งดื้อดึงขึ้นมา ผู้ใดก็ฉุดไว้ไม่อยู่

หากเกิดเรื่องที่เรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น ถึงตอนนั้นคงยากจะแก้ไขแล้ว

พรุ่งนี้เช้านางจะเดินทางกลับไปซั่วหยางแล้ว นางกลัวว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นหลังจากนางกลับไปซั่วหยาง ถึงเวลานั้นคงไม่ทันการ นางต้องรีบคิดหาวิธี…

ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องที่ฮ่องเต้ส่งเกาเต๋อเม่าไปยังจวนเหลียงอ๋อง รัชทายาทย่อมรู้เช่นเดียวกัน

เมื่อรัชทายาทเข้าไปในวังหลวง ฟางเหล่าส่งคนไปจับตาดูจวนเหลียงอ๋องทันที ฮ่องเต้ส่งขันทีคนสนิทอย่างเกาเต๋อเม่าไปหาเหลียงอ๋องที่จวน ย่อมมีคนกลับไปรายงานให้รัชทายาทราบอยู่แล้ว

รัชทายาทเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวังหลวงให้ฟางเหล่าฟังอย่างละเอียด

ฟางเหล่าลูบเคราพลางเอ่ยถาม “เมื่อองค์ชายตรัสว่า…ดีใต้เท้าต่งไม่ใช่ขุนนางที่กุมอำนาจทางทหารอยู่ตามเมืองต่างๆ มิเช่นนั้นองค์ชายอาจสงสัยจุดประสงค์ที่เหลียงอ๋องต้องการสู่ขอคุณหนูต่งโดยไม่สนว่าจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ ฝ่าบาททรงเหม่อลอยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เราต้องการให้เสด็จพ่อนึกถึงผู้ตรวจเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่จึงกล่าวเช่นนั้นออกไป ฟางเหล่าคิดว่ามันไม่สมควรหรือ”

รัชทายาทรับผ้าเช็ดหน้าที่เฉวียนอวี๋ยื่นให้มาเช็ดมือ จากนั้นเอ่ยถาม

“ไม่ใช่ไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทไม่ได้พระราชทานสมรสในทันที ทว่า ส่งเกาเต๋อเมากงกงไปที่จวนเหลียงอ๋องแทน แสดงว่าการแต่งงานของเหลียงอ๋องและคุณหนูต่งคงไม่เกิดขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว เสด็จพ่อเป็นคนขี้ระแวง”

“กระหม่อมหมายความว่าให้องค์ชายทำเรื่องที่ตรัสให้กลายเป็นเรื่องจริง ทำให้ฝ่าบาทเข้าใจว่าเหลียงอ๋องมีจุดประสงค์แอบแฝงจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”

ฟางเหล่านั่งอยู่ใต้แสงไฟ แววตาของเขาจริงจังมาก “หากเหลียงอ๋องยังป่าวประกาศเรื่องที่มีของแนบกายของคุณหนูต่งออกไปทั้งๆ ที่ฝ่าบาททรงไม่อนุญาต เพื่อหวังบีบบังคับให้คุณหนูต่งแต่งงานกับเขา เมื่อฝ่าบาทที่เริ่มหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องรับรู้เรื่องนี้จะทรงคิดเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทรับถ้วยชาที่เฉวียนอวี๋ยื่นมาให้ ขมวดคิ้วแน่นอย่างใช้ความคิด

“เราเข้าใจว่าฟางเหล่าต้องการขัดขวางไม่ให้เหลียงอ๋องมีโอกาสมาแย่งชิงราชบัลลังก์กับเรา ทว่า หากทำเช่นนี้ ใต้เท้าต่งก็จำต้องยกบุตรสาวให้แต่งงานกับเหลียงอ๋อง ถึงเวลานั้นเหลียงอ๋องกลายเป็นดองกับตระกูลต่ง ในสายตาของตระกูลต่ง หากเหลียงอ๋องขึ้นครองราชย์ย่อมดีกว่าเราขึ้นครองราชย์อยู่แล้ว เช่นนี้เท่ากับเป็นการผลักตระกูลต่งไปให้เหลียงอ๋องไม่ใช่หรือ”

“องค์ชาย ลำดับแรกต้องทำให้ฝ่าบาทหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องให้ได้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ! องค์ชายทรงอย่าลืมนะพ่ะย่ะค่ะว่าตอนนั้นเหลียงอ๋องต้องการใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องเป็นกบฏ อีกทั้งยังเก็บเกาเซิงพรรคพวกขององค์ชายรองที่ก่อกบฏเมื่อปีนั้นไว้ข้างกายอีกด้วย ตอนนั้นเรื่องนี้ยุติลงอย่างคลุมเครือเพราะมีซิ่นอ๋องเข้ามาเกี่ยวข้อง ฝ่าบาทจึงไม่อยากสืบต่อไป ทว่า หากฝ่าบาททรงสงสัยในตัวเหลียงอ๋อง พวกเราหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งก็จะสามารถตัดโอกาสการแย่งชิงบัลลังก์ของเหลียงอ๋องได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฟางเหล่ามีแผนแล้วอย่างนั้นหรือ”

รัชทายาทตื่นเต้น วางถ้วยน้ำชาที่ไม่ได้ดื่มสักอึกลงบนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นยกมือคาราวะฟางเหล่า

“ฟางเหล่าช่วยชี้แนะด้วย!”

“รับใช้องค์ชายคือหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ จะกล้าใช้คำว่าชี้แนะได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมส่งคนไปสืบแล้วว่าเกาเซิงมีสหายหรือคนใกล้ชิดบ้างหรือไม่ ถึงเวลานั้นข่มขู่พวกเขา องค์ชายทรงอยากให้เหลียงอ๋องซึ่งถูกฝ่าบาทหวาดระแวงมีโทษความผิดใดก็ได้ทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ!”

ฟางเหล่ากล่าวจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ทว่า การตามหาคนต้องใช้เวลา กระหม่อมมีอีกวิธี เพียงแต่กลัวว่าองค์ชายจะไม่อยากใช้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฟางเหล่าลองว่ามาสิ!”

“องค์ชายทรงจำเรื่องที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าต้องการจะสู่ขอเกาอี้จวิ้นจู่ให้บุตรชายคนเล็ก ทว่า บุตรชายของเขากลับถูกองค์หญิงเจิ้นกั๋วตีจนขาหักก่อนนางจะเดินทางกลับไปยังซั่วหยางได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ฟางเหล่าเอ่ยถามเสียงเบาหวิว แววตาเป็นประกาย

รัชทายาทพยักหน้า

เฉวียนอวี๋ได้ยินจึงหันไปทางฟางเหล่าทันที

ฟางเหล่านั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวสูงภายใต้แสงตะเกียง หันไปกล่าวกับรัชทายาทอย่างตั้งใจ

“ทุกคนรู้ดีว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ความสำคัญกับเกาอี้จวิ้นจู่มาก หากเหลียงอ๋องพุ่งเป้าไปที่เกาอี้จวิ้นจู่ องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่มีทางปล่อยเหลียงอ๋องไปแน่พ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วจัดการกับเหลียงอ๋องเพื่อแก้แค้นแทนน้องสาวของตัวเอง ฝ่าบาทไม่เพียงจะไม่สงสัยมาถึงตัวองค์ชาย แต่จะทรงคิดว่าเหลียงอ๋องเคยหลงรักองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ต่อมากลับเปลี่ยนใจไปสู่ขอคุณหนูต่ง ขณะเดียวกันกลับหวังทำลายชื่อเสียงของเกาอี้จวิ้นจู่ ต้องการสู่ขอเกาอี้จวิ้นจู่แต่งเข้าจวนเหลียงอ๋องเพื่อจุดประสงค์อันใดกันแน่พ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทขมวดคิ้วมองฟางเหล่าอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย

ทว่า ฟางเหล่ากลับกล่าวต่อ “เหลียงอ๋องพุ่งเป้าไปที่เกาอี้จวิ้นจู่ ด้วยนิสัยขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว นางจะปล่อยเหลียงอ๋องไปได้อย่างไรพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทย่อมไม่อาจกล่าวโทษองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้ อีกทั้งฝ่าบาทและตระกูลต่งจะได้รับรู้ว่าเหลียงอ๋องเป็นคนเจ้าแผนการ! หากเหลียงอ๋องไปสู่ขอคุณหนูต่ง ตระกูลต่งจะตอบตกลงได้เช่นไร ยิ่งหากเหลียงอ๋องไปขอให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ ฝ่าบาทก็จะยิ่งสงสัยในตัวเหลียงอ๋องมากขึ้นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทฟังฟางเหล่ากล่าวจบจึงค่อยๆ เอนกายพิงเก้าอี้

พระราชทานสมรสไม่ได้ ไปสู่ขอเองก็ไม่ได้ เช่นนี้เท่ากับเป็นการขัดขวางไม่ให้เหลียงอ๋องมีโอกาสแต่งงานกับคุณหนูตระกูลต่งอีก ตระกูลต่งจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงราชบัลลังก์ อีกทั้งตั้งตัวเป็นศัตรูกับเหลียงอ๋อง กระทั่งยอมอยู่ฝ่ายเดียวกันกับเขา

ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนสวามิภักดิ์กับรัชทายาท รัชทายาทให้ความสำคัญกับไป๋ชิงเหยียนมากขึ้นเรื่อยๆ พระองค์ปฏิเสธเขาเพราะไป๋ชิงเหยียนหลายครั้ง ฟางเหล่าจะทนได้อย่างไรกัน วันหน้าเขาจะมีความสำคัญอันใดต่อรัชทายาทอีก

หากใช้โอกาสนี้ทำให้รัชทายาทและไป๋ชิงเหยียนเหินห่างกันได้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขาเป็นอย่างยิ่ง

เฉวียนอวี๋เห็นท่าทีครุ่นคิดของรัชทายาท ใจของเขากระตุกวูบ เขาก้มหน้าครุ่นคิด จากนั้นเปลี่ยนน้ำชาถ้วยใหม่ให้รัชทายาทพลางกล่าวยิ้มๆ

“องค์ชาย พระชายาให้คนมาเชิญองค์ชายไปเสวยอาหารเย็นด้วย คนรออยู่ด้านนอกพักใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย…”