ตอนที่ 467 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 467 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

เมื่อฟางเหล่าได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะพลางลุกขึ้นยืน กล่าวยิ้มๆ “องค์ชายทรงทบทวนดูนะพ่ะย่ะค่ะ หากคิดว่าวิธีนี้ได้ผล ส่งคนมาบอกกระหม่อม กระหม่อมจะจัดการทุกอย่างเองพ่ะย่ะค่ะ ทว่า พรุ่งนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่จะเดินทางกลับซั่วหยางแล้ว หากองค์ชายทรงเห็นดีด้วย ควรรีบตัดสินพระทัยโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้!” องค์รัชทายาทพยักหน้า

เมื่อฟางเหล่าเดินจากไป องค์รัชทายาทหันไปทางเฉวียนอวี๋ ยกชาขึ้นจิบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เฉวียนอวี๋ เจ้าใจกล้ามากขึ้นทุกวัน!”

“องค์ชาย บ่าวกล้าเพราะมีองค์ชายคอยให้ท้ายบ่าวพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายคือเจ้านายที่มีเมตตาที่สุดที่เฉวียนอวี๋เคยพบมา เฉวียนอวี๋จึงกล้าบังอาจต่อหน้าองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!” เฉวียนอวี๋กล่าวยิ้มๆ “บ่าวแค่รู้สึกว่าวันนี้องค์ชายทรงเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่มีเวลาแม้แต่พักดื่มน้ำชา บ่าวจึงทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เห็นองค์รัชทายาทเป่าไล่ไอร้อนจากถ้วยชา อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เฉวียนอวี๋จึงกล่าวขึ้น “องค์ชาย เมื่อครู่ฟางเหล่าต้องการหลอกใช้เกาอี้จวิ้นจู่นะพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่รักและผูกพันกันมาก องค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อพระองค์มาก เมื่อครู่บ่าวเห็นองค์ชายทรงลังเล ทรงกลัวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมีใจเหินห่างใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทพยักหน้า “ใช่ ทว่า ที่ฟางเหล่ากล่าวก็มีเหตุผล เราต้องคิดทบทวนให้ดี”

เฉวียนอวี๋ได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้จึงไม่กล้าโน้มน้าวอีก ได้แต่พยักหน้าแล้วออกไปยกของว่างมาให้

เมื่อเฉวียนอวี๋พาบรรดานางกำนัลยกถาดอาหารสีดำเดินกลับไปยังห้องตำรา เขาเห็นบ่าวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องตำรา จากนั้นตรงไปยังเรือนของฟางเหล่า

เฉวียนอวี๋หยุดยืนขมวดคิ้วแน่นอยู่ตรงระเบียงทางเดินยาวซึ่งมีเสาแกะสลักสวยงาม เขากลัวว่าหากองค์รัชทายาทแตะต้องเกาอี้จวิ้นจู่แล้วองค์หญิงเจิ้นกั๋วล่วงรู้เข้า นางต้องกลายเป็นศัตรูกับองค์รัชทายาทแน่นอน!

องค์รัชทายาทไม่เข้าใจเหตุผลข้อนี้เลยหรืออย่างไรกัน!

เฉวียนอวี๋ไม่อยากให้องค์รัชทายาทสูญเสียขุนนางมากความสามารถอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปและไม่อยากให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเสียใจ

นางกำนัลซึ่งเดินตามหลังเฉวียนอวี๋มาอย่างนอบน้อม เห็นเฉวียนอวี๋หยุดยืนอยู่ใต้โคมไฟสีแดงหกเหลี่ยมซึ่งสะบัดไปมาตามแรงลมไม่ยอมขยับกายจึงก้าวไปด้านหน้า เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “กงกง?”

“ไปเถิด!” เฉวียนอวี๋จึงได้สติ นำบรรดานางกำนัลเดินต่อไปด้านหน้า

เริ่นซื่อเจี๋ยเพิ่งส่งคนออกไปแพร่กระจายข่าวเรื่องที่เหลียงอ๋องนำของแนบกายของคุณหนูตระกูลต่ง ต่งถิงเจินเข้าวังไปทูลขอให้ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้ออกไปตามคำสั่งของฟางเหล่า นึกไม่ถึงว่าจะได้รับรายงานความเคลื่อนไหวจากจวนเหลียงอ๋อง กล่าวว่าเหลียงอ๋องมุ่งหน้าไปยังจวนต่งหลังจากเกาเต๋อเม่ากลับไปจากจวนเหลียงอ๋องได้ไม่นาน

ฟางเหล่าได้ยินก็หรี่ตาแคบ เดาว่าเหลียงอ๋องอาจไปขอร้องใต้เท้าต่งที่จวนด้วยตัวเอง

เริ่นซื่อเจี๋ยกล่าวเสียงเบา “เหลียงอ๋องเสด็จไปจวนต่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าไปเพื่อนำของแนบกายของคุณหนูต่งไปคืนหรือไปขอร้องใต้เท้าต่งอีกรอบกันแน่ขอรับ”

“ไม่ว่าเหลียงอ๋องจะไปที่จวนต่งเพราะเหตุใด ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะช่วยองค์รัชทายาทขัดขวางไม่ให้เหลียงอ๋องมีโอกาสแย่งชิงบัลลังก์กับองค์รัชทายาท!” ฟางเหล่ายกชาขึ้นจิบ จากนั้นกล่าวกับเริ่นซื่อเจี๋ย “พวกเจ้าลองคิดดูสิ คราวที่แล้วเหลียงอ๋องหวังใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องเป็นกบฏ อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสบียงอาหารที่หนานเจียง เหตุใดฝ่าบาทยังทรงปล่อยให้เหลียงอ๋องลอยนวลกัน นั่นเป็นเพราะเหลียงอ๋องคือโอรสของพระองค์ ที่สำคัญเขาไม่ได้แตะต้องเขตหวงห้ามของฝ่าบาท!”

ฟางเหล่าจิบชาหนึ่งอึก วางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยต่อ “เรื่องที่องค์ชายรองนำทัพบุกเข้าไปก่อกบฏในวังหลวงในปีนั้นยังติดค้างอยู่ในพระทัยของฝ่าบาท ฝ่าบาทเห็นแก่สายเลือดของพระองค์ปล่อยให้โอรสทำตามอำเภอใจได้ทุกเรื่อง ทว่า ทรงไม่มีทางยอมให้โอรสมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือแน่นอน ดังนั้นยิ่งเหลียงอ๋องอยากแต่งงานกับคุณหนูตระกูลต่งมากเท่าใด ฝ่าบาทก็จะยิ่งหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องมากเท่านั้น!”

ฉินซ่างจื้อที่นั่งอยู่ภายใต้ตะเกียงแก้วหันไปมองทางฟางเหล่า แม้บางครั้งฟางเหล่าจะทำให้เขารู้สึกโมโหจนแทบกระอักเลือด ทว่า ต้องยอมรับว่าฟางเหล่ารู้ใจฮ่องเต้มาก

สำหรับฉินซ่างจื้อแล้ว ขอเพียงยับยั้งการขึ้นครองราชย์ของเหลียงอ๋องได้ เขายินดีทำทุกทาง แม้ต่งถิงเจินคือญาติผู้น้องของไป๋ชิงเหยียน แม้ต้องทำลายชื่อเสียงของต่งถิงเจิน เขาก็ไม่มีเวลามาสนใจอีกแล้ว ผู้ใดให้คุณหนูตระกูลต่งผู้นั้นตาบอดเลือกเหลียงอ๋องกันเล่า!

ฉินซ่างจื้อก้มหน้าข่มความไม่สงบในใจเอาไว้ แต่ไรมาการแย่งชิงบัลลังก์ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายอยู่แล้ว ทุกคนเลือกทางเดินของตัวเอง จะโทษผู้อื่นได้อย่างไรกัน!

“ฟางเหล่า ฉินเซียนเซิง เริ่นเซียนเซิง!” ขันทีทำความเคารพที่ปรึกษาทั้งสามขององค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทให้บ่าวมาเรียนว่าให้ฟางเหล่าจัดการเรื่องของเหลียงอ๋องได้เลยขอรับ ฟางเหล่าเรียกใช้ทหารหน่วยกล้าตายที่ยังไม่ได้มีชื่ออยู่ในจวนองค์รัชทายาทได้ตามสบายขอรับ!”

ฉินซ่างจื้อขมวดคิ้วแน่น หันไปมองฟางเหล่าที่บัดนี้ดวงตาเป็นประกาย ฟางเหล่าต้องการทำสิ่งใดกันแน่

“ขอบพระทัยองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าลูบเคราเบาๆ สั่งให้องครักษ์ข้างกายไปเรียกทหารหน่วยกล้าตายซึ่งยังไม่มีชื่อในจวนองค์รัชทายาทเข้ามา

“ฟางเหล่าต้องการทำสิ่งใดอย่างนั้นหรือขอรับ” เริ่นซื่อเจี๋ยรีบเอ่ยถาม

ฟางเหล่าเล่าให้ฟังว่าตนต้องการวางแผนให้เหลียงอ๋องทำลายชื่อเสียงของเกาอี้จวิ้นจู่เพื่อกระตุ้นให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วลงมือทำลายเหลียงอ๋องให้ทั้งสองคนฟังระหว่างรอทหารหน่วยกล้าตาย

“เดิมที่จวนไป๋มีองครักษ์ไป๋คุ้มกันอย่างแน่นหนา ทว่า เมื่อตระกูลไป๋เดินทางกลับไปซั่วหยาง องครักษ์ตามกลับไปด้วยเกือบทั้งหมด! จวนไป๋ไม่ได้แน่นหนาเช่นเดิมอีกแล้ว เรื่องนี้ไม่ยากสักเท่าใด”

ฟางเหล่ายิ้มออกมาอย่างได้ใจ “ข้าอยากทดสอบดูสักหน่อยว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ความสำคัญกับเกาอี้จวิ้นจู่มากเพียงใด หากนางโมโหจนตีขาเหลียงอ๋องจนหักย่อมดีเป็นอย่างยิ่ง ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งโอรสที่พิการเป็นองค์รัชทายาทได้อย่างไรกัน ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทแม้แต่น้อย! ด้วยนิสัยเด็ดขาดขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว นางไม่มีทางให้เกาอี้จวิ้นจู่แต่งงานกับเหลียงอ๋องแน่นอน! ตระกูลต่งเป็นดองกับตระกูลไป๋ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นย่อมไม่มีทางยกบุตรสาวให้แต่งงานกับเหลียงอ๋องแน่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

“ไม่ได้นะ!” ใจของฉินซ่างจื้อกระตุกวูบ เขาผุดลุกขึ้นยืนอย่างร้อนรน

ฟางเหล่ามองไปทางฉินซ่างจื้ออย่างไม่พอใจ

ฉินซ่างจื้อรู้ว่าฟางเหล่าชอบวางมาด เขาขบกรามแน่น โค้งกายคำนับฟางเหล่า “ฟางเหล่าอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังที่ข้ากล่าวสักนิด กว่าองค์รัชทายาทจะทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีด้วยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีทั้งสติปัญญาและความสามารถ หากนางรู้ว่าจวนองค์รัชทายาทวางแผนทำลายชื่อเสียงของเกาอี้จวิ้นจู่ นางต้องกลายเป็นศัตรูกับองค์รัชทายาทแน่นอน!”

ฟางเหล่าก้มหน้าไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น แม้เขาไม่ได้ต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนเป็นศัตรูกับองค์รัชทายาท ทว่า เขาต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนมีใจเหินห่างองค์รัชทายาท ที่ปรึกษาคนสำคัญที่สุดขององค์รัชทายาทต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้น!

ทว่า บัดนี้ฉินซ่างจื้อกล่าวออกมาตรงๆ เช่นนี้ เขาจึงทำสีหน้าไม่ถูก กลัวว่าฉินซ่างจื้อจะไปฟ้ององค์รัชทายาท

ฉินซ่างจื้อมองไปทางฟางเหล่า มีท่าทีนอบน้อมกว่าเดิม “ฟางเหล่าเป็นคนมองคนขาด ฟางเหล่ารู้ดีว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนเด็ดขาด หากนางสืบรู้เรื่องนี้แล้วไปเข้าข้างเหลียงอ๋อง มันจะส่งผลเสียต่อองค์รัชทายาทนะขอรับ!”