ตอนที่ 468 เผชิญหายนะวอดวาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 468 เผชิญหายนะวอดวาย

ฉินซ่างจื้อเห็นฟางเหล่ากำลังใช้ความคิดจึงกล่าวเสริมขึ้นอีก

“ฟางเหล่าจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทจนสามารถทำเพื่อพระองค์ได้ทุกอย่าง ผู้อื่นคงไม่อาจทำเพื่อรัชทายาทได้เท่ามากที่ฟางเหล่าทำ ฟางเหล่าว่าจริงหรือไม่”

เริ่นซื่อเจี๋ยเลิกคิ้วขึ้น มองไปทางฉินซ่างจื้อ ฉินซ่างจื้อเป็นคนคุณธรรมสูงส่ง มักดูถูกการกระทำราวกับคนถ่อยของฟางเหล่า ทว่า วันนี้กลับชมฟางเหล่าเช่นนี้

ฟางเหล่าได้รับคำเยินยอจากฉินซ่างจื้อก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ยกมือลูบเคราของตัวเอง

“ฉินเซียนเซิงกล่าวมีเหตุผล ถึงเวลานั้นหากองค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบเรื่องนี้ ข้าจะออกมารับผิดเพียงคนเดียว องค์รัชทายาทไม่ทรงทราบเรื่องนี้แม้แต่น้อย ข้ายินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อองค์รัชทายาท!”

ฉินซ่างจื้อขบกรามแน่น สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว พยายามกล่าวโน้มน้าวสุดกำลัง

“ทว่า องค์รัชทายาทจะขาดฟางเหล่าไปไม่ได้นะขอรับ!”

ฟางเหล่าหรี่ตามองไปทางฉินซ่างจื้อ รู้สึกไม่ปกติ ฉินซ่างจื้อต้องการปกป้องเกาอี้จวิ้นจู่อย่างนั้นหรือ

จู่ๆ ฟางเหล่าก็คิดสิ่งใดขึ้นมาได้ มองไปทางฉินซ่างจื้ออย่างสำรวจ

“ฉินเซียนเซิงขัดขวางข้าเช่นนี้ เพราะมีใจให้เกาอี้จวิ้นจู่อย่างนั้นหรือ”

ฉินซ่างจื้อเกือบถ่มน้ำลายใส่หน้าฟางเหล่าอย่างทนไม่ไหว ในสมองของฟางเหล่ามีแต่เรื่องสกปรกพรรค์นี้หรืออย่างไรกัน อายุของเขาแทบเป็นบิดาของไป๋จิ่นจื้อได้แล้ว เขาหลกรักเด็กสาวคนหนึ่งเนี่ยนะ!

“ฟางเหล่าเข้าใจผิดแล้ว ข้าขัดขวางท่านเพราะเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อองค์รัชทายาท!”

“องค์รัชทายาททรงเห็นด้วยแล้ว ฉินเซียนเซิงไม่ต้องเสียเวลาหรอก”

ฟางเหล่าตัดสินใจแน่วแน่ ยกรัชทายาทมาอ้าง กล่าวเสียงเย็น

“ฉินเซียนเซิงอย่าลืมว่าเป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท อย่าได้ส่งสารให้ผู้อื่นรับรู้เด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะทูลรายงานองค์รัชทายาท!”

ฉินซ่างจื้อกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องแรกที่ฟางเหล่ากล่าวว่าเหลียงอ๋องเริ่มดึงเสียนอ๋องมาเป็นพวกแล้วขึ้นมาได้ทันที เขารีบกล่าวขึ้น

“ฟางเหล่า ที่ข้าขัดขวางไม่ให้ฟางเหล่าดึงเกาอี้จวิ้นจู่เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะข้ามีตัวเลือกที่ดีกว่านั้น”

ฟางเหล่ายกชาขึ้นจิบ กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ฉินเซียนเซิงลองว่ามาสิ!”

“หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู!” ฉินซ่างจื้อกล่าวไปด้านหน้า โค้งกายคำนับอยู่ด้านข้างฟางเหล่า

“เกาอี้จวิ้นจู่ไม่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ทว่า หนานตูเสียนอ๋องมี! ที่สำคัญหนานตูจวิ้นจู่เป็นบุตรสาวคนเดียวของเสียนอ๋อง หากเหลียงอ๋องต้องการทำลายชื่อเสียงของหนานตูจวิ้นจู่ อีกทั้งต้องการแต่งงานกับคุณหนูตระกูลต่ง ฝ่าบาทจะมองเขาเช่นไร ฟางเหล่ากล่าวว่าความคิดเห็นของฝ่าบาทสำคัญที่สุดไม่ใช่หรือขอรับ”

ฟางเหล่าคิดตามแล้วก็เห็นด้วยตามนั้น หากต้องปะทะกับไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาจริงๆ แม้จวนรัชทายาทจะไม่กลัวที่จะเป็นศัตรูกับบุคคลที่ฮ่องเต้ไม่ชอบ ทว่า เรื่องคงวุ่นวายมากกว่าเดิม

“ทว่า หากหนานตูจวิ้นจู่แต่งงานกับเหลียงอ๋องขึ้นมาจริงๆ เท่ากับว่าเหลียงอ๋องจะได้กำลังสนับสนุนจากเสียนอ๋องไม่ใช่หรือ เสียนอ๋องมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือนะ!”

ความจริงฟางเหล่าก็เคยนึกถึงหลิ่วรั่วฟู ทว่า เขากลัวว่าหากหลิ่วรั่วฟูกลายเป็นชายาเอกของเหลียงอ๋องขึ้นมาจริงๆ เรื่องจะยากขึ้นกว่าเดิม

“เช่นนั้นก็ทำให้เหลียงอ๋องหวังทำลายชื่อเสียงของหนานตูจวิ้นจู่ ทว่า ทำไม่สำเร็จสิขอรับ! ให้ฝ่าบาทและตระกูลต่งรับรู้เป็นพอ ไม่จำเป็นต้องแพร่กระจายไปทั่ว อย่างไรเสียหนานตูจวิ้นจู่ก็หมั้นหมายกับองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงแล้ว ฝ่าบาทไม่อยากให้เกิดเรื่องงามหน้าขึ้นตอนที่ต้าจิ้นเพิ่งเริ่มเจรจาสงบศึกกับต้าเหลียง ย่อมไม่มีทางให้เหลียงอ๋องแต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่แน่ขอรับ!”

ฉินซ่างจื้อยืนอยู่ข้างกายของฟางเหล่า ครุ่นคิดพลางกล่าวต่อ

“ที่สำคัญ หนานตูจวิ้นจู่เป็นคนหยิ่งทระนง จะชอบพอเหลียงอ๋องได้อย่างไร หากเสียนอ๋องรู้ว่าเหลียงอ๋องต้องการทำลายชื่อเสียงบุตรสาวของตนจะไม่โกรธเหลียงอ๋องหรอกหรือ ฟางเหล่าลองคิดดูนะขอรับ เกาอี้จวิ้นจู่คือนักรบเก่งกาจที่เคยออรบในสนามรบจริง หากลงมือในจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วรู้ไปถึงหูขององค์หญิง ด้วยความสามารถในการยิงธนูของนาง คนของพวกเราไม่มีทางรอดชีวิตกลับมาแน่นอนขอรับ! ทว่า หนานตูจวิ้นจู่เป็นเพียงสตรีที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม ลงมือง่ายกว่าเกาอี้จวิ้นจู่เป็นมากขอรับ”

เริ่งซื่อเจี๋ยคิดตาม จากนั้นกล่าวขึ้น “เช่นนี้เลือกหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูดีต่อจวนรัชทายาทมากกว่าเกาอี้จวิ้นจู่มาก ฟางเหล่ามีความเห็นเช่นไรขอรับ”

ฟางเหล่ากำหมัดแน่น คิดตามคำกล่าวของฉินซ่างจื้อ หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าเกาอี้จวิ้นจู่มาก

ทว่า ที่ครั้งฟางเหล่าเสนอให้รัชทายาทเลือกเกาอี้จวิ้นจู่ นอกจากวางแผนเพื่อรัชทายาทแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนและรัชทายาทบบาดหมางกัน รัชทายาทจะได้เชื่อฟังเขาแต่เพียงผู้เดียว!

เมื่อเห็นฟางเหล่ายังคงลังเล ฉินซ่างจื้อจึงกล่าวต่อ

“หากฟางเหล่าลังเลกลัวว่าหากเปลี่ยนใจแล้วองค์รัชทายาทจะทรงคาดโทษ ข้าจะไปทูลรัชทายาทเองว่าพวกเราทั้งสามคนปรึกษากันแล้วเห็นว่าเปลี่ยนเป็นหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูเหมาะสมมากกว่า ทว่า หากฟางเหล่ายินดีไปทูลรัชทายาทเองย่อมดีที่สุดขอรับ!”

ฉินซ่างจื้อแสดงเจตนารมณ์ชัดเจน หากฟางเหล่ากลัวต้องแบกความรับผิดชอบ เขาจะเป็นคนไปบอกรัชทายาทเอง ทว่า หากฟางเหล่าคิดว่าเปลี่ยนเป็นหลิ่วรั่วฟูดีกว่า เขาจะยกความดีความชอบให้ฟางเหล่าทั้งหมด ฟางเหล่าไปรายงานรัชทายาทคนเดียวได้เลย

ฟางเหล่ามองดูฉินซ่างจื้อที่ช่วงนี้แทบไม่เสนอความคิดเห็นให้รัชทายาทเลยแวบหนึ่ง เมื่อได้ยินองครักษ์รายงานว่าทหารหน่วยกล้าตายมาถึงแล้ว ฟางเหล่าจึงกล่าวกับฉินซ่างจื้อ

“พวกเราสามคนล้วนเป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท หากร่วมแรงร่วมใจกันได้เช่นนี้ทุกครั้งถึงจะประสบความสำเร็จ ฉินเซียนเซิงเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่”

“ข้าเข้าใจดีขอรับ ฟางเหล่าอาวุโสกว่าข้ามาก หากก่อนหน้านี้ข้าล่วงเกินท่านไปบ้าง ท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ” ฉินซ่างจื้อยกถ้วยชาซึ่งวางอยู่บนขอบโต๊ะให้ฟางเหล่าด้วยท่าทีอ่อนน้อมอย่างที่สุด

ฟางเหล่าพยักหน้ายิ้มๆ “ข้าจะไปทูลให้องค์รัชทายาททราบถึงแผนการของฉินเซียนเซิง”

“ฟางเหล่าเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมาก่อน ข้าและเริ่นเซียนเซิงเพียงแค่ทำให้แผนของฟางเหล่ารอบคอบและสมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น จะกล่าวว่าเป็นแผนการของข้าได้เช่นไรกันขอรับ…” ฉินช่างจื้อก้มหน้า กล่าวเสียงเบา

ฟางเหล่ามองดูฉินซ่างจื้อซึ่งดูเชื่อที่เขากล่าวอย่างหมดใจ ไม่รอช้า ลุกขึ้นยืน มุ่งหน้าไปยังตำหนักของรัชทายาท

เมื่อเห็นฟางเหล่าพาทหารหน่วยกล้าตายหกคนเดินจากไป เริ่นซื่อเจี๋ยหันไปมองฉินซ่างจื้อยิ้มๆ

“ฉินเซียนเซิงทำถูกต้องแล้ว ฟางเหล่าติดตามองค์รัชทายาทมานานที่สุด อาวุโสที่สุด เขาอาจทระนงตัวไปบ้าง พวกเราทั้งสองมาทีหลัง เคารพเขาให้มากหน่อย ฟางเหล่าย่อมดีกับเรามากขึ้น”

สายตาของฉินซ่างจื้อหยุดอยู่ที่ทิศทางที่ฟางเหล่าเดินจากไป กำหมัดซึ่งซ่อนอยู่ในชายเสื้อแน่น

เริ่นซื่อเจี๋ยเคยโน้มน้าวเขาเช่นนี้มาก่อน ทว่า ฉินซ่างจื้อไม่เคยใส่ใจ

วันนี้เขามาร่วมปรึกษาด้วย เดิมทีคิดว่าแค่มาพอเป็นพิธีเฉยๆ หากไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องเกาอี้จวิ้นจู่ ฉินซ่างจื้อไม่มีทางยอมลงให้ฟางเหล่าแน่นอน

สิ่งที่ฉินซ่างจื้อให้ความสำคัญมากที่สุดคือชื่อเสียง

ก่อนหน้านี้เขาไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเหลียงอ๋อง ไม่ยอมอ่อนข้อให้ที่ปรึกษาตู้ของเหลียงอ๋อง ดังนั้นตระกูลเขาจึงได้เผชิญกับหายนะจนวอดวายเช่นนี้!