ตอนที่ 957 เมืองพันอสูร (3) / ตอนที่ 958 เมืองพันอสูร (4)
ตอนที่ 957 เมืองพันอสูร (3)
ตอนที่จวินอู๋เสียตามสยงป้าและคนอื่นๆ กลับมา พวกเขาก็ได้คิดไว้แล้วว่าจะอธิบายตัวตนของเขาตอนเข้าเมืองพันอสูรอย่างไรดี
เรื่องที่ชวีหลิงเย่ว์ได้รับบาดเจ็บที่รัฐเหยียนรู้ไปทั่วเมืองพันอสูรแล้ว ดังนั้นจึงสมมติให้จวินอู๋เสียรับความดีความชอบในการรักษาชวีหลิงเย่ว์ได้สำเร็จและทำให้ชวีหลิงเย่ว์และคนอื่นๆ สำนึกในบุญคุณและได้เชิญจวินอู๋เสียมาเป็นแขกที่เมืองพันอสูร
“เขาเนี่ยนะ” หลินเฟิงมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างๆ ชวีหลิงเย่ว์แล้วขมวดคิ้ว เขามองจวินอู๋เสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างเหยียดหยาม
“หลิงเย่ว์ ที่ท่านพูดเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ เจ้าเด็กนี่รักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้จริงๆ น่ะหรือ” หลิงเฟิงมองจวินอู๋เสียอย่างไม่ยอมรับ น้ำเสียงไม่เป็นมิตร
เขาไม่เห็นว่าเด็กน้อยอายุเท่านี้จะมีความสามารถเช่นนั้นได้
“เป็นความจริงสิ ท่านลุงเฟิงเองก็รู้เรื่องนี้ด้วย” ชวีหลิงเย่ว์โกหกไม่เก่ง สายตาของนางจึงมีแววอึดอัดใจเล็กน้อย นางมองเฟิงเย่ว์หยางอย่างอ้อนวอน
ขณะที่ชวีหลิงเย่ว์กระสับกระส่าย จวินอู๋เสียกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย สำหรับนางไม่ว่าจะเป็น ‘จวินเสีย’ หรือ ‘จวินอู๋เสีย’ ทั้งคู่ก็เป็นคนคนเดียวกัน
เฟิงเย่ว์หยางสังเกตเห็นความยุ่งยากใจของชวีหลิงเย่ว์ เขาถอนหายใจอยู่ในใจ “เรื่องมันก็เป็นแบบนั้นแหละ”
ถึงเฟิงเย่ว์หยางจะรับรองให้ แต่หลินเฟิงก็ยังรู้สึกขัดหูขัดตาเมื่อมองจวินอู๋เสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่ชวีหลิงเย่ว์มอบให้เด็กคนนี้ มันก็ทิ่มแทงใจเขานัก
ชวีหลิงเย่ว์ไม่ได้กลับมาที่เมืองพันอสูรบ่อยเท่าไรนักในช่วงหลายปีมานี้ นางใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่สำนักศึกษาธงศึก จำนวนครั้งที่นางกลับมาที่นี่สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว ถึงแม้ว่าชวีหลิงเย่ว์จะเป็นเด็กสาว แต่ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วว่านางคือว่าที่เจ้าเมืองพันอสูรคนต่อไป ใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับนางก็เท่ากับว่าได้เมืองพันอสูรทั้งเมืองไปไว้ในครอบครอง
นอกจากนั้น ชวีหลิงเย่ว์ยังหน้าตาดีมาก หลินเฟิงสนใจในตัวชวีหลิงเย่ว์มานานแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเนื่องจากชวีหลิงเย่ว์แทบจะไม่ได้กลับมาเลย ทันทีที่เขาได้ยินว่าชวีหลิงเย่ว์จะกลับมากับสยงป้าและคนอื่นๆ ในครั้งนี้ หลินเฟิงจึงจัดแจงแต่งตัวเป็นพิเศษก่อนจะรีบขี่ม้ามาที่นี่
เขาคิดว่าการที่ชวีหลิงเย่ว์ได้รับบาดเจ็บที่รัฐเหยียนจะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เอาหน้าบ้าง แต่เขาไม่คิดว่าตอนที่เขามาถึงที่นี่ เขาจะได้เห็นชวีหลิงเย่ว์ยิ้มหวานให้กับคนแปลกหน้า ซ้ำน้ำเสียงของนางที่มีต่อเจ้าเด็กนั่นก็ฟังดูปกป้องอีกด้วย!
แล้วหลินเฟิงจะไม่เห็นจวินอู๋เสียเป็นหนามยอกอกได้อย่างไร
“สามารถรักษาหลิงเย่ว์ได้ช่างเป็นโชคดีของเขาจริงๆ หลิงเย่ว์ ข้ารู้ว่าท่านเพิ่งหายดี ข้าก็เลยนำโอสถบำรุงมาให้ท่านเป็นพิเศษ เก็บมันไว้เถอะ และถ้าไม่พอก็บอกข้าได้ โอสถวิเศษพวกนี้ได้มาจากตอนที่ท่านพ่อไปช่วยสำนักชิงอวิ๋นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่มีสำนักชิงอวิ๋นอีกแล้ว โอสถวิเศษพวกนี้จึงกลายเป็นของหายากมากๆ ข้าเชื่อว่าพวกมันจะมีประโยชน์ต่อท่านแน่” ขณะที่พูดหลินเฟิงก็หยิบเอาโอสถวิเศษออกมาจากชุดคลุมหนึ่งขวดและยัดใส่มือของชวีหลิงเย่ว์อย่างรวดเร็ว
ชวีหลิงเย่ว์อยากปฏิเสธเขา แต่ก็ไม่สามารถทนการตื๊อของหลินเฟิงได้ นางจึงทำได้แค่ถือมันเอาไว้ในมืออย่างไม่สบายใจ
หลินเฟิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างผู้ชนะขณะที่มองไปยังจวินอู๋เสีย หลังจากสำนักชิงอวิ๋นหายไป โอสถวิเศษที่เหลืออยู่จากสำนักชิงอวิ๋นจึงเพิ่มราคาขึ้นหลายเท่า ตอนนี้โอสถวิเศษพวกนี้กลายเป็นสมบัติที่เกือบประเมินค่าไม่ได้ไปแล้ว เนื่องจากพวกมันไม่มีอีกแล้วต่อให้มีเงินสักแค่ไหนก็ตาม
หลินเฟิงไม่เชื่อว่าเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้จะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของชวีหลิงเย่ว์ได้
“ข้าหายสนิทดีแล้ว โอสถวิเศษพวกนี้ ข้าไม่คิดว่าจะต้องใช้มันนะ” ชวีหลิงเย่ว์พูดขึ้น
ตอนที่ 958 เมืองพันอสูร (4)
หลินเฟิงตอบว่า “ถึงตอนนี้จะไม่ได้ใช้ แต่ก็ควรเก็บเอาไว้นะ สภาพร่างกายของท่านยังอ่อนแอ โอสถวิเศษจากสำนักชิงอวิ๋นก็หายาก เก็บเอาไว้เผื่อจะได้ใช้”
จวินอู๋เสียชำเลืองมองหลินเฟิง นางเห็นว่าหลินเฟิงดูพยายามจะอวดเบ่งต่อหน้านาง และนั่นทำให้นางงงงวยเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับหลินเฟิง ทำไมนางถึงจับความรู้สึกเป็นศัตรูจากเขาได้ชัดเจนขนาดนี้
ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงได้ถูกมองเป็นศัตรูในการตามตื๊อชวีหลิงเย่ว์ของหลินเฟิง จวินอู๋เสียยังคงงุนงง นางได้แต่ฟังหลินเฟิงร่ายยาวต่อไปว่าโอสถวิเศษจากสำนักชิงอวิ๋นล้ำค่าและหายากแค่ไหน
ถ้าหลินเฟิงรู้ว่าคนที่ทำให้สำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดหายไปจากโลกนี้คือจวินอู๋เสียที่เขาดูถูกอยู่ในตอนนี้ น่าสงสัยจริงๆ ว่าหลินเฟิงจะคิดอย่างไรกับเรื่องนั้น
สยงป้าก็สามารถจับการดูถูกเหยียดหยามได้จากคำพูดของหลินเฟิง เขาเองก็ไม่ได้ชอบหลินเฟิงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงพูดขึ้นทันทีว่า “หลินเฟิง คุณหนูใหญ่ของเราเพิ่งกลับมา ข้าต้องส่งคุณหนูใหญ่กลับไปหาท่านเจ้าเมืองก่อน ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็อย่ารั้งพวกเราไว้ที่นี่อีกเลย”
หลินเฟิงตวัดสายตาไปมองสยงป้าแล้วเผยรอยยิ้มเย็นชา ตามลำดับอาวุโสแล้ว สยงป้าอยู่ในระดับเดียวกับบิดาของเขาหลินเชวีย เขาควรจะเรียกสยงป้าว่าท่านลุง แต่ในแววตาที่มองสยงป้าไม่มีความเคารพนับถืออยู่เลยแม้แต่น้อย
“ก็ได้ อย่างนั้นหลิงเย่ว์ ท่านควรได้พักผ่อน ข้าจะไม่รบกวนท่านอีก หลังจากที่ท่านพักผ่อนในวันนี้แล้ว ข้าจะไปหาท่านวันพรุ่งนี้” พูดจบหลินเฟิงก็กระโดดขึ้นม้าและขี่ออกไปโดยไม่มองสยงป้าเลยสักนิด
สยงป้าขมวดคิ้วมองหลินเฟิงที่กำลังจากไปด้วยสายตาไม่พอใจมาก
“นับวันเขายิ่งหยาบคายมากขึ้นเรื่อยๆ” ชิงอวี่พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“ตอนนี้หลินเชวียย้ายข้างไปสวามิภักดิ์ท่านผู้นั้นแล้ว พวกเขาย่อมไม่เห็นหัวหัวหน้าตึกอย่างข้าอยู่แล้ว บุตรชายเขาก็ต้องรับความคิดและมุมมองของบิดาเขามานั่นแหละ” สยงป้าพูดพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นก็มองจวินอู๋เสียอย่างขออภัย ถึงแม้เมื่อครู่หลินเฟิงจะไม่ได้พูดกับจวินอู๋เสียเลยสักคำ แต่จากบทสนทนาของเขากับชวีหลิงเย่ว์ เขาแสดงความเป็นศัตรูและดูถูกจวินอู๋เสียออกมาอย่างรุนแรง ทำให้สยงป้ารู้สึกอับอายมาก
“คุณชายจวิน ท่านคงรู้สึกอึดอัด ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง”
จวินอู๋เสียไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้ว จึงส่ายหน้า “เขาเป็นใคร”
สยงป้าพูดว่า “เขาเป็นบุตรชายของหลินเชวียหัวหน้าตึกน้ำค้างเหมันต์ ในเมืองพันอสูรนั้นนอกจากท่านเจ้าเมืองแล้วก็ยังมีอีกสี่ตึก หลินเชวียเป็นหนึ่งในนั้น หลินเชวียเป็นคนเจ้าเล่ห์ หลังจากที่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงกลับมาที่นี่ได้ไม่นาน เขาก็แอบไปเข้าร่วมกับท่านผู้นั้นอย่างลับๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่ค่อยเคารพเชื่อฟังท่านเจ้าเมืองและเอาแต่ทำงานตามคำสั่งของท่านผู้นั้น ในช่วงหลายปีนี้ท่านเจ้าเมืองส่งคนออกไปสำรวจน้อยลงเรื่อยๆ แต่หลินเชวียกลับจัดการส่งคนออกไปบ่อยๆ เพื่อเอาใจท่านผู้นั้น ทำให้พี่น้องของเราตายไปมากยิ่งขึ้น” สยงป้าดูเจ็บปวดขณะที่พูด หัวหน้าตึกทั้งสี่เคยสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง และทั้งๆ ที่สถานการณ์ในเมืองพันอสูรตอนนี้เป็นเช่นนี้ พวกเขายังคงยืนอยู่ข้างท่านเจ้าเมือง
ยกเวินหลินเชวียที่ทรยศความไว้ใจของพวกเขาทุกคน
“เมืองพันอสูรตอนนี้ดูผิวเผินเหมือนท่านเจ้าเมืองเป็นผู้นำ แต่ความจริงแล้วทุกอย่างตกอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านผู้นั้น หลินเชวียได้รับความไว้ใจจากท่านผู้นั้น ตำแหน่งในเมืองพันอสูรของเขาจึงอยู่เหนือกว่าหัวหน้าตึกอีกสามคนที่เหลือจนถึงขั้นท้าทายท่านเจ้าเมืองได้แล้ว เฮ้อ…” สยงป้าถอนหายใจ ภายนอกเขาโกรธแต่ในใจรู้สึกหดหู่ มองไม่เห็นทางออกของปัญหาเลย
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย มิน่าเล่าหลินเฟิงถึงไม่มองสยงป้าเลยสักครั้ง นอกจากชวีหลิงเย่ว์แล้ว เขายังเมินเฟิงเย่ว์หยางกับชิงอวี่อีกด้วย