บทที่ 479 รับมือยาก

บทที่ 479 รับมือยาก

“งั้นก็ดีเลยค่ะคุณย่า อาหารที่ย่าทำไม่ได้ยากเกินไปเลย แค่ทำตามปกติเอง!”

เสี่ยวเถียนครุ่นคิด “ย่าคะ จะดีมากถ้าย่าระวังในเรื่องการจัดจานให้มากกว่าปกติ”

เหลียงซิ่วรับเมนูมาจากลูกสาวและเอ่ยให้แม่สามีทราบ

ช่วยไม่ได้ ถึงย่าจะฝีมือดี แต่เวลาเรียนหนังสือแกกลับไม่ได้เรื่องเสียเลย หลายปีที่ผ่านมาแกจำตัวอักษรจีนได้ไม่เกินสามร้อยตัว เพราะงั้นเหลียงซิ่วจึงต้องอ่านให้ฟังทั้งหมด

จากนั้นหญิงชราก็คลี่ยิ้มจนตาหยี ก่อนจะบอกว่า “ไม่ต้องห่วง ย่าจะทำอย่างตั้งใจเลย! แล้วจะทำให้อร่อยเลยด้วย!”

เสี่ยวเถียนสบายใจมาก เพราะอาหารพวกนี้ย่าคุ้นเคยหมดแล้ว ไม่ใช่แค่นั้นนะ แกยังทำอร่อยมาก และกระตุ้นต่อมรสชาติของคนได้ง่ายอีกด้วย

น่าเสียดายที่วัตถุดิบหายาก ไม่งั้นอาจจะเป็นอาหารจานเด่นของร้านไปแล้วก็ได้!

ตอนที่เสี่ยวเถียนกลับมาที่ห้องส่วนตัว พบว่าทุกคนกำลังสนทนากันอยู่ แน่นอนว่าเป็นการสื่อสารที่เป็นมิตรต่อหน้าล่ามเฟลิกซ์ ส่วนคริสติน่านั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเบื่อหน่าย พอเห็นเสี่ยวเถียน เธอก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ก่อนจะดึงเสี่ยวเถียนเข้ามาคุยด้วย

เด็กหญิงมองฉืออวี้เลี่ยงและรู้สึกพูดไม่ออก

เธอเป็นล่ามที่เขาจ้างมานะ เดิมทีต้องมาทำงานเพื่อความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายสิ แต่ทำไมเหมือนเป็นล่ามที่มากับคริสติน่าเป็นพิเศษเลยล่ะ?

ออกัสเห็นเสี่ยวเถียนมองหน้าฉืออวี้เลี่ยง จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยกับน้องสาว “คริสติน่า อย่าสร้างปัญหา ตอนนี้พวกเรามีเรื่องต้องพูดคุยกันนะ”

คริสติน่าไม่พอใจมาก แต่ก็ยังนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ ตามที่พี่ชายบอก

เด็กหญิงมองด้วยสายตาขอโทษ อันที่จริงเธอชอบสาวชาวต่างชาติที่น่ารักและเป็นมิตรคนนี้นะ

โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เราเจอกันจนถึงตอนนี้ เธอแสดงให้เห็นเลยว่าเวลาไหนควรทำตัวมีเหตุผล

หลังจากที่ความคิดล่องลอยไป เธอก็เข้าสู่โหมดทำงานต่อทันที

แม้เธอจะเป็นวัยรุ่น แต่ยามอยู่ในเวลาทำงาน ออร่าบนร่างกายได้เปลี่ยนไปทันที

จู่ ๆ สาวน้อยน่ารักก็กลายเป็นภาพลักษณ์ของนักธุรกิจหญิงผู้แข็งแกร่ง ทำให้คนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจแม้แต่อายุของเธอ

ออกัสแปลกใจที่สาวชาวจีนคนนี้เปิดโอกาสให้ถามกันง่าย ๆ

วันนี้เรายังไม่ได้เข้าสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการ มันเป็นแค่การอุ่นเครื่องก่อนเท่านั้น ถึงบรรยากาศจะตึงเครียด แต่ก็ไม่ได้ตึงเครียดมากเท่าไร

ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารถูกนำมาเสิร์ฟก่อนบทสนทนาจะจบลง

เสี่ยวเถียนปาดเหงื่ออย่างเงียบ ๆ

งานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

ออกัสเป็นนักธุรกิจเจ้าเล่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย เขาพยายามขุดหลุมพรางอยู่เสมอเลย แถมถ้าไม่ได้ระบบคอยเตือนอยู่หลาย ๆ ครั้ง เธออาจจะทำพลาดไปด้วยซ้ำ

ตอนนั้นออกัสเองก็ได้ทำความเข้าใจกับเสี่ยวเถียนเสียใหม่

ไม่คิดเลยว่าเด็กที่อายุเท่านี้จะทำงานเป็นล่ามได้ดีขนาดนี้ แถมยังหลีกเลี่ยงกับดับที่เขาวางไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยด้วย

“คุณฉือครับ หานักแปลได้ดีเลยนะ!” ออกัสยิ้ม

เอ่ยจบ เฟลิกซ์แปลให้ฉืออวี้เลี่ยงทันที

ฉืออวี้เลี่ยงไม่ใช่พวกเจียมเนื้อเจียมตัว ตลอดการสนทนาเขาได้พบอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย

แถมยังมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ว่าเสี่ยวเถียนมีบทบาทในการเจรจาครั้งนี้มากกว่าที่เขาคิดไว้

เขาส่งสายตาที่แสดงออกถึงความชื่นชมให้เด็กสาว เริ่มดีใจขึ้นมาที่ได้เสี่ยวเถียนมาเป็นล่ามได้

เขารู้สึกว่าโชคดีจริง ๆ ที่ล่ามของเราไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราว

ความเป็นมืออาชีพของซูเสี่ยวเถียนสูงกว่าล่ามของโรงงานเราเยอะเลย แถมในช่วงเวลาคับขัน เธอก็ยังคอยเตือนเขาอีกด้วย

“ที่คุณออกัสบอกคือ ซูเสี่ยวเถียนเป็นล่ามที่ยอดเยี่ยมเลยนะ!”

น้ำเสียงของผู้อำนวยการเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ศิลปะในการชมไม่ค่อยมีเลยนะ!

“คุณออกัสชมเกินไปแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่นักเรียนมัธยมธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง ไม่สมควรได้รับคำชมจากคุณเลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยด้วยความนอบน้อม

“คุณสมควรได้รับมันครับ!” ออกัสพูดเบา ๆ

“อาหารเย็นมาเสิร์ฟแล้วค่ะ ขอเชิญคุณออกัส คุณคริสติน่า คุณแดเนียล และคุณเฟลิกซ์รับประทานอาหารกันได้เลยนะคะ ฉันหวังว่าอาหารจีนพวกนี้จะกระตุ้นต่อมรับรสของทุกท่านค่ะ”

ว่าจบ พนักงานหนุ่มก็เดินเข้ามาพร้อมกับไวน์แดง

บุคลิกภาพก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าน่าทึ่ง เพราะพวกเขาจำสิ่งสำคัญที่เสี่ยวเถียนกล่าวไว้ก่อนหน้านั้นได้

เด็กสาวรินไวน์ให้ทุกคนรวมถึงตัวเองด้วย

การกระทำเช่นนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก

ฉืออวี้เลี่ยงมองเด็กหญิงด้วยความสงสัย เขาไม่ได้ขอให้เธอเตรียมไวน์แดงเสียหน่อย แถมเขาก็ไม่ได้เตรียมมาเองด้วย

แววตาของออกัสลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย

ไม่คาดคิดว่าประเทศทางตะวันออกจะมีไวน์แดงรสชาติกลมกล่อมเช่นนี้ด้วย

“คุณออกัส คุณคริสติน่า คุณแดเนียล และคุณเฟลิกซ์ที่เคารพทุกท่าน เดิมทีทางเราได้เตรียมสุราไว้ให้พวกท่านตั้งแต่มาถึงแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าพวกท่านน่าจะชินกับรสชาติของไวน์แดงมากกว่า ผู้อำนวยการฉือจึงเตรียมไวน์แดงขวดนี้ไว้ให้โดยเฉพาะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะชื่นชอบนะคะ!”

“ผมไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าจะได้ชิมไวน์รสเลิศในประเทศทางตะวันออกเช่นนี้!” ออกัสหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูมึนเมาเล็กน้อย

“คุณออกัส ประเทศจีนเริ่มทำไวน์มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังแล้วค่ะ ระยะเวลามากว่าพันปีเลยค่ะ”

ไม่รู้ว่าทำไม แต่เสี่ยวเถียนก็เอ่ยปากพูดมันออกไปราวกับอยากทำเพื่อเป็นหลักฐานให้กับประเทศอย่างไรอย่างนั้น

ออกัสเขย่าไวน์ในแก้วเบา ๆ

รสชาติเยี่ยมไปเลย ไวน์แดงขวดนี้เรียกได้ว่าดีที่สุดในบรรดาไวน์แดงที่เขาเคยชิมมาเลย

“แต่เท่าที่รู้มา ไวน์ชั้นดีไม่ได้ผลิตที่ประเทศของคุณนะ!”

น้ำเสียงนั้นนิ่งสงบ แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงความดูถูกเหยียดหยาม

ในฐานะล่าม เธอทำได้แค่แปลประโยคนั้นให้ผู้อำนวยการทั้งสองฟังตามหน้าที่ จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยต่อ

“ฉันไม่ปฏิเสธเลยค่ะว่าไวน์ที่ดีที่สุดผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ไวน์ของประเทศเราสืบทอดกันมานานนับพันปี และไวน์ที่ผลิตด้วยวิธีโบราณของประเทศจีนนั้น รสชาติก็ดีมากเช่นกันค่ะ!”

“อ๋อ?” ออกัสไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกขัดแย้งกับเสี่ยวเถียนตลอด

“คุณออกัสคงไม่ทราบว่า กวีสมัยราชวงศ์ถังในประเทศของเราใช้พู่กันและน้ำหมึกจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อบรรยายรสชาติของไวน์เลยนะคะ”

ออกัสเอ่ยเสียงเรียบ “เล่ามาได้เลย!”

เขาเริ่มสนใจเธอมากขึ้นทุกที อยากรู้นักว่าจะทำให้เขาประหลาดใจได้มากแค่ไหน

“‘เหล้าองุ่นรสเลิศในจอกหยก ผีผายกขึ้นบรรเลงรีบร่วมดื่ม’ กับ ‘ยามพิศมองหัวเป็ดเขียวในฮั่นเจียง รีบเทียบเคียงกับองุ่นที่เคยบ่ม’*[1] ค่ะ!”

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะพูดบทกวีโบราณเป็นภาษาเยอรมัน แต่สำหรับเสี่ยวเถียนไม่ได้ยากขนาดนั้น

เธอไม่ได้แปลความหมายและเนื้อหาของมันให้ครบถ้วนเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นอายของความโบราณคงไว้อยู่ด้วย

*[1] ‘เหล้าองุ่นรสเลิศในจอกหยก ผีผายกขึ้นบรรเลงรีบร่วมดื่ม’ มาจากบทพรรณาเหลียงโจวของหวังฮั่น และ ‘ยามพิจมองหัวเป็ดเขียวในฮั่นเจียง (แม่น้ำ) รีบเทียบเคียงกับองุ่นที่เคยบ่ม’ มาจากบทกวีเซียงหยางของหลีไป๋