ตอนที่ 526 แกะหัน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 526 แกะหัน

หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ หลินม่ายขอให้ฟางจั๋วหรานลองสวมชุดสูทและเสื้อเชิ้ตที่เถาจืออวิ๋นตัดให้เขา

ถึงเธอจะเย็บตะเข็บเข้ารูปให้ตัวเสื้อแค่เล็กน้อย แต่เมื่อลองสวมใส่จริงแล้วกลับพอดีตัวกว่าที่คิด

หลินม่ายค่อนข้างพึงพอใจกับผลลัพธ์

เคอจื่อฉิงได้โทรหาหลินม่ายล่วงหน้า บอกว่าเธอจะมาถึงเจียงเฉิงประมาณหกโมงเย็นวันนี้โดยรถไฟ

เวลาหกโมงเย็น รถไฟขบวนที่เคอจื่อฉิงใช้โดยสารก็เคลื่อนเข้าสู่สถานี

หลินม่ายรีบชูป้ายไม้ทำมือขนาดใหญ่ที่เขียนข้อความว่า ‘Welcome เค่อจื่อฉิง’ ระหว่างนั้นสายตาเธอก็สอดส่องหาอีกฝ่ายท่ามกลางคลื่นผู้โดยสาร

ในขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่กับการค้นหาร่างของเคอจื่อฉิงท่ามกลางคลื่นผู้โดยสารจำนวนมาก จู่ ๆ ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาตบไหล่เธออย่างแรง

น้ำหนักมือนั้นแข็งแกร่งมากราวกับค้อนตอกตะปู เกือบทำให้เท้าของหลินม่ายฝังลงไปในพื้นคอนกรีตแล้ว

หลินม่ายหันขวับไปมอง เห็นว่าใบหน้าอันบอบบางของเคอจื่อฉิงกำลังจ้องสบตาตัวเองอยู่พอดี

เคอจื่อฉิงมองเธอด้วยความรังเกียจ “ตาขาวของเธอใหญ่กว่าตาดำหรือยังไง ฉันเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้ เธอกลับมองไม่เห็นฉันด้วยซ้ำ”

“เอาน่า หยุดแซวได้แล้ว รีบไปที่ร้านเหรินเจียนเยียนหั่วของฉันกันเถอะ มีหลายคนกำลังรอต้อนรับคุณอยู่” หลินม่ายเอื้อมไปรับกระเป๋าเดินทางจากมือเธอแล้วเดินออกไปด้วยกัน

ร้านสาขาใหม่ของเหรินเจียนเยียนหั่วตั้งอยู่ใกล้กับห้างลิ่วตู้เฉียว เริ่มทดลองเปิดตัวเมื่อสองวันก่อน

วังเสี่ยวลี่โทรหาหลินม่ายหลายครั้งเพื่อเรียกให้เธอมาชิมเมนูแกะหัน แต่หลินม่ายไม่ว่างแวะไปสักครั้ง

ในที่สุดวันนี้เธอก็ตอบตกลง แถมยังพาเพื่อนมาด้วย วังเสี่ยวลี่จึงมารอประจำการอยู่ที่ร้านด้วยตัวเอง

พอเห็นว่าหลินม่ายเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสาว ก็รีบเข้าไปทักทาย

ขณะเดินนำหลินม่ายกับเคอจื่อฉิงไปที่ห้องอาหารส่วนตัว เธอบอกว่า “พี่เถาและคนอื่น ๆ มาถึงกันครบแล้วค่ะ รอแค่พวกคุณสองคนกับศาสตราจารย์ฟาง”

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ พวกเธอก็เดินมาถึงห้องอาหารส่วนตัว

ทันทีที่วังเสี่ยวลี่เปิดประตูเข้าไป ภายในห้องไม่ได้มีแค่เถาจืออวิ๋น หนิวลี่ลี่ กับเฉินเฟิงซึ่งรออยู่ที่นั่น แต่ยังมีคุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง โต้วโต้ว และฟางจั๋วเยวี่ย

โอกาสที่หาได้ยากอย่างการกินแกะหันทั้งตัวแบบนี้ หลินม่ายจึงไม่ลืมเชิญคุณปู่ฟางและภรรยาของเขามาร่วมลิ้มลองด้วย

หลินม่ายแนะนำเคอจื่อฉิงให้ทุกคนรู้จัก

ถึงเคอจื่อฉิงค่อนข้างประหม่าพอสมควร แต่ด้วยความที่เป็นคนพูดเก่ง ทำให้ทุกคนชื่นชอบความอัธยาศัยดีของหล่อนมาก

พอหลินม่ายแนะนำเคอจื่อฉิงเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปคุยกับเถาจืออวิ๋น ทันใดนั้นฟางจั๋วเยวี่ยซึ่งนิ่งเงียบมานาน จู่ ๆ ก็โบกมือให้เคอจื่อฉิง “คนสวยครับ มาตรงนี้สิ”

ตั้งแต่พี่สะใภ้ของเขาและเคอจื่อฉิงเดินเข้ามาในห้องอาหารส่วนตัว เฉินเฟิงแทบไม่ละสายตาจากพวกเธอเลย

รู้ทั้งรู้ว่าพี่สะใภ้เป็นผู้หญิงของพี่ชายเขา แต่ผู้ชายคนนี้กลับให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ แถมยังมองเธอไม่คลาดสายตา คิดว่าตัวเองเก็บซ่อนอาการจากน้องชายแฟนเธอได้หรือยังไงกัน?

เขาจึงจงใจจัดให้เคอจื่อฉิงนั่งข้าง ๆ เฉินเฟิงเสียเลย

เคอจื่อฉิงเดินไปทางเขาพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนจะนั่งลงคั่นกลางระหว่างเขากับเฉินเฟิง

เถาจืออวิ๋นมองฟางจั๋วเยวี่ยด้วยสายตาแปลก ๆ จากนั้นก็มองไปทางฉีฉีและโต้วโต้วซึ่งกำลังนั่งเล่นเกมด้วยกัน

เด็กน้อยทั้งสองคนกำลังเล่นเกมพันเชือกกันอย่างสนุกสนาน

รอบโต๊ะอาหารเหลือเก้าอี้ว่างแค่สองที่ หลินม่ายตั้งใจว่าจะนั่งข้างคุณย่าฟาง แต่เคอจื่อฉิงกลับคะยั้นคะยอให้เธอมานั่งใกล้ ๆ หลินม่ายจึงต้องนั่งลงอีกด้านหนึ่งของเฉินเฟิง

ฟางจั๋วเยวี่ยรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ท้ายที่สุดเฉินเฟิงก็ยังมีสาวสวยทั้งสองนั่งขนาบข้าง

เขาชะโงกหน้าไปพูดกับเฉินเฟิงเหมือนมีเจตนาบางอย่างแอบแฝง “พี่เฟิง อย่าลืมดูแลสหายเสี่ยวเคอให้ดีล่ะ เธอเป็นแขกคนสำคัญของพี่สะใภ้ผม”

หลังถูกอีกฝ่ายแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลแขก เฉินเฟิงก็มองไปที่เคอจื่อฉิง ถามว่าหล่อนอยากดื่มชาหรือเปล่า

เคอจื่อฉิงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

ไม่กี่นาทีต่อมา ฟางจั๋วหรานก็มาถึงร้าน ไม่ลืมขอโทษทุกคนที่ตัวเองมาสาย

เคอจื่อฉิงเห็นหน้าฟางจั๋วหรานแล้วอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ โน้มตัวผ่านหน้าเฉินเฟิงเพื่อกระซิบกระซาบกับหลินม่ายว่า “แฟนเธอนี่หล่อจริง ๆ เลย น่าเสียดายที่เขาคบกับเธอไปแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะตามจีบเขาซะ!”

หลินม่ายไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าอย่างไรดี หวนนึกไปถึงประโยคยอดนิยมเมื่อชาติที่แล้วว่า ระวังไฟ ระวังโจร อย่าลืมระวังแฟนด้วย

ตอนที่เคอจื่อฉิงโน้มตัวไปกระซิบกระซาบกับหลินม่าย ถึงร่างกายของหล่อนที่เอนไปทางหลินม่ายจะไม่ได้สัมผัสกับหน้าอกของเฉินเฟิงโดยตรง แถมยังมีระยะห่างประมาณหนึ่งถึงสองเซนติเมตร แต่กลางกระหม่อมของหล่อนก็แทบชนเข้ากับคางเขาอยู่แล้ว

ท่าทางดังกล่าวออกจะคลุมเครือไปหน่อย เหมือนหล่อนกำลังคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกเขาอย่างไรอย่างนั้น หนำซ้ำกลิ่นหอมของหญิงสาวยังจ่ออยู่หน้าจมูกของเขาโดยตรง ทำให้ไม่สามารถเบือนหน้าหนีได้

เมื่อทุกคนมากันครบแล้ว วังเสี่ยวลี่ก็ออกไปสั่งให้นำแกะหันเข้ามาเสิร์ฟ

เนื้อแกะหันยังไม่ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟในห้องอาหารส่วนตัวด้วยซ้ำ กลิ่นหอมที่โชยเข้ามากลับทำให้ทุกคนน้ำลายสอ

โต้วโต้วกับฉีฉีอยู่ในท่าเตรียมพร้อม รอให้อาหารถูกยกเข้ามาเมื่อใดก็พร้อมกินทันที

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือคุณลุงคูร์บานผู้เป็นพ่อครัว กำลังเข็นรถเข็นพร้อมแกะหันทั้งตัวเข้ามาเสิร์ฟด้วยตัวเอง

หลินม่ายรีบยืนขึ้น พูดด้วยความเกรงใจ “คุณลุง ทำไมถึงเข้ามาเสิร์ฟอาหารเองล่ะคะ? ให้พนักงานเสิร์ฟทำหน้าที่นี้แทนดีกว่าค่ะ”

ลุงคูร์บานยิ้มพลางพูดว่า “ผมมาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกคุณทราบว่า แกะหันตัวนี้เป็นแกะที่มาจากเหอหนาน รสชาติของมันอาจไม่อร่อยเท่าเนื้อแกะจากมองโกเลีย เนื้อแกะจากเทือกเขาอัลไต หรือเนื้อแกะจากซูหนี่ ดังนั้นต้องขออภัยทุกคน ณ ที่นี้ด้วยครับ”

ทุกคนหัวเราะพร้อมกับตอบกลับ “พวกเราไม่เคยกินแกะทุกชนิดที่คุณพูดถึง ดังนั้นเราไม่สามารถแยกแยะได้แน่นอนว่าแบบไหนอร่อยกว่า”

ลุงคูร์บานอยู่แนะนำวิธีการกินแกะหันอีกครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กลับออกไป

แกะหันฝีมือเขามีสีทองแวววาว รูปลักษณ์ภายนอกอันน่าลิ้มลองทำให้นิ้วชี้ของใครหลายคนกระตุก

รสชาติของมันอร่อยสมคำร่ำลือ

เมนูแกะหันจานนี้ใช้ลูกแกะที่มีอายุประมาณหนึ่งปีเท่านั้น เนื้อของมันจึงนุ่มอร่อยมาก

ผิวด้านนอกถูกย่างจนกรอบเกรียม ในขณะที่ด้านในยังมีความนุ่ม กัดเข้าไปแล้วสัมผัสถึงความฉ่ำ อร่อยจนหยุดกินไม่ได้

ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ๆ ทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับอาหารมื้อนี้อย่างมีความสุข

หนิวลี่ลี่และฟางจั๋วเยวี่ยต่างก็เป็นนักชิมตัวยง พวกเขาเกือบต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเนื้อแกะหันแสนอร่อย

หลินม่ายแอบส่ายหน้าอย่างลับ ๆ

เธอตั้งใจโทรชวนหนิวลี่ลี่เป็นพิเศษให้มากินแกะหันด้วยกันในวันนี้ จุดประสงค์รองคือให้หล่อนได้มาเจอกับฟางจั๋วเยวี่ย เผื่อว่าพวกเขาทั้งสองอาจสปาร์คกันบ้าง

ผลปรากฏคือทั้งสองเกิดการสปาร์คต่อกันจริง แต่เป็นการสปาร์คที่เกิดขึ้นจากความเขม่น ไม่ใช่การสปาร์คที่เกิดขึ้นจากจังหวะตกหลุมรัก ทำให้เธอรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย

เคอจื่อฉิงมีนิสัยห้าวหาญเหมือนผู้ชาย แต่หล่อนไม่ใช่นักกิน ถึงแม้ใจจริงจะชอบกินอาหารอร่อย ๆ ก็ตาม

หล่อนไม่แย่งชิงอาหารกับใครทั้งนั้น แต่กลับทำหน้าที่เป็นเหมือนผึ้งงานที่ขยันขันแข็ง

เมื่อพนักงานนำปลาแซลมอนหายากเข้ามาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร เคอจื่อฉิงก็คีบปลาแซลมอนชิ้นใหญ่ขึ้นมา แล้วเอาวาซาบิคำโตห่อไว้ตรงกลาง

หลังจากนั้นก็ยื่นตะเกียบไปจ่อปากเฉินเฟิง พร้อมกันนั้นก็แสดงสายตาจริงใจ “พี่เฟิง กินเร็วเข้า คิดซะว่าเป็นการขอบคุณที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกให้ฉัน”

และแล้วหล่อนก็คีบปลาแซลมอนอีกชิ้นขึ้นมา ซึ่งห่อวาซาบิคำโตเอาไว้ข้างในเช่นกัน ก่อนจะป้อนมันไปจ่อถึงปากของฟางจั๋วเยวี่ย “ลองกินอันนี้ดูสิ อย่าเอาแต่แย่งเนื้อแกะ เกิดเป็นผู้ชายต้องรักษาบุคลิกเข้าไว้นะ”

ชายร่างใหญ่ทั้งสองสำลักความฉุนของวาซาบิจนน้ำตาไหล

เคอจื่อฉิงมองไปที่พวกเขาด้วยความรู้สึกแห่งชัยชนะ “ฉันตั้งใจเสิร์ฟปลาให้พวกคุณลองกินเลยนะ แต่พวกคุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก”

ถึงเฉินเฟิงจะรู้สึกอับอายเล็กน้อยที่ตัวเองสำลักความฉุนโดยไม่ทันตั้งตัว แต่การแสดงออกของเขายังคงสงบนิ่ง มองว่าเคอจื่อฉิงเป็นแค่เด็กที่อยากกลั่นแกล้งคนอื่น

แต่ฟางจั๋วเยวี่ยนั้นแตกต่างออกไป สายตาเขาส่อความในใจออกมาอย่างชัดเจน ‘ใครอยากขอบคุณเธอกัน?’

หนิวลี่ลี่ตบมือและหัวเราะขบขันเมื่อเห็นว่าใบหน้าของฟางจั๋วเยวี่ยบิดเบี้ยว แถมยังดูเศร้าหมอง

แต่แล้วเคอจื่อฉิงก็ทำแบบเดิม ทำโรลแซลมอนโดยการยัดวาซาบิเข้าไปตรงกลางแล้วป้อนให้หล่อน “คุณลองสัมผัสรสชาตินี้ดูสิ”

ทันใดนั้น หญิงสาวก็เข้าสู่สมาคมคนน้ำตานองหน้าอีกคน

ตอนนี้ถึงคราวของฟางจั๋วเยวี่ยบ้างแล้ว เขาเอาแต่ชี้ไปที่หนิวลี่ลี่พร้อมกับหัวเราะด้วยความสาสมใจ

พอเคอจื่อฉิงต้องการเปลี่ยนเป้าหมายในการป้อนโรลแซลมอนวาซาบิให้กับคนอื่น ๆ ทุกคนจึงพากันยื้อหล่อนไว้สุดแขน

เสี่ยวหม่านคอยกระตุ้นให้คนดื่ม

เธอบอกว่า ถ้าไม่ดื่มควบคู่ไปกับการกินแกะหันที่อร่อยแบบนี้ มื้ออาหารพิเศษตรงหน้าก็คงเสียเปล่า

ทักษะการโน้มน้าวใจของเสี่ยวหม่านนั้นยอดเยี่ยม

โชคดีที่ยุคสมัยนี้เจียงเฉิงยังไม่มีบาร์หรือไนต์คลับ ไม่อย่างนั้นหลินม่ายคงสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะเคยทำงานในบาร์หรือไนต์คลับมาก่อน

แน่นอนว่าเป้าหมายสำคัญในการโน้มน้าวของเสี่ยวหม่านคือหลี่หมิงเฉิง

หลี่หมิงเฉิงกระดกเบียร์ตงซีหูที่เธอคอยรินให้ไปหลายแก้ว

จนกระทั่งเสี่ยวหม่านรินให้อีกครั้ง เขาก็ปฏิเสธไม่ยอมดื่มอีก

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เป็นมื้ออาหารที่ครื้นเครงมากเลยค่ะ เห็นเมนูแล้วหิวเลย

ไหหม่า(海馬)