บทที่ 459 ฆาตกรไม่ได้มีเพียงคนเดียว

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นิรุตติ์ยังนิ่งเฉยดังเดิม “รู้ ก่อนหน้านี้นัทธีมากดดันธุรกิจของพ่อฉันอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ธุรกิจของพ่อฉันพังไม่เท่าไหร่ ยังทำให้ชื่อเสียงของพ่อฉันพินาศด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะไม่รู้ชัดได้อย่างไร”

“แล้วคุณไม่กลัวเหรอ?” วารุณีปล่อยส้อมกับมีดในมือออก

นิรุตติ์หัวเราะเบาๆ “ทำไมต้องกลัวด้วย?”

“นัทธีไม่มีทางปล่อยครอบครัวของพวกคุณไป” วารุณีตอบ

นิรุตติ์หุบยิ้มลง แววตาก็มีความนึกย้อนไป แต่ไม่นานก็หายไป “ตั้งแต่ตอนที่พ่อฉันลงมือกับลุงรองน้ารอง ฉันก็รู้ว่าครอบครัวของเรากับนัทธีนั้นจะผิดใจกันไปจนตาย ถ้าไม่ใช่เราตาย นัทธีก็ตาย ฉันเตรียมใจไว้นานแล้ว จะกลัวทำไม”

เมื่อพูดขึ้น ลุงรองน้ารองนั้นดีกับเขามากเลย

ตอนเด็กๆ ขงเบ้งมักจะเที่ยวเสเพลไม่กลับบ้าน แม่ของเขากลับจับแต่เมียน้อย เลยไม่ได้สนใจเขา เป็นลุงรองน้ารองที่เลี้ยงเขามา

ถ้าตอนนั้นพวกเขารู้ว่าขงเบ้งจะทำแบบนั้น พวกเขาจะต้องหยุดเอาไว้แน่นอน

แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

“ที่แท้คุณก็ทำใจเตรียมพร้อมแล้วนี่” วารุณีคนน้ำแกงในชาม

นิรุตติ์ยิ้มมุมปาก “ใช่สิ แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องเตือนคุณ”

“อะไร?” วารุณีมองพวกเขา

นัทธีมีแววตามืดดำลง “ลุงรองน้ารองนั้นถูกพ่อฉันหาคนให้มาชนจริงๆ แต่อันที่จริงในนั้นยังมีฆาตกรอีกคนอยู่”

วารุณีมีม่านตาเบิกโพลง “คุณหมายความว่าอะไร?”

ฆาตกรอีกคน

หรือว่าคนที่ทำร้ายพ่อแม่ของนัทธี ไม่ได้มีเพียงขงเบ้งงั้นเหรอ?

“ใช่แล้วล่ะ เป็นเหมือนที่คุณคิดเลย” นิรุตติ์พิงไปด้านหลัง พลางมองวารุณีที่มีสีหน้าตกใจก่อนจะตอบ

วารุณีกำมือแน่น “ทำไมฉันต้องเชื่อคุณ?”

“คุณเชื่อไหมก็ไม่สำคัญ ฉันแต่จะเตือนคุณเท่านั้น ตอนนี้มีคนใช้นัทธี เพื่อทำให้ลุงรองน้ารองต้องเดินบนทางนั้น คนที่พ่อฉันจัดวางเอาไว้ ถึงได้ทำได้สำเร็จอย่างง่ายดายแบบนี้” นิรุตติ์ดื่มไวน์แดงจิบหนึ่ง

วารุณีหัวใจเต้นเร็วมาก ดังตึกตัก

โถงใหญ่นั้นมันไม่เงียบเลยแท้ๆ แต่เธอได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรก็สงบไม่ลง

“ใครกัน?” วารุณีถามพลางกลืนน้ำลาย

นัทธีมองเธออย่างมีนัย “ฉันไม่บอกหรอกว่าเป็นใคร พวกคุณไปหาเองเถอะ แต่ฉันบอกคุณได้ ว่าคนคนนั้น เป็นคนที่พวกคุณไม่มีทางเชื่อ”

ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ?

วารุณีขบริมฝีปาก ทำไมฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันแน่

ในใจทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ

ถึงอย่างไรการพูดครึ่งๆ กลางๆ ของเขานั้น มันทำให้ไม่ชอบใจเลยจริงๆ

การทำให้คนอื่นสงสัยโดยไม่พูดให้ชัดเจน มันทำให้อยากต่อยเขามากเลยจริงๆ

วารุณีหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดความอยากปะทะในใจเอาไว้ พลางเม้มปาก “แล้วทำไมต้องมาบอกฉันเรื่องเหล่านี้กับฉันล่ะ?คุณไม่บอกฉันก็ได้แท้ๆ ว่าไม่ได้มีฆาตกรเพียงคนเดียวน่ะ”

“ทำไม?” นิรุตติ์ดันแว่นขึ้น “น่าจะเป็นเพราะในใจรู้สึกไม่สมดุลน่ะ ทำไมต้องปล่อยให้นัทธีแก้แค้นเรา แต่ฆาตกรอีกคนกลับลอยนวลได้”

“ที่แท้ก็ขัดตานี่เอง” วารุณีเบ้ปาก “ในเมื่อขัดตาขัดใจแล้ว คุณก็บอกมาเลยสิว่าคนคนนั้นคือใร เท่านี้นัทธีก็จะแก้แค้นได้เลย คุณเองก็ไม่ต้องไม่รู้สึกเท่าเทียมในใจแล้ว”

“จะบอกได้อย่างไรล่ะ ฉันยังอยากดูความสนุกนี้อยู่น่ะ เห็นพวกคุณค่อยๆ หาฆาตกร ฉันก็มีความสุขดี” นิรุตติ์ยิ้มอย่างร้ายกาจ

วารุณีกลอกตามองบนในใจ และขี้เกียจจะสนใจพวกเขาแล้ว

ห่างออกไปไม่ไกล โสรยาคล้องแขนออกมาจากห้องรับรองกับชายชาวตะวันตกวัยกลางคน เตรียมจะออกจากโรงแรม ก็เห็นวารุณีในห้องโถงใหญ่

โสรยาร้อนรนขึ้นมา ก่อนจะปล่อยชายชาวตะวันตกคนนั้นทันที เพราะไม่อยากให้วารุณีเห็น และเดาความสัมพันธ์ของเธอกับชายชาวตะวันตกคนนี้ไปต่างๆ นานา

“ที่รัก เป็นอะไรเหรอ?” ชายชาวตะวันตกเหมือนจะไม่พอใจกับท่าทีที่โสรยาทำอย่างรวดเร็วนี้ เลยขมวดคิ้วขึ้นมา

โสรยาเกร็งปาก เหมือนกำลังจะปลอบโยนชายคนนี้ จู่ๆ ก็ได้เห็นใบหน้าด้านข้างของชายที่อยู่ตรงข้ามวารุณี

นั่นมัน……นิรุตติ์ไม่ใช่เหรอ?

เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แถมยังคุยขำขันกับวารุณีด้วย!

วารุณีไม่รู้ว่านิรุตติ์กับนัทธีมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันงั้นเหรอ?

โสรยาหรี่ตาลง ในสมองก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

จากนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะถ่ายรูปของนิรุตติ์กับวารุณี แล้วส่งรูปให้เบอร์ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างมาก จนจำฝังลึกไปถึงจิตวิญญาณเลยล่ะ

ในประเทศนั้น เป็นเวลาเช้าอยู่

นัทธีเพิ่งจะถึงบริษัท ยังไม่ทันนั่งลง โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่าเป็นข้อความที่เบอร์แปลกจากต่างประเทศส่งมา

นัทธีขมวดคิ้วแน่น

นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวของเขา เบอร์แปลกไม่มีทางส่งมาได้

แต่เบอร์ต่างประเทศนี้กลับ……

นัทธีหรี่ตาลง ก่อนจะเปิดข้อความนี้ขึ้น ก็ได้เห็นรูป จากนั้นม่านตาก็หดลง

เพราะเห็นว่าบนรูป มีวารุณีกับนิรุตติ์นั่งตรงข้ามกัน กำลังกินข้าว แถมท้องฟ้าข้างนอกก็มืดแล้ว เป็นตอนกลางคืนอย่างแน่นอน

ดังนั้นดึกดื่นแบบนี้ พวกเขาสองคนกินข้าวด้วยกันข้างนอกงั้นเหรอ?

นัทธีสีหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ก่อนจะกำโทรศัพท์แน่น แล้วเก็บอย่างเต็มแรง

ทำไมนิรุตติ์ไปอยู่ที่นั่นได้ แถมยังเจอวารุณีด้วย

ทำไมพวกเขาไปกินข้าวด้วยกันได้?

มีคำถามมากมายในหัว ทำให้ใจของนัทธีหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

เขาดึงเนกไท ก่อนจะเรียกมารุตมาหาอย่างเคร่งเครียด

“ท่านประธานมีอะไร?” มารุตมองเขาด้วยความสงสัย

นัทธีส่งโทรศัพท์ให้ “ตรวจสอบเบอร์นี้หน่อย”

เมื่อมารุตดู ก็ไม่เห็นเบอร์ แต่เห็นรูปก่อน เลยเบิกตาโพลง “ท่านประธาน นี่……”

“จู่ๆ เบอร์นี้ก็ส่งรูปนี้มา แต่เพื่ออะไรนั้น ฉันก็รู้ดี คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำเหมือนนวิยาในครั้งนั้น” นัทธีพูดเสียงเย็นชา

ครั้งนั้นนวิยาส่งรูปให้วารุณี เพื่อให้วารุณีโกรธ แล้วให้วารุณีเข้าใจเขาผิด

เบอร์ของคนนี้นั้น มันก็น่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเขาเห็นรูปนี้ ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เลยเชื่อการที่วารุณีกับนิรุตติ์กินข้าวด้วยกันต้องมีอะไรแน่ๆ

รูปมันชัดมาก แม้นิรุตติ์จะยิ้ม แต่วารุณีกลับไม่มีอารมณ์อะไรเลย มันหมายความว่าวารุณีไม่ได้อยากเจอนิรุตติ์ กินข้าวด้วยกัน มันอาจจะมีเหตุผลอะไรอีก

เมื่อได้ยินคำของนัทธี มารุตก็นึกเรื่องที่นวิยาอยากทำต่อท่านประธานได้ทันที สีหน้าเลยนิ่งไป ก่อนจะตอบทันที” ครับ เดี๋ยวฉันจะไปตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้”

เมื่อพูดจบ เขาก็ส่งโทรศัพท์คืนนัทธี ก่อนจะหมุนตัวออกไป

หลังจากที่นัทธีรับโทรศัพท์ไป ก็มองรูปนั้นอยู่สักพัก สุดท้ายก็โทรไปหาวารุณี

เขายังอยากรู้ ว่าทำไมเธอถึงได้เจอกับนิรุตติ์

ที่ต่างประเทศ วารุณีกับนิรุตติ์กินข้าวกันเสร็จแล้ว

นิรุตติ์ได้รับสาย แต่ก็ไม่รู้ว่าปลายสายนั้นเป็นใคร พูดอะไรกับเขา เขาเลยรีบร้อนจะออกไป

แต่ก่อนจะจากกัน ก็ยังพูดกับวารุณี บอกว่าไว้เจอกันครั้งหน้า

วารุณีกลอกตาใส่ แต่ไม่ได้ตอบ จากนั้นจึงเดินออกจากโรงแรมไป

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น

วารุณีหยิบออกมาดู ในก็เต้นแรง ก่อนจะกดรับสาย “นัทธี”

ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อครู่ที่เจอกับนิรุตติ์ ตอนนี้มาได้รับสายจากนัทธี ในใจของเธอก็รู้สึกกลัวความผิดเล็กน้อย

นัทธีเองก็ฟังออก ก่อนจะพึมพำเสียงเย็นชา “คุณกลัวโดนจับได้อยู่เหรอ?”

“เปล่า” วารุณีมีแววตาเปล่งประกาย ก่อนจะตอบเสียงสูง

นัทธีเบ้ปาก “คุณอยู่ที่ไหน?”

“ฉันอยู่ด้านนอก เพิ่งกินข้าวเสร็จ และเตรียมจะกลับไป” วารุณีตอบ

นัทธีได้ฟังคำพูดของเธอ สีหน้าก็ดีขึ้นมาก

อย่างน้อย เธอไม่ได้โกหกเขาที่ว่าไปกินข้าวด้านนอก

“ไปกินข้าวกับใครเหรอ?” นัทธีปรายตามองพลางถามอีก

วารุณีผลุบตามองที่อื่น “กับคุณเชอรีนไงล่ะ”

นัทธีหน้าดำคร่ำเครียด “กับเชอรีนจริงๆ เหรอ?”

ในใจของวารุณีเต้นแรง

เขาคงไม่ได้รู้ว่าเธอโกหกใช่ไหม?

ราวกับว่ารู้ว่าวารุณีกำลังคิดอะไร นัทธีพูดเสียงเย็นชา “ฉันส่งรูปไปให้คุณ คุณดูหน่อยเถอะ”

“อ๋อ” วารุณีพยักหน้าตอบ

รูปงั้นเหรอ?

รูปอะไรเหรอ?