บทที่ 536 องค์หญิงจิ้งชู

เวลาผ่านไปชั่วเพียงพริบตาก็ถึงงานเฉลิมพระชนมพรรษา ในช่วงที่ผ่านมา ถังหลี่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่เรียนรู้มารยาทในวัง และพิธีการต่างๆ ของวังหลวง

งานเลี้ยงในวันนี้จัดขึ้นภายในพระราชวังไท่จี๋

ในช่วงบ่าย ถังหลี่แต่งตัวเต็มยศขึ้นรถม้าไปพร้อมกับเว่ยฉิง มุ่งหน้าไปยังพระราชวัง

รถม้าจอดที่ด้านนอกพระราชวังไท่จี๋ เว่ยฉิงลงจากรถพร้อมกับอุ้มถังหลี่ไว้ในวงแขน จากนั้นจึงได้จูงมือภรรยาเดินเข้าไปยังสถานที่จัดเลี้ยง

เนื่องจากเป็นงานในยามค่ำ ตอนนี้จึงยังมีคนไม่มากนัก ข้าราชบริพารเหล่านั้นไม่ค่อยจะได้เห็นภาพลักษณ์ที่นุ่มนวลอ่อนโยนของเจ้ากรมอาญาผู้นี้มากนัก ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่กลัวภรรยามาก ตอนนี้พวกเขาได้เห็นกับตาแล้ว

ถังหลี่และเว่ยฉิงมาที่งานเลี้ยงก่อนเวลา พวกเขาจึงได้ไปเดินเล่นรอบๆ ในสวนที่ใกล้เคียง เว่ยฉิงพาถังหลี่ไปที่แม่น้ำ

“ท่านลุงสามพาข้ามาตกปลาที่นี่ตอนที่ข้ายังเด็ก” เขาโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูของภรรยา

เด็กชายตัวเล็กๆ บอบบางปรากฏขึ้นภายในใจของถังหลี่ เขาถอดรองเท้าพับขากางเกงขึ้น ลงไปจับปลาในแม่น้ำ ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเปื้อนโคลน แต่เขายังยิ้มแย้มอย่างสดใส

ทั้งสองคนเดินเลียบไปตามแม่น้ำ เว่ยฉิงหยุดฝีเท้ากะทันหัน

“ที่นี่เคยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งมีรังนกอยู่บนต้นไม้ ลุงสามจะยกตัวข้าให้สูงขึ้นเพื่อที่จะขโมยไข่นกออกมา” เว่ยฉิงกระซิบ

เด็กชายตัวเล็กๆ ปรากฏขึ้นในใจของถังหลี่อีกครั้ง เขาถูกเด็กหนุ่มผู้หนึ่งอุ้มเอาไว้ พยายามที่จะเหยียดแขนขึ้นไป เอื้อมมือน้อยๆของเขาไปแตะรังนก…

หากเขาไม่ได้เกิดในราชวงศ์ คงจะดีกว่านี้มากนัก สามีของนางจะเติบโตเป็นเด็กที่มีความสุข

“ภรรยา เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” เว่ยฉิงพูดแล้วเดินไปยังที่อื่น ถังหลี่รอเขาอยู่ใต้ต้นไม้ ทันใดนั้นก็มีศีรษะเล็กๆของเด็กสาวผู้หนึ่งยื่นออกมาจากหลังต้นไม้ต้นนั้น นางมองถังหลี่อย่างสงสัย เป็นเด็กสาวอายุไม่มากนักแค่เพียงสิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น แต่งกายด้วยชุดหรูหรา สถานะของนางคงไม่ธรรมดา

“เจ้าเป็นฮูหยินของใครหรือ? ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย?” ถังหลี่คาดเดาตัวตนของนาง ผมของนางไม่ได้เกล้าขึ้นเป็นมวยแบบหญิงออกเรือน นางยังไม่ได้แต่งงาน นางเรียกตนเองว่า “เปิ่นกง” นางน่าจะเป็นองค์หญิง ?

“ข้าเป็นภรรยาของอู่อวี้ เจ้ากรมอาญากระทรวงยุติธรรม ข้าเพิ่งมางานเลี้ยงในวันเป็นครั้งแรก ท่านเป็นใครหรือ?”

เด็กหญิงตัวเล็กๆ เดินออกมาจากหลังต้นไม้ นางมีใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวสวย ตาโตดูงดงามมาก

ดวงตาที่สวยงามของนางจับจ้องที่ถังหลี่

“เจ้าสวยมาก…ข้าชอบ ข้าเป็น…เอ่อ…ไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะเป็นใคร “ นางพึมพำ

“นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกว่าใครจะมารังแก หากใครกล้ารังแกเจ้ามาบอกข้าได้เลย!” เด็กหญิงตัวเล็กๆ ทำท่าปกป้องถังหลี่ ในความคิดของนางแล้วถังหลี่ดูมีลักษะที่ชวนน่ารังแกจริงๆ นางหน้าตางดงาม ใบหน้าอ่อนโยนดูไม่เป็นพิษเป็นภัย ดวงตาใสซื่อ ดูไปแล้วเป็นคนประเภทที่จะโดนวังหลังกินไม่เหลือแม้แต่กระดูกเป็นแน่

แต่นางตกหลุมรักดวงตาของหญิงสาวผู้นี้ทันที

“ขอบพระทัยในความเมตตาขององค์หญิง หากข้าอยู่ที่นี่แล้วคงไม่ให้ใครหน้าไหนมารังแกภรรยาของข้าหรอก!” เสียงหนึ่งขึ้น ทักทาย เป็นเว่ยฉิงนั่นเอง

เขาถือช่อดอกไม้เอาไว้ในมือ ส่งให้กับถังหลี่ ดวงตาขององค์หญิงจิ้งชูเหลือบมองไปรอบๆ ระหว่างเว่ยฉิงและถังหลี่

นางรู้สึกว่าใต้เท้าอู่ผู้นี้ดูดุร้ายไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เขาเป็นแค่เสนาบดีจากกรมอาญาเท่านั้นจะมีอำนาจมากกว่าองค์หญิงได้อย่างไร? เดิมทีนางอยากเดินตามถังหลี่เพื่อจะอวดอำนาจของตนให้ถังหลี่ได้ชมดู แต่หลังจากโดนเว่ยฉิงใช้สายตาเหลือบมองนางสองครั้ง นางก็รีบวิ่งหนีไป รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก

“องค์หญิงจิ้งชู?” ถังหลี่ถาม

“ใช่แล้ว นางเป็นองค์หญิงเจ็ด จิ้งชู เป็นที่โปรดปรานมากเลยทีเดียว”บราวนี่ออนไลน์

เว่ยฉิงแนะนำองค์หญิงเจ็ดให้ถังหลี่ฟัง มารดาขององค์หญิงเจ็ดเป็นแค่พระสนมธรรมดา เหตุใดนางจึงได้รับความโปรดปรานอย่างมากมาย?

นั่นเป็นเพราะตอนที่องค์หญิงเจ็ดได้ถือกำเนิดขึ้นมา มีข่าวดีจากซีเป่ย ฮ่องเต้โจวจึงคิดว่านางเป็นดาวนำโชค เขาจึงโปรดปรานพระธิดาองค์นี้เป็นอย่างมาก

ถังหลี่พยักหน้า นางรู้เรื่องนี้ดีเพราะมีเขียนเอาไว้ในนวนิยายเล่มนั้นแล้ว

เนื่องจากได้ชื่อว่าเป็นดาวนำโชค องค์หญิงจิ้งชูจึงได้นำความเจริยรุ่งเรื่องมายาวนานเป็นเวลาถึงสิบกว่าปี แต่แล้วหลังจากนั้น ก็มีแต่ความเจ็บปวดและทุกข์ยาวตลอดจนชั่วชีวิตของนาง

เว่ยฉิงจูงมือถังหลี่เดินเข้ามาในงานเลี้ยง ยังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มต้น เขาจึงได้ถูกช้าราชบริพารหลายคนลากไปพูดคุย

ถังหลี่รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา นางหันไปมองเห็นหญิงสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกับตนเองแม้จะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มีความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

เว่ยฉิงก็มองเช่นกัน ถังหลี่ส่งสัญญาณให้เขาปล่อยนางจัดการเองตามลำพัง

ไม่นานนักผู้หญิงคนนั้นก็เดินมาหาถังหลี่

“ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน?” นางถามด้วยความสงสัย

“สามีของข้าสกุลอู่…”

“อู่…” ผู้หญิงคนนั้น ทำท่าครุ่นคิด

“ฮูหยินอู่นั่นเอง ข้าคือพระชายารุ่ย”

นางคือจินเซ่อ การแสดงออกของนางดูอ่อนโยนนุ่มนวล แต่ภายในใจจินเซ่อเกลียดถังหลี่อย่างมากมาย ตอนนี้ใบหน้าของนางไม่เหมือนเดิมแล้ว ถังหลี่ย่อมจำนางไม่ได้อย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนี้ นางย่อมมีข้อได้เปรียบมากกว่า เพราะถังหลี่ไม่รู้ว่านางยังไม่ตาย จินเซ่อคิดคำนวณในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางอ่อนลง

“พระชายารุ่ย…” ถังหลี่หลุบตาลง แววตาเย็นชา โอ้…จูชุนเจียว หลังจากที่รู้ว่าพระชายารุ่ยคือจูชุนเจียว นางได้เคยเห็นรูปเหมือนของพระชายารุ่ยมาก่อนแล้ว นางจึงจำได้ตั้งแต่แรกเห็น เมื่อถังหลี่เงยหน้าขึ้นรอยยิ้มอยู่ในดวงตา

“ท่านคือพระชายารุ่ยนั่นเอง ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงถึงความอ่อนโยนและใจดีของท่านมาก่อนเพคะ”

“ฮูหยินอู่ท่านให้เกียรติยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบปะกับท่าน ท่านเพิ่งเคยเข้าวังหรือ?”

นางคือพระชายารุ่ยอ๋อง ถังหลี่เป็นแค่ฮูหยินของเจ้ากรมอาญาเท่านั้น สถานะของนางย่อมสูงกว่า เป็นการยากที่จะปฏิเสธไมตรีต่อผู้ที่มีฐานันดรสูงกว่าเช่นตัวนาง

ถังหลี่พยักหน้า มองไปรอบๆ

“พระชายาเสด็จมาองค์เดียวหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นท่านอ๋อง”

เมื่อถังหลี่พูดเช่นนี้ ใบหน้าของจินเซ่อเปลี่ยนสีไป

ท่านอ๋องรุ่ยยังคงถูกกักบริเวณอยู่เนื่องจากกรณีหอฉีอานในครั้งนั้น เขาไม่อาจจะเข้าร่วมแม้กระทั่งงานฉลองพระราชสมภพของพระบิดาได้ ไม่รู้ว่าถังหลี่พูดขึ้นมาอย่างจงใจหรือไม่?

แค่ชั่วพริบตาสีหน้าของนางกลับเป็นปกติตามเดิม

“ท่านอ๋องพระวรกายไม่สู้ดี ท่านจึงไม่เสด็จออกงานในช่วงนี้”

“อ๋อ…หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องยังคงถูกลงโทษให้กักบริเวณอยู่จึงเสด็จมาร่วมงานไม่ได้” ถังหลี่ทำท่าไร้เดียงสา

จินเซ่อบีบผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น นางคิดว่าถังหลี่ตั้งใจ!

แต่แรกนางตั้งใจจะแสดงท่าทางชื่นชมโปรดปรานถังหลี่ แต่ในตอนนี้จินเซ่อไม่อยากเสแสร้งต่อไปอีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ช่างกระตุ้นโมโหนางได้อย่างแม่นยำ

โชคไม่ดีเลย!

“พระชายาเหตุมีสีหน้าเช่นนั้น หม่อมฉันพูดไม่ถูกหรือเพคะ?” ถังหลี่ถามอย่างประหลาดใจ

จินเซ่อโกรธจนนางไม่อาจจะเสแสร้งต่อไปได้