บทที่ 481 เหม็นขี้หน้าฉืออี้หย่วน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 481 เหม็นขี้หน้าฉืออี้หย่วน

บทที่ 481 เหม็นขี้หน้าฉืออี้หย่วน

เสี่ยวเถียนไม่รู้เลยว่า ในตอนนี้ฉือเก๋อกำลังฟังสถานการณ์อยู่นอกห้องอย่างเงียบ ๆ เมื่อได้ยินบทสนทนาที่ลื่นไหลระหว่างเด็กสาวกับนักธุรกิจต่างชาติแล้ว ชายชรารู้สึกโล่งใจนัก ก่อนหน้านี้ยังกลัวว่าเธอจะร้อนรนตอนเจอพวกเขาครั้งแรก

หลังจากยืนยันความสามารถของเสี่ยวเถียนได้แล้ว เขาก็วางใจได้เสียที ก่อนจะเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิม

คุณปู่ซูที่รออยู่เห็นสหายกลับมาก็ถามอย่างกระวนกระวายใจ “สหายฉือ ได้ความมาว่ายังไงบ้าง?”

ฉือเก๋อไม่ใช่คนเดียวที่เป็นห่วงหรอก

คุณปู่ซู คุณย่าซู และเหลียงซิ่วก็กังวลเหมือนกัน

คนอื่น ๆ ในบ้านก็ด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าผิดพลาดขึ้นมาเรารับผิดชอบไม่ไหวแน่!

“ฉันฟังมาสักพักแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ในห้องนั้นมีแต่เสียงกินข้าวทั้งนั้น!”

เสียงพูดคุยหายไปแล้ว เขาเลยไม่ต้องกังวลที่จะฟังอีก

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราก็โล่งใจ แล้วกลับไปหลังครัวเพื่อบอกข่าวดีให้ภรรยาและลูกสะใภ้ฟัง นอกจากนั้นยังมีพวกเด็กบ้านซูและฉืออี้หย่วนด้วย

ซูโส่วเวินซาบซึ้งใจมาก “ทำไมน้องสาวของเราเก่งจัง? พี่คิดว่าเธอเก่งภาษาฝรั่งเศสแล้วนะ แต่นี่ยังพูดภาษาเยอรมันได้อีกงั้นหรือ?”

ช่วงนี้ทักษะภาษาฝรั่งเศสของโส่วเวินพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นเขาจึงยังคิดว่าตนเองยังมีโอกาสไล่ตามน้องเล็กอยู่ แต่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่เท่าไร เด็กคนนี้กลับเชี่ยวชาญภาษาเยอรมันเสียแล้ว

เชี่ยวชาญเลยนะ

เรียนรู้ไวขนาดนี้ ชาตินี้ก็ไล่ตามเธอไม่ทันหรอก!

ถึงจะยาก แต่เขาก็รู้ดีว่าต้องเลือกอะไร

เขาตัดสินใจเลิกไล่ตามน้องสาว และทำเรื่องของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ

ตอนนั้นเขาเข้าใจเสียทีว่า ทำไมเสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วมักจะบอกว่ากดดันมาก

ต้องเดินตามรอยเท้าน้องที่โดดเด่นขนาดนี้ เขาจะไม่ถูกแรงกดดันทับจนตัวตายเลยหรือ?

กลับกันนั้น เป็นฉืออี้หย่วนที่เอาแต่ยิ้ม ดูก็รู้ว่ากำลังภาคภูมิใจอยู่

แต่รอยยิ้มพวกนั้นกลับทำให้เด็กบ้านซูไม่พอใจ

น้องของพวกเขาเก่ง แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับฉืออี้หย่วน?

ฉืออี้หย่วนคิดจะปล้นน้องสาวไปจากเราอีกแล้วหรือ เหม็นขี้หน้าจริง ๆ!

ในห้องส่วนตัว เสี่ยวเถียนกำลังมองคนอื่น ๆ กินข้าวอยู่ บางครั้งเธอก็ตักกินคำสองคำพอเป็นพิธี

ทำยังไงได้ล่ะ เธอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กับแขกที่แสนตะกละ เธอสู้ไม่ได้หรอกนะ!

อาหารที่ย่าทำจะกินเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา?

แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงทำตัวเหมือนกับว่าอาหารมันต่างไปจากที่เคยกินเลยล่ะ?

เหมือนจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษนะ

“โอ้พระเจ้า! ผมเพิ่งรู้ว่าใช้ตะเกียบจะกินได้ไวกว่า!”

จู่ ๆ เฟลิกซ์ก็ตะโกนออกมาเป็นภาษาเยอรมันหลังจากรู้บางอย่าง

เพราะเขารู้สึกว่าตนกำลังเสียเปรียบ!

เสี่ยวเถียนตกใจมาก

ใช้ตะเกียบกินมันเร็วกว่าจริง ๆ นะ แถมอาหารจีนยังเหมาะกับตะเกียบด้วย

แต่หลัก ๆ แล้วเราต้องรู้วิธีใช้! แน่นอนว่าคนที่ใช้ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ส่วนคนอื่นก็ลำบากอยู่กับช้อนส้อม

เสี่ยวเถียนอับอายเหลือเกิน

หากไม่ใช่เพราะการทำหน้าที่การงาน เธอคงหมุนตัวออกไปแล้ว

คนพวกนี้กินไม่น่ามองเอาเสียเลย กินให้มันสง่างามกว่านี้จะได้ไหม?

ภาพลักษณ์น่ะ ภาพลักษณ์!

แต่คนพวกนั้นไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนรังเกียจท่าทางการกินของพวกเขา

แต่ต่อให้รู้ว่ารังเกียจก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ขอแค่อาหารอร่อยก็พอแล้ว

ไม่สำคัญสักหน่อย!

เทียบกับการเจรจาขอความร่วมมือในครั้งก่อน บรรยากาศของมื้ออาหารเป็นไปอย่างอบอุ่นและกลมเกลียวมาก

จู่ ๆ เธอก็คิดว่าไม่มีอะไรที่อาหารแก้ปัญหาไม่ได้

ถ้ามื้อนี้ช่วยไม่ได้ ก็กินมื้อถัดไปสิ

อาหารของหออีหมิงรสชาติดีจริง ๆ วันนี้คุณย่าซูตั้งใจทำมากจริง ๆ

ออกัสกับฉืออวี้เลี่ยงพึงพอใจสุด ๆ

เป็นมื้อที่ถือว่าเป็นงานเลี้ยงของเจ้าภาพและแขก อ้อ! มันคงสมบูรณ์แบบกว่านี้ถ้าพวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องอาหาร

“ขอบคุณนะที่รัก โต๊ะจีนหลวงของเธออร่อยจริง ๆ! ฉันไม่เคยกินของอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย!”

คริสติน่าเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ใด ๆ เธอดูเหมือนสาวชาวต่างชาติที่กำลังทำท่าเก่อโยวนอนอืดเลย*[1]

ไม่ใช่ว่าคริสติน่าไม่สนใจภาพลักษณ์หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ท้องเธออิ่มเกินไป

ถึงจะแย่งกันกิน แต่อาหารทั้งสิบสองจานเติมเกือบเต็มท้องของพวกเขาจนแน่นขนัด แถมทุกคนกินอาหารอย่างเต็มคราบ รวมถึงคริสติน่าด้วย

ฉืออวี้เลี่ยงกินจนอิ่มแล้ว เขามีความสุขเหลือเกินที่แขกกินข้าวจนอิ่ม แถมยังมีความสุขมากจนลืมเรื่องจ่ายเงินค่าข้าวสองมื้อไปเลย

หลังจากที่อิ่มกันแล้ว พวกเขาก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้เสี่ยวเถียนยังไม่ได้กินอะไรเลย

ฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะรู้อยู่แล้วว่าหออีหมิงเป็นร้านอาหารของบ้านเสี่ยวเถียน เธอไม่มีทางขาดแคลนของกินพวกนี้หรอก

แต่คริสติน่าไม่รู้!

เธอคิดว่าเสี่ยวเถียนกำลังกินน้อยเพื่อต้อนรับแขก เลยเสียใจมาก

“โถ่ เพื่อนรักของฉัน เธอดีเหลือเกิน ไม่ยอมกินเยอะเพื่อให้พวกเราได้กินสินะ!”

เสี่ยเถียนสับสน

ผู้อำนวยการทั้งสองก็เช่นกัน

หมายความว่ายังไงเนี่ย?

สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็ตัดสินใจว่า ถือเป็นความเข้าใจผิดอันงดงามแล้วกัน

และเธอก็ไม่ตั้งใจจะชี้แจงด้วย ปล่อยให้เข้าใจผิดไปก่อนนะ!

หลังจากพักผ่อนได้สักพัก คนในห้องก็ทยอยกันออกมา

ตอนนี้โถงข้างนอกเต็มไปด้วยลูกค้า และมีอยู่หลายคนเลยที่นั่งรอบนเก้าอี้หน้าประตู

เสี่ยวเถียนจัดพื้นที่ตรงนี้ไว้รอเป็นพิเศษ ทั้งยังเสิร์ฟชาและเมล็ดแตงโมไว้ให้ด้วย

“กิจการร้านนี้ดีมากเลยหรือ?” คริสติน่ากระซิบ “ถึงร้านอาหารบ้านของฉันจะไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นร้านที่ยอดเยี่ยมอยู่นะ”

เสี่ยวเถียนเพิ่งรู้ว่าครอบครัวของคริสติน่าไม่ได้ทำแค่ธุรกิจเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังเปิดร้านอาหารอีกด้วย

ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ร่วมธุรกิจกับออกัสหรือเปล่า

แต่มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น

หออีหมิงยังไม่ได้ดีขนาดนั้น และไม่มีคุณสมบัติที่จะร่วมธุรกิจกับคนอื่นด้วย

ความเป็นไปได้เดียวคือ โดนคนอื่นเอาไปครอบครองแทน

เสี่ยวเถียนไม่ได้ตั้งใจจะทำชุดแต่งงานให้คนอื่น*[2] หรอกนะ หลังจากนั้นก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป

เราส่งแขกกลับไปหลังจากนัดแนะเวลาและสถานที่ที่จะพบกันในวันรุ่งขึ้นแล้ว

ฉืออวี้เลี่ยงส่งคนขับพาพวกออกัสไปส่งที่โรงแรม

ส่วนคริสติน่าไม่อยากกลับเลย เธออยากคุยกับเสี่ยวเถียนที่น่าสนใจและใจดีแบบนี้ต่อ

เพราะเธอชอบเสี่ยวเถียนมาก จึงลังเลที่จะจากไป

แต่เพราะมันดึกแล้ว แถมเธอเองก็เหนื่อยมากด้วย

จึงต้องจำใจกลับโรงแรม

ก่อนจากกันยังบอกอีกว่า เจอกันพรุ่งนี้นะ!

*[1] 葛優躺 – เก่อโยวนอนอืด หรือท่านั่ง 北京瘫 (อ่อนแรงแบบปักกิ่ง) เป็นท่านอนอืดอย่างเกียจคร้านของเก่อโยว นักแสดงชายชาวปักกิ่งที่แสดงในละครซิทคอมเรื่อง 我愛我家

*[2] ทำงานอย่างเสียเปล่าโดยที่ตนไม่ได้อะไรเลย