จิ่งหมิงฮ่องเต้ชะงักไปในบัดดล ก่อนจะชำเลืองมองไปทางพานไห่อย่างช่วยไม่ได้ “เขาพูดอะไร”
พานไห่ตอบย้ำด้วยใบหน้าย่ำแย่ “แม่ทัพชุยฆาตกรรมองค์หญิงใหญ่หรงหยางก่อนที่จะปลิดชีพตัวเองพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ใบหน้าคล้ำหม่นเข้าขั้น
เสียงร้องไห้ของชุยอี้ยังคงดังลอดเข้ามาในหูอย่างต่อเนื่อง นั่นยิ่งทำให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ปวดหนึบที่ศีรษะ
ไปกันใหญ่แล้ว ไปกันใหญ่แล้ว โลกนี้มันเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว
เขาสั่งลงโทษหรงหยางอย่างยุติธรรม แต่เหตุใดถึงมีคนสังเวยชีวิตอีก คนพวกนี้ไม่เห็นหัวฮ่องเต้เลยหรืออย่างไร!
ถึงอย่างไรจิ่งหมิงฮ่องเต้และองค์หญิงใหญ่หรงหยางก็เป็นพี่น้องกัน แม้นางจะบั่นทอนความอดทนของเขาจนจะแทบจะไม่เหลือ แต่กระนั้นเรื่องนี้ก็สร้างความทุกข์ใจไม่น้อย
เสียงร่ำไห้ของชุยอี้ยิ่งทำให้เขาว้าวุ่นใจ
“เสด็จลุง ทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
ภาพหลานชายที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายทำให้จิ่งหมิงฮ่องเต้นึกถึงเจียงจั้นที่อาสาไปปกป้องชายแดน
ภายนอกทั้งคู่แทบจะไม่ต่างกัน แต่ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้ากลับต่างกันโดยสิ้นเชิง…
เพียงแต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาต่อว่าหลานชาย จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงได้แต่ถอนหายใจ “หยุดร้องได้แล้ว ข้าจะสั่งให้คนฝังพ่อแม่เจ้าอย่างสมเกียรติ และจัดการเรื่องของเจ้าด้วย…”
เสียงร้องไห้ดังกว่าเก่า บุรุษหนุ่มร้องไปปาดน้ำมูกไป “เสด็จลุง หลานมีเรื่องจะขอร้องพ่ะย่ะค่ะ…”
“ว่ามา” ขมับของจิ่งหมิงฮ่องเต้ขยับตุ๊บๆ
ตอนนี้สิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดคือคำว่า ‘ขอร้อง’ ก่อนหน้านี้สะใภ้เจ็ดก็ขอร้องเรื่องหนึ่ง ผลลัพธ์นั้นพรากไปถึงสองชีวิต อีกทั้งยังเป็นน้องสาวและน้องเขยของเขาเสียด้วย...
“ขอร้องเสด็จลุงอย่าได้ฝังท่านพ่อและท่านแม่ไว้ด้วยกันเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“หื้ม?” จิ่งหมิงฮ่องเต้ผงะ ไม่คิดว่าคำขอร้องของชุยอี้จะแปลกประหลาดเพียงนี้
การฝังสามีภรรยาไว้ด้วยกันถือเป็นหลักประพฤติตามครรลองทั่วใต้หล้า แม้คู่เวรคู่กรรมมีให้เห็นดาษดื่น แต่เมื่อถูกดินกลบหน้าเมื่อใดก็ถือว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาได้ล่วงเลยไปสิ้น หลังจากนั้นวิญญาณจิตจะเสวยสุขอยู่กับการกราบไหว้บูชาของลูกหลานเท่านั้น ฉะนั้นการที่บุตรหลานร้องขอให้ฝังทั้งคู่ไว้แยกกันจึงฟังดูพิลึกพิลั่น
ดวงตาของชุยอี้แดงก่ำไม่ต่างจากสีของจมูก เขายังคงยืนยันหนักแน่น “อย่าฝังทั้งคู่ไว้ด้วยกันเลยพ่ะย่ะค่ะ หลานไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องทนทุกข์อย่างเช่นที่ผ่านมา”
จิ่งหมิงฮ่องเต้นิ่งงันเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นก็ฝังแยกกัน”
พานไห่ลอบถอนหายใจออกมา
จากฟ้ามาสู่ดิน บางคราวเรื่องเช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้ในเวลาชั่วพริบตา
องค์หญิงใหญ่หรงหยางถูกถอดยศเป็นสามัญชน ร่างของนางจึงไม่อาจฝังไว้ในสุสานหลวง อีกทั้งสุสานตระกูลชุยก็มิได้ต้อนรับ จุดจบของนางน่าเวทนายิ่งนัก
“พานไห่ ส่งคนไปจัดการเรื่องหรงหยางและชุยซวี่ให้เรียบร้อย” จิ่งหมิงฮ่องเต้สั่งการแล้วจึงหันไปหาชุยอี้
ชุยอี้กล่าวเสริม “เสด็จลุง หลานมีอีกเรื่องหนึ่งจะขอร้องพ่ะย่ะค่ะ”
เปลือกตาของฮ่องเต้กระตุกซ้ำ
ยังไม่หมดอีกหรือ
“ว่ามา”
“ขอเสด็จลุงได้โปรดช่วยตามหาน้องสาวของหลานด้วยเถิด ตอนนี้หลานเหลือน้องสาวเพียงคนเดียวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้แต่พยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าจะจำไว้ เจ้าไม่ต้องกังวล”
“ขอบพระทัยเสด็จลุง”
“เจ้ารีบกลับไปก่อนเถิด เรื่องบุพการีของเจ้า ข้าจะจัดการให้”
รอจนชุยอี้ปาดน้ำตาและจากไป จิ่งหมิงฮ่องเต้ถึงได้ระบายลมหายใจยาวพรูออกมา
“ฝ่าบาท จะทำอย่างไรกับไทเฮาดีพ่ะย่ะค่ะ…”
ฮ่องเต้เคร่งขรึมขึ้นทันใด “ปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน หากไทเฮาระแคะระคายเพียงนิดเดียว ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!”
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาไม่กล้าเข้าไปสนทนากับไทเฮาอยู่แล้ว หากปิดเรื่องนี้ได้ก็ปิดไปก่อนจะดีกว่า
……
ข่าวการเสียชีวิตของชุยซวี่และองค์หญิงใหญ่หรงหยางแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ใครที่ได้ทราบเป็นต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
ในจวนอี๋หนิงโหว เหล่าฮูหยินน้ำตาไหลพราก แต่สีหน้ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี “ท่านพี่ ในที่สุดองค์หญิงใหญ่หรงหยางที่ทำร้ายอาเคอก็ได้ชดใช้กรรมที่นางก่อแล้ว นางได้ชดใช้กรรมนั้นแล้ว”
เหล่าอี๋หนิงโหวตบแขนเหล่าฮูหยินเบาๆ “ร้องไห้อีกแล้ว เพิ่งจะหยุดร้องไปหมาดๆ เดี๋ยวก็เจ็บตาเอาหรอก”
เหล่าฮูหยินปาดน้ำตาพร้อมส่งยิ้ม “นี่เรียกว่าน้ำตาแห่งความยินดี ตอนแรกแค่ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่หรงหยางถูกถอดยศให้เป็นสามัญชน ข้าก็ดีใจแทบแย่ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องน่ายินดีกว่านั้น ท่านพี่ ท่านพี่ว่าสวรรค์เปิดตาแล้วจริงไหม”
สายตาของเหล่าอี๋หนิงโหวเหม่อมองไปที่ม่านปักลายนกสาลิกาเคียงดอกเหมย เขากล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มดุจกัน “มิใช่ว่าสวรรค์เปิดตาหรอก เพียงแต่พวกเรามีหลานสาวที่ประเสริฐต่างหาก…”
“หมายถึงซื่อเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ” เหล่าฮูหยินปาดน้ำตาพร้อมคลี่ยิ้มกว้าง “จริงสิ ซื่อเอ๋อร์เป็นเด็กดี นางล้างแค้นให้มารดาของนางแล้ว”
เหล่าอี๋หนิงโหวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าเกรงว่าการตายขององค์หญิงใหญ่หรงหยางจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของซื่อเอ๋อร์”
เหล่าฮูหยินขรึมขึ้นก่อนจะกล่าวเนิบนาบ “แต่ถึงอย่างนั้นก็คุ้มแล้ว หากนางกลัวกระทบถึงภาพลักษณ์ตัวเองเลยไม่กล้าล้างแค้นให้มารดา ยังนับนางเป็นลูกได้อยู่หรือ”
คิ้วขมวดมุ่นของเหล่าอี๋หนิงโหวคลายตัว “จริงของเจ้า จงกระทำในสิ่งที่ควรกระทำ จงละวางในสิ่งที่ควรละวาง ซื่อเอ๋อร์ทำถูกแล้วล่ะ”
แม้จะรู้ว่าฆาตกรที่ทำร้ายบุตรสาวของตัวเองคือองค์หญิงใหญ่หรงหยาง แต่ทั้งคู่ก็ทำได้เพียงเก็บงำความขมขื่นนั้นไว้เพราะเห็นแก่อนาคตของลูกหลาน ปล่อยให้เป็นบาดแผลฝังลึกในใจอยู่อย่างนั้น
ความขับข้องใจและความโกรธแค้นตามรังควานทุกคืนค่ำจนไม่อาจข่มตาหลับ แต่วันนี้หลานสาวได้ล้างแค้นแทนพวกเขาแล้ว
อารมณ์ของลุงใหญ่แซ่ซูแตกต่างจากบุพการีของตน
ภรรยาของเขาทำร้ายมารดาและน้องสาว แต่ตอนนี้ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว องค์หญิงใหญ่หรงหยางที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังก็เสียชีวิตเช่นเดียวกัน และเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากหลานสาวของเขาเอง…
อารมณ์ของลุงใหญ่แซ่ซูสับสนหลงทิศ หลานสาวของเขาคนนี้ ช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน
……
ณ จวนตงผิงปั๋ว เจียงอีพยายามห้ามเจียงจั้นสุดฤทธิ์ “น้องรอง เจ้าจะจุดพลุไม่ได้เป็นอันขาด!”
เจียงจั้นหัวเราะร่า “ข้าแค่พูดเล่นๆ พี่ใหญ่จริงจังไปได้”
เขามิได้หุนหันพลันแล่นขาดสติอย่างเมื่อก่อน แม้ว่าในใจจะจุดพลุฉลองยกใหญ่ ทว่าไม่มีทางออกไปจุดจริงๆ ข้างนอก พี่ใหญ่ก็กลัวไปเรื่อย
“แค่พูดเล่นๆ หรือ” เจียงอีหัวเราะไม่ออก นางหยิกเจียงจั้นหนหนึ่ง “เจ้าจะมาหลอกให้ข้ากลัวทำไมกัน ข้าก็คิดว่าเจ้าจะไปจุดพลุฉลองที่ถนนจริงๆ”
แม้องค์หญิงใหญ่หรงหยางจะมิได้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ แต่อย่างไรนางก็เป็นบุตรบุญธรรมของไทเฮา ฉะนั้นการแสดงความยินดีต่อการเสียชีวิตของนางก็อาจเป็นการเร้าโทสะของฮ่องเต้ได้เช่นกัน
ม่านประตูสั่นไหวก่อนเจียงอันเฉิงจะปรี่เข้ามา
“ท่านพ่อ…” สองพี่น้องขานเรียกบิดาพร้อมกัน
ดวงตาแดงก่ำของเจียงอันเฉิงจดจ้องไปที่ทั้งสอง “องค์หญิงใหญ่หรงหยางทำร้ายมารดาของพวกเจ้า!”
เจียงอีและเจียงจั้นหันมาสบตากัน ทั้งคู่เงียบงันไม่เกริ่นกล่าว
“พวกเจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่หรือไม่” เจียงอันเฉิงเท้ากำแพงพลางถาม
เจียงจั้นแย่งตอบก่อน “พวกลูกทราบเรื่องนี้ตอนที่ไปเยี่ยมท่านยายคราวนั้น ลูกกลัวว่าท่านพ่อจะรับความจริงไม่ไหว เลยโน้มน้าวพี่ใหญ่และน้องสี่ไม่ให้บอกท่านพ่อ”
ครั้นเห็นเจียงจั้นเก็บความผิดไว้กับตัว เจียงอีจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ เรื่องนี้น้องรองไม่ได้ตัดสินใจคนเดียวเจ้าค่ะ ลูกเป็นคนตัดสินใจให้ทั้งสองเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเจ้าค่ะ”
เจียงอันเฉิงชกกำแพงเข้าเต็มแรงก่อนจะถาม “ที่ซื่อเอ๋อร์ไม่ไปร่วมงานศพของป้าสะใภ้ใหญ่ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ”
ในเมื่อโหยวซื่อและองค์หญิงใหญ่หรงหยางเสียชีวิตไปแล้ว การจะบอกความจริงกับเจียงอันเฉิงคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอีกแล้ว เจียงอีชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “องค์หญิงใหญ่หรงหยางยืมมือโหยวซื่อทำร้ายท่านแม่…”
“พวกเจ้ายังกล้าปิดบังข้า!” เจียงอันเฉิงพ่นลมออกมาทางริมฝีปากสั่นเทา
มาถึงตอนนี้แล้ว เขาจะโทษลูกๆ ได้หรือ แน่นอนว่าไม่ได้
ความรู้สึกในใจตอนนี้แปรปรวนเกินจะกล่าว ความเจ็บปวดจากการเสียชีวิตของภรรยาก็ทุกข์ระทมเกินทนทาน หากเขารู้ เขาคงพุ่งปราดไปจัดการอสรพิษอย่างองค์หญิงใหญ่หรงหยางถึงจวน แต่กลายเป็นว่าชุยซวี่จัดการแทนเขาแล้ว
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความดีความชอบของซื่อเอ๋อร์
เจียงอันเฉิงลูบหน้าแล้วจู่ๆ ก็นึกถึงลูกสาวคนเล็ก