บทที่ 461 ฆาตกรอีกคนคือใคร

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ขงเบ้งทำเสียงฮึดฮัด“เขารู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรู้ ตอนนั้นมีคนส่งข้อความหาฉัน บอกว่าตอนที่พ่อแม่แกออกไปเยี่ยม รถเสียกลางคัน คนนั้นบอกว่ารู้ความคิดที่ฉันอยากฆ่าพ่อกับแม่แก เขาบอกว่าเขาจะพาพ่อแม่แกไปเส้นทางนั้น แล้วให้คนของฉันรีบไปให้เร็วที่สุด ก็เท่านี้”

นัทธีไม่พูดอะไร

ดูเหมือนว่าฆาตกรคนนั้น ขงเบ้งจะไม่รู้จักจริงๆว่าเป็นใคร

คนเดียวที่รู้ ก็มีแค่นิรุตติ์แล้ว

แต่ว่าทำไมนิรุตติ์ถึงรู้ล่ะ?

ความสงสัยจำนวนมากลอยอยู่ในหัวของนัทธี แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอีกครั้ง ทำให้ความกดอากาศรอบตัวเขาลดลง

สองสามีภรรยาขงเบ้งรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ต่างเงียบลงไม่ส่งเสียงใดๆ

สักพัก นัทธีจึงขยับริมฝีปากบางๆ“ไม่ว่าคนนั้น หรือว่าลุง ผมไม่ปล่อยไปสักคนแน่ พินัยกรรมของคุณปู่ ผมจะหามาให้ได้”

สีหน้าขงเบ้งซีดขาว กำฝ่ามือแน่นไม่พูดอะไร

นัทธีก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้ จึงหันกลับแล้วเดินไปที่หน้าประตู

ตอนที่ออกมาจากประตูทางออก เขาหันหน้าไปเล็กน้อย กำชับบอดี้การ์ดสองสามคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูว่า “มองพวกเขาไว้ มีการเคลื่อนไหวอะไรแจ้งผมทันที”

“ครับ”เหล่าบอดี้การ์ดตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

นัทธีขับรถออกไป

บอดี้การ์ดสองสามคนนี้ คือคนที่เขาตั้งใจส่งมาโดยเฉพาะ เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนที่รู้ว่าขงเบ้งคือฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่เขา ตอนนี้จึงกักบริเวณของครอบครัวขงเบ้ง

นิรุตติ์หนีไปแล้ว สองสามีภรรยาขงเบ้ง เขาจึงต้องควบคุมไว้ ไม่งั้นหลังจากหาเจอพินัยกรรมของคุณปู่แล้ว หาคนของขงเบ้งไม่เจอ ก็ไม่มีประโยชน์

ดังนั้นตั้งแต่ต้น เขาจึงกักบริเวณครอบครัวขงเบ้งไว้

“สามี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”คุณหญิงอัณณ์เห็นนัทธีไปแล้ว จึงกล้าเข้ามาถามไถ่

ขงเบ้งลูบหน้าท้องที่เจ็บ ผลักเธอออกอย่างเบื่อหน่าย “พอแล้ว เมื่อกี๊ไม่เห็นคุณจะห่วงใยผม ตอนนี้ถึงมาห่วงใย เสแสร้ง”

สีหน้าคุณหญิงอัณณ์ดูแย่เล็กน้อย“เมื่อกี๊ไม่ใช่ว่าฉัน……”

“พอแล้ว ไม่ว่าเพราะอะไร เมื่อกี๊คุณไม่ได้มาห่วงใยผมทันเวลาน่ะเป็นเรื่องจริง”ขงเบ้งตัดบทเธอ

คุณหญิงอัณณ์เบะปาก ไม่พูดจา

ขงเบ้งจับเก้าอี้แล้วนั่งลงไป มองความยุ่งเหยิงด้วยสายตาหม่นหมอง“ครอบครัวของธีรวัฒน์ เกิดมาอยู่ร่วมกันกับผมไม่ได้เลย!”

ตั้งแต่เด็กจนโต เขาต่างใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของธีรวัฒน์

ตอนเด็กๆ เพราะร่างกายของธีรวัฒน์ไม่ดี พ่อแม่จึงรักธีรวัฒน์มากกว่า และเพื่อนรักบางคน ก็ชอบธีรวัฒน์มากกว่าเขาอีก คิดว่าเขาหน้าตาไม่ดีเท่าธีรวัฒน์ ไม่ฉลาดเท่าธีรวัฒน์ และก็ไม่เชื่อฟังและรู้เรื่องเท่าธีรวัฒน์

และเพราะแบบนี้ พ่อยังกำหนดให้ธีรวัฒน์เป็นทายาทของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปอีก

เรื่องอะไรล่ะ?เขาเป็นลูกชายคนโตนะ!

พวกเขาชอบธีรวัฒน์ตั้งแต่เด็กก็พอละ แล้วเรื่องอะไรต้องเอาบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปให้ธีรวัฒน์ด้วยล่ะ เขาไม่พอใจ จึงไปถามพ่อ สุดท้ายได้มาว่า พ่อบอกเขาสู้ธีรวัฒน์ไม่ได้ บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปต้องอยู่ในเงื้อมมือของธีรวัฒน์เท่านั้นถึงจะเติบโตได้

เขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย พ่อไม่ได้เอาบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปให้เขา เรื่องอะไรยังบอกอีกว่าเขาเทียบธีรวัฒน์ไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเขาก็จะไปช่วงชิงเอง แย่งบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปมา

และที่คิดไม่ถึงก็คือ สองสามีภรรยาธีรวัฒน์ตายไป พ่อยังไม่เอาบริษัทให้เขา แต่กลับเอาให้นัทธีลูกชายของธีรวัฒน์อีก!

พอคิดถึงตรงนี้ ในดวงตาของขงเบ้งก็เต็มไปด้วยความแค้น “ไอ้แก่นั่น ตายแล้วยังน่ารำคาญอีก”

“ใช่”คุณหญิงอัณณ์ก็โกรธ “คุณว่าตอนนั้นพ่อทำลายหลักฐานพวกนั้นไป ทำไมถึงไม่ทำลายให้สิ้นซาก แต่ยังทำพินัยกรรมมาหยุดยั้งคุณอีก น่าโมโหจริงๆ”

“ใช่ น่าโมโหจริงๆ แต่ดีที่ตาแก่ก็ไม่ได้บอกร่องรอยของพินัยกรรมกับนัทธีไป”ขงเบ้งพูดด้วยเสียงหม่นหมอง

คุณหญิงอัณณ์กังวลนิดหน่อย“ถ้าสุดท้ายแล้วนัทธีหาพินัยกรรมเจอจะทำอย่างไร?ตอนนี้เขาไม่ได้จัดการพวกเรา เพราะว่าในมือยังไม่มีหลักฐาน ถ้าเขาเจอพินัยกรรม พวกเรา……”

“พอเถอะ อย่าคิดเรื่องคาดเดาอะไรพวกนี้เลย เรื่องพินัยกรรม ผมต้องหาเจอให้ได้ก่อนแน่นอน ส่วนคุณ โทรหานิรุตติ์ ถามเขาว่าคิดจะทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องบอกฆาตกรอีกคนกับนัทธีด้วย”ขงเบ้งส่ายมืออย่างหงุดหงิด

คุณหญิงอัณณ์น้อยใจ“ฉันจะติดต่อเขาอย่างไรล่ะ คุณลืมแล้วเหรอ ทุกครั้งจะเป็นเขาที่ติดต่อเราเอง พอติดต่อเสร็จ ก็เปลี่ยนเบอร์ และนิรุตติ์เด็กคนนี้คุณก็รู้ดีนี่ ไม่ได้มีความคิดไปทางเดียวกับเราเลย เด็กคนนี้มีความคิดที่ยิ่งใหญ่”

“ใช่”ขงเบ้งก็ปวดหัวเล็กน้อย

จากนั้น เขาจึงส่ายมือ“พอเถอะๆ คุณเก็บที่พื้นให้เรียบร้อยเถอะ ผมจะไปดูห้องของตาแก่ ว่ามีร่องรอยของพินัยกรรมไหม”

นัทธีไม่รู้ว่าพอตัวเองไป สองสามีภรรยาขงเบ้งพูดอะไรไป

เขากลับไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป มารุตจึงเข้ามาต้อนรับ“ประธานครับ เบอร์นั้นผมไปสืบมาแล้ว แต่ว่าเป็นหมายเลขที่ไม่ระบุชื่อ”

“ไม่ระบุชื่อ?”นัทธีขมวดคิ้ว

“ครับ เบอร์นั้นซื้อมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และยังไม่มีชื่อจริง หมายความว่า เบอร์แบบนี้ มักจะใช้ปล่อยข่าวลับๆ ใช้ได้ไม่นานก็ทิ้ง ดังนั้นผมจึงลองติดต่อฝ่ายตรงข้ามไปอีกครั้ง เบอร์นั้นเป็นเบอร์เปล่าแล้วครับ”

“ดังนั้นจึงสืบไม่ได้ว่าใครกันแน่ใช่ไหม?”นัทธีเม้มริมฝีปาก

มารุตพยักหน้า“ครับ แต่ผมติดต่อบริษัทโทรคมนาคมแล้ว ทางนั้นลองสืบค้นดู บอกว่าคนที่ซื้อซิมคือผู้หญิงคนหนึ่ง นอกจากนี้ ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”

“ผู้หญิง……”นัทธีพึมพำสองคำนี้เบาๆไปรอบหนึ่ง

หรือว่าจะเป็นหนึ่งในผู้หญิงสองคนนั้นที่ครั้งที่แล้วที่ขังวารุณีในห้องน้ำ และตีเชอรีนจนสลบ?

คิดไป นัทธีก็มองไปที่มารุต,“เรื่องของเชอรีน ทางเจ้าภาพสืบไปถึงไหนแล้ว?”

“ผมยังไม่ได้ถามครับ พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อผม น่าจะยังไม่ได้ผลอะไร”มารุตคิดแล้วตอบไป

นัทธีพยักหน้า“เดี๋ยวไปถามด้วยนะ”

“ครับ”

“คุณออกไปก่อนเถอะ”นัทธีส่ายมือ

มารุตตอบรับ แล้วหันกลับออกไป

นัทธีลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง มองเห็นวิวด้านนอก ก็จุดบุหรี่มวนหนึ่ง สูบไปหยุดไป ลมหายใจรอบๆตัวหนักอึ้ง

วันถัดมา การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง

วารุณีกับเชอรีนมาที่ห้องประชุม

ถึงได้แป๊บหนึ่ง ก็ถูกแจ้งว่าให้นางแบบและดีไซเนอร์ทุกคนไปประชุมที่ห้องประชุม

เชอรีนกับวารุณีเดินอยู่ด้วยกัน “วารุณี การประชุมนี้ มีอะไรกันแน่?”

วารุณีส่ายหน้า แสดงออกว่าไม่แน่ใจ

เชอรีนมองดูคนด้านหน้าด้านหลัง ทันใดนั้นก็คิดอะไรได้ เอื้อมไปที่ข้างหูเธอแล้วพูดเบาๆ “วารุณี เธอว่า จะเป็นไปได้ไหมเรื่องครั้งที่แล้วมีผลลัพธ์มา ถึงได้จัดประชุม?”

วารุณีหรี่ตาลง“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สรุปใช่หรือไม่ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”

“เธอพูดก็ถูก”เชอรีนพยักหน้า ไม่พูดอะไร

แป๊บเดียว ในห้องประชุมก็มีคนมานั่งเต็มไปหมด

พิธีกรเดินขึ้นมาบนเวที ดูเคร่งขรึม “ทุกคนต่างอยู่ที่นี่กันหมดแล้วใช่ไหม?”

“ไม่ค่ะ ยังเหลือเอมี่กับทิฟฟานี่”มีคนยืนขึ้นมาแล้วตอบ

พิธีกรมองที่นั่งว่างสองที่ ท่าทีนั้นดูไม่เปลี่ยนไป “พวกเธอไม่ได้มาสาย แต่เข้าคุกไปแล้ว”

คำนี้พูดออกไป ทุกคนต่างตะลึงงัน ค่อยๆถกเถียงกันขึ้นมา

วารุณีกับเชอรีนสบตากัน เหมือนแน่ใจกับการคาดเดาที่มาถึง

“ทำไมพวกเธอเข้าคุกได้?”ตอนนี้เอง มีคนถาม

พิธีกรตอบว่า“เพราะความอิจฉาของพวกเธอ ทำสิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้ เอมี่จงใจขังวารุณีไว้ที่ห้องน้ำ อยากให้วารุณีมาสาย เพราะว่าอิจฉาริษยาวารุณี เชอรีนนางแบบของวารุณีไปดูกล้องวงจรปิด อยากช่วยวารุณีออกมา คิดไม่ถึงว่ากลับถูกทิฟฟานี่นางแบบของเอมี่ตีจนสลบ และยังทำลายกล้องวงจรปิด ดีไซเนอร์กับนางแบบที่ร้ายกาจสุดๆแบบนี้ จึงปล่อยไว้ไม่ได้”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”ทุกคนพยักหน้า สื่อว่าเข้าใจ

เชอรีนตบมืออย่างมีความสุข“ดีจริงๆเลยวารุณี คนอย่างพวกเธอน่ะสมน้ำหน้าแล้ว”

วารุณีไม่พูด ขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“ทำไมเหรอวารุณี?”เชอรีนถาม