นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 376 เล่นลูกไม้อีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ทำโค้กไม่เพียงพอ ซึ่งมีไม่พอขาย
ดูแล้ว นางจะต้องไปจ้างคนมาช่วยจริงๆ แต่คนที่ไว้ใจได้ก็จ้างยากจริงๆ อย่างนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า
เวลาทำงานมักจะผ่านไปเร็วมาก ตกเย็น ร้านของพวกเขาปิดแล้ว พวกเนื้อและของอื่นๆ ขายออกไปไม่ได้ไม่น้อย นางให้คนห่อให้ รอเสี่ยวเก๋อมา จะมอบให้เขาทั้งหมด
เสี่ยวเก๋อรับไว้อย่างมีความสุข “วันนี้พวกเขาจะได้กินอิ่มอีกแล้ว”
“เงินรางวัลเจ้าเอาไปไหนหมดแล้วเล่า ทำไมไม่ซื้อเสื้อผ้าสองสามชุดให้ตัวเองล่ะ”
เมื่อได้ยินโจวกุ้ยหลานถามเขา เสี่ยวเก๋อก็ยิ้มอย่างมีความสุข “ข้าเอาไปเก็บหมดแล้ว หากพวกพี่น้องป่วยไข้ จะได้มีเงินไปเชิญหมอ ดีไม่ใช่หรือ”
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า “งั้นข้าถามเจ้าสักเรื่อง ในกลุ่มพวกเจ้ามีขอทานคนหนึ่งที่มากินข้าวร้านข้าในสองวันที่ผ่านมาหรือเปล่า”
มีขอทานคนหนึ่ง มากินข้าวที่ร้านอาหารทุกวัน ไม่ใช่ว่าเป็นพวกกินแล้วชักดาบหรือ
เสี่ยวเก๋อโมโหมากจนกระทุ้งไม้ตะพดในมือลงกับพื้น พูดด้วยความโกรธว่า “คนใดที่ไม่รู้ความกล้าทำเรื่องเสื่อมเสียกลุ่มขอทานของเราเช่นนี้กัน”
“งั้นวันพรุ่งนี้เจ้าก็พาคนมาสองสามคนเฝ้าตรงหน้าร้านข้า น่าจะได้เห็นเอง” โจวกุ้ยหลานกล่าว
เสี่ยวเก๋อตบหน้าอกตอบตกลง หยิบพวกเนื้อไก่แล้วจากไป
โจวกุ้ยหลานกลับไปที่ร้าน ไป๋ยี่เซวียนกับนักบัญชีก็คำนวณบัญชีแล้ว โจวกุ้ยหลานก็เข้าไปร่วมด้วย คำนวณเงินทั้งหมดที่หาได้ในช่วงก่อนหน้านี้ให้กระจ่าง
พวกเขาคิดรวมยอดทั้งหมด ซึ่งทำเงินไปได้ไม่น้อย
วัดต่อมา ขอทานคนนั้นมาในเวลาใกล้เที่ยง พอมาถึง ก็บอกว่าวันนี้จะสั่งชุดอาหารสำหรับสามคน
คนรับใช้คนนั้นโกรธมากจนอยากจะทุบตีเขาทันที ไม่มีสีหน้าดีๆ ให้เขาสักนิด
แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของโจวกุ้ยหลานเมื่อเช้า เขาก็ยังเขียนใบรายการอย่างฉุนเฉียว คนครัวก็กำลังทำ
ขอทานคนนั้นเดินโซซัดโซเซไปที่ประตู นั่งลงทันที และรอให้ใครสักคนนำอาหารมาส่งให้
เนื่องจากเขานั่งอยู่ตรงประตู คนไม่น้อยเมื่อมาถึงหน้าประตูก็ไม่ยอมเข้ามา หันหน้าไปร้านไก่ทอดอีกร้านแทน
พวกคนรับใช้เห็นฉากนี้ จึงโกรธมาก เมื่อก่อนนี้ล้วนเป็นการค้าของร้านพวกเขา ตอนนี้กลับหนีไปหมดแล้ว!
“โอ้ว นี่คือพี่น้องคนไหนกันเนี่ย ทำไมไม่คุ้นตาเลยเล่า”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นนอกประตู ขอทานที่หลอกกินคนนั้นจึงหันหน้าไปมอง ก็เห็นขอทานห้าหกคนยืนอยู่หน้าประตู
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดในตอนนี้สองมือกอดอก สำรวจเขาด้วยสีหน้าไม่เมตตา
คนคนนี้ ย่อมคือเสี่ยวเก๋อนั่นเอง
ขอทานที่หลอกกินคนนั้นหันหน้ากลับทันที ไม่มองพวกเขา
เสี่ยวเก๋อส่งสายตาให้ขอทานรอบตัว ขอทานน้อยเหล่านั้นก็เข้าใจ สาวเท้าเดินเข้าไป จับขอทานที่หลอกกินคนนั้นไว้ แล้วลากออกไป
ขอทานที่หลอกกินคนนั้นดิ้นรน “พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ!”
พวกขอทานน้อยไม่สนใจ ลากเขาออกจากที่นั่ง รวบตัวมายังด้านนอกร้าน แล้วโยนลงกับพื้น
ขอทานที่หลอกกินลุกขึ้นกำลังจะวิ่งหนี เสี่ยวเก๋อยกมือขึ้น ทุบไม้ตะพดในมือบนตัวเขาอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างขอทานที่หลอกกินคนนั้นล้มลงกับพื้น
เสี่ยวเก๋อพาพวกขอทานน้อยเดินวางมาดไปตรงหน้าขอทานที่หลอกกินที่กำลังหดตัวคร่ำครวญอยู่บนพื้น ย่อกายลง ประจันหน้าเขา “มันผู้ใดไม่รู้ความ กล้ามาทำลายชื่อเสียงขอทานในย่านของพวกข้าห้ะ”
ขอทานที่หลอกกินคนนั้นเงียบปาก ไม่พูดอะไรสักคำเดียว
ขอทานน้อยที่อยู่ข้างๆ เหยียบเขาร่างอย่างรุนแรง พูดด้วยความโกรธ “พวกเจ้าเห็นหรือไม่ นี่คือพี่เสี่ยวเก๋อของพวกข้า ดูแลย่านนี้ รีบเรียกว่าท่านปู่เร็วสิ!”
“ฝันไปเถอะ!”
“โอ้โห! ยังจะทะนงตัวอีก !” เสี่ยวเก๋อประหลาดใจ พยักหน้ากับคนอื่นๆ
พวกขอทานน้อยก็เตะต่อยขอทานที่หลอกกินคนนั้น ที่ข้างร้านไก่ทอดไปหนึ่งยก
“กล้าปลอมเป็นคนของพวกข้าหรือ ต้องตีเจ้าให้ตาย!” พวกขอทานตัวน้อยทั้งทุบตี และด่าทอ
ร้านไก่ทอดแห่งนี้ให้อาหารพวกเขากินทุกวัน พวกเขาซาบซึ้งในบุญคุณ คนผู้นี้กลับวิ่งมากินดื่มฟรี! ทั้งยังไม่ยอมผู้อื่นทำการค้าอีก หากไม่ตีเขาให้ตายก็ต้องขอโทษต่อพวกเนื้อไก่ที่พวกเขากินไปแล้ว!
ตรงที่กำลังทุบตีคน ก็ค่อยๆ มีคนมุงข้างๆ คนรับใช้ในร้านเห็น จึงรีบสาวเท้าวิ่ง ไปบอกเรื่องนี้กับโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานตอบเพียงว่า “ช่างพวกเขาไปเถอะ พวกเราไม่สนใจ”
พูดจบ ก็ปิดประตูไปทำงานของตัวเองต่อไป
คนรับใช้คนนั้นเกาหัว กลับร้านด้วยความงุนงง แล้วเห็นคนอื่นๆ ในร้านกำลังเฝ้าดูอยู่ข้างนอก เขาก็วิ่งไปดูความครื้นเครงอย่างชอบใจ
พวกขอทานด้านนอกนั้นทุบตีขอทานที่หลอกกินจนล้มลงกับพื้นตัวสั่นเทา ถึงได้หยุดมือ
“คราวหน้าถ้ายังปลอมเป็นพวกข้ากินแล้วชักดาบอีก พวกข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ไสหัวไป!” เสี่ยวเก๋อตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
ขอทานที่หลอกกินที่ขดตัวอยู่กับพื้น ฝืนลุกขึ้นจากพื้น พิงกำแพง แล้วค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
เมื่อเห็นเขาเจ็บหนักแล้ว พวกขอทานั้นถึงได้แยกย้ายไป
เรื่องนี้ถูกแพร่กระจายโดยคนรอบข้าง และชื่อร้านของพวกเขาก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง
เมื่อไม่มีขอทานที่ชอบก่อกวนนี้ การค้าของร้านก็ค่อยๆ ดีขึ้น และลูกค้าบางคนจากร้านไก่ทอดนั้นก็กลับมา
พอถูกถามเหตุผล ก็บอกว่าไก่ทอดร้านนั้นไม่อร่อย ฝืดคอมาก แม้ว่าจะถูกกว่าหน่อย แต่พวกเขาไม่อยากทนทรมาน
การค้า ค่อยๆ ฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
คนรับใช้ในร้านก็มีความสุข ทำงานอย่างขยันขันแข็งยิ่งขึ้น
เห็นบรรยากาศเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานไม่ได้พูดอะไรมาก ทำงานของตัวเองต่อไป
พวกคนรับใช้ในร้าน ต่างยกยอนางจนตัวลอย กล่าวว่านางสุดยอดขนาดไหน และน่าทึ่งพียงใด
โจวกุ้ยหลานได้ยินก็จนปัญญา ร้านไก่ทอดข้างๆ รสชาติใช้ไม่ได้ แล้วเกี่ยวอันใดกับนางเล่า
แต่นางไม่มีเวลาว่างพอจะไปโต้แย้งคำพูดเหล่านี้ จึงจัดการเรื่องของตัวเองต่อไป
แต่วันที่สงบสุขนี้ผ่านไปได้ไม่นาน โค้กก็ขายไม่ออกอีก
ในตอนแรกยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่นางรู้สึกค่อยๆ ผ่อนคลายมากขึ้น จนต่อมา กลับยังมีโค้กเหลืออยู่ นางจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อตกคืนวันนั้น เสี่ยวเก๋อมาเอาอาหาร แล้วกำลังหันกลับไป ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมา เร่งฝีเท้าไปข้างกายโจวกุ้ยหลาน ราวกับว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว กล่าวว่า “เถ้าแก่โจว ตอนนี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือเกี่ยวกับพวกเจ้าไม่ค่อยดี…”
“มีอะไรหรือ”
เสี่ยวเก๋อไม่ปิดบังอีก และพูดตรงๆ “มีคนไม่น้อยบอกว่ากระป๋องโค้กของพวกเจ้าล้วนไม่สะอาด หากกินแล้วจะป่วยไข้”
โจวกุ้ยหลานกัดริมฝีปาก
“ข้าเพียงพลั้งปากไป…เจ้า…เจ้าไม่ต้องใส่ใจ…” เสี่ยวเก๋อกลัวว่านางจะไม่สบายใจ รีบอธิบาย
“เปล่าหรอก ข้าเพียงกำลังคิดว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปได้อย่างไร ยังต้องขอบคุณเจ้า ข้าแค่จะบอกว่าการค้าช่วงนี้เปลี่ยนมาแย่อีกแล้ว”
โจวกุ้ยหลานปลอบเขา
เสี่ยวเก๋อพินิจอารมณ์โจวกุ้ยหลานอย่างละเอียด เห็นนางไม่ได้โทษเขาจริงๆ ความหวาดวิตกในใจเหล่านั้นก็ถูกปัดทิ้งไป จึงหยิบของ แล้วจากไปอย่างสบายใจ