บทที่ 483 นายและบ่าว
บทที่ 483 นายและบ่าว
พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาถึงสิ้นปี แม้ว่าหลินซือจะอยู่ในจวนแม่ทัพเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มักจะตามเหยาซูไปทำงานและเรียนรู้เพิ่มเติม ทำให้พอสงบจิตสงบใจได้บ้าง
พิธีปักปิ่นผมเมื่อปีก่อน นางเป็นเด็กสาวเพียงคนเดียวของจวนแม่ทัพ เจตนารมณ์ของหลินเหราและเหยาซูคือต้องจัดพิธีการใหญ่โต เทียบเชิญถูกส่งไปแล้วกว่าครึ่งเมือง
หิมะในฤดูหนาวปีนี้ตกหนักกว่าทุกปี ตั้งแต่เดือนหนึ่งถึงเดือนสิบสอง ทั่วทุกหนแห่งกลายเป็นจุดชมวิวหิมะที่งดงาม
ปีนี้หิมะอุดมสมบูรณ์ ช่วงนี้ในราชสำนักค่อนข้างสงบ องค์จักรพรรดิก็ทรงอารมณ์ดี ถึงขั้นถามไถ่ถึงเรื่องที่หลินซือจะเข้าพิธีขึ้นปิ่นปักผม ทั้งยังพระราชทานของบำเหน็จให้อีกไม่น้อย
ช่างตรงข้ามกับท่าทางเบิกบานใจของเหล่าขุนนางในราชสำนักก่อนหน้านั้น ตำหนักตะวันออกขนาดใหญ่ก็เงียบเหงาไปทั่วทุกพื้นที่
องค์รัชทายาทยังถูกกังบริเวณอยู่เวลาหนึ่ง ทุกครัวเรือนจะต้องกลับไปเยี่ยมครอบครัวในวันปีใหม่ แต่ปีนี้กลับไม่เห็นเช่นนั้นแล้ว แม้แต่ในวังก็ไม่มีบรรยากาศของการเฉลิมฉลองปีใหม่แต่อย่างใด
“ฝ่าบาท จะเสด็จไปจริง ๆ หรือ?”
เซี่ยเซินยืนอยู่หน้าห้องหนังสือของวังหลวงที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษให้เซี่ยเชียน เขากำลังมององค์รัชทายาทด้วยความเป็นกังวล
องค์รัชทายาทเปิดเทียบเชิญที่แย่งมาได้จากในมือของเซี่ยเซิน “ไปแน่นอนสิ ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าได้หรือไม่ได้?”
“แต่ แต่ ข้าคิดว่าท่านปู่คงไม่เห็นด้วย” เซี่ยเซินมองไปยังประตูห้องหนังสือที่ยังปิดสนิทตรงหน้า “อีกอย่างแม้ว่าท่านปู่จะเห็นด้วย แต่ก็ยังมีด่านขององค์จักรพรรดิ ตอนนี้ฝ่าบาทยังถูกกังขัง เหตุใดถึงได้ทรงกล้าหาญชาญชัยไปเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของพี่สาวข้าเล่า? พี่สาวข้าเองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ส่งเทียบเชิญถึงฝ่าบาท”
องค์รัชทายาทรู้ว่าเรื่องนี้จัดการได้ยาก ตัวเองต่างก็อดทนมานานเพียงนี้ สมควรที่จะอดทนต่อไป
ครั้นถึงวันปีใหม่ ตัวเองจะถูกขังอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน หากประพฤติตัวดีขึ้น เวลาในการถูกกักขังอาจจะร่นระยะลงโดยไม่ต้องออกแรงอะไร
แต่เมื่อเห็นเทียบเชิญอันประณีตในมือ องค์รัชทายาทได้แต่กัดฟันแน่นอย่างไม่สบอารมณ์
นี่เป็นเทียบเชิญพิธีปักปิ่นผมของหลินซือ ถึงครานั้นไม่เพียงแต่เจี่ยงเถิง แม้แต่บุรุษผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือและยิ่งใหญ่ในอำนาจจากตระกูลขุนนางมากมายจะต้องได้เข้าร่วมพิธีนี้แน่นอน
ตัวเองไม่ได้เจอหลินซือหลายเดือนแล้ว ถ้าไม่ปรากฏตัวในงานนี้อีก หลินซืออาจจะลืมตนไปแล้วจริง ๆ ก็ได้
“เจ้ารออยู่หน้าประตู ข้าจะลองเข้าไป” องค์รัชทายาทสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวกับเซี่ยเซิน
“ช้าก่อน ฝ่าบาท!” เซี่ยเซินกล่าวห้ามเสียงเบา แต่องค์รัชทายาทได้ตัดสินใจเคาะประตูห้องไปแล้ว
“ท่านราชครู ข้าเอง” องค์รัชทายาทกล่าวเสียงเข้ม
“เข้ามา” เสียงเรียบเฉยของเซี่ยเชียนดังกังวานออกมา
องค์รัชทายาทมองไปทางเซี่ยเซินเป็นครั้งสุดท้าย แล้วผลักประตูเข้าไป
“องค์รัชทายาทมีปัญหาที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับตำราเรียนใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ขณะที่เซี่ยเชียนถามคำถามนี้ ตัวเขานั้นกำลังเปรียบเทียบตำราสองเล่มในมืออยู่ข้างตู้หนังสือ
องค์รัชทายาทชำเลืองมองแวบหนึ่ง พบว่าเป็นตำราที่เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองถามก่อนหน้านั้น เซี่ยเชียนกำลังเลือกว่าเล่มไหนเหมาะสมกับตัวเองยิ่งกว่า องค์รัชทายาทรู้สึกว่ายากจะเอื้อนเอ่ย
“ท่านราชครู” เสียงขององค์รัชทายาทแหบแห้งเล็กน้อย “ท่านอนุญาตให้ข้าหยุดเรียนสักวันได้หรือไม่ขอรับ?”
การกระทำในมือของเซี่ยเชียนหยุดชะงักลง จากนั้นก็ค่อย ๆ วางตำราสองเล่มนั้นลงตำแหน่งเดิม แล้วเดินมาตรงหน้าขององค์รัชทายาท ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาททรงประชวรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เปล่าขอรับ” องค์รัชทายาทกำเทียบเชิญใต้แขนเสื้อแน่น “ใช่ ข้าอยากไปร่วมพิธีปักปิ่นของอาซือขอรับ”
เซี่ยเชียนขมวดคิ้วแน่น แล้วกล่าวเสียงเคร่งขรึมมากกว่าเดิม “ฝ่าบาท ตอนนี้ฝ่าบาทยังถูกกักบริเวณอยู่ในวังนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทก้มหน้าโดยไม่ส่งเสียงใด เขายืนอยู่เช่นนั้น แสดงความดื้อรั้นอย่างชัดเจน
“เชิญเสด็จกลับเถิด ฝ่าบาท” เซี่ยเชียนทอดถอนใจ “ตอนนี้ในราชสำนักกำลังเพ่งเล็งฝ่าบาท องค์จักรพรรดิทรงแบกรับความกดดันมหาศาลแทนฝ่าบาท ฝ่าบาทคิดว่าการที่ตัวเองออกไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ มันเหมาะสมแล้วเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์รัชทายาทอ้าปาก สุดท้ายก็ไม่พูดสิ่งใด นอกจากถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
เซี่ยเชียนมองไปยังไหล่ที่ห่อเข้าหาตัวอย่างผิดหวังขององค์รัชทายาท ในใจก็พลันหวั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ครั้นเห็นองค์รัชทายาทเดินคอตกออกมา เซี่ยเซินก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่สำเร็จอย่างที่คิดไว้ เขารู้จักนิสัยของท่านปู่ดี คำขอร้องนี้ไม่ต้องถามก็รู้ว่าต้องถูกปฏิเสธกลับมา
“ฝ่าบาท…”
เซี่ยเซินเดินมาอยู่ข้างกายขององค์รัชทายาท แล้วกล่าวปลอบใจ “ไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร พิธีขึ้นปักปิ่นของพี่สาวข้าต้องยุ่งมากแน่นอน ไม่แน่ว่าหากได้เจอกัน อาจจะไม่กล้ากราบทูลเชิญท่านก็ได้ วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในวัง ยามนั้นทุกคนได้สนุกสนาน ฝ่าบาทอาจจะได้เจอกับพี่สาวข้าก็ได้”
“จริงสิ ฝ่าบาทจะให้ของขวัญอะไร ข้าจะช่วยนำไปส่งแทนฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเซินบ่นพึมพำกับองค์รัชทายาท แต่องค์รัชทายาทกลับเงียบงัน เซี่ยเซินจึงค่อย ๆ ปิดปากลง ทั้งสองคนเงียบกันไปจนถึงห้องหนังสือขององค์รัชทายาท จากนั้นเซี่ยเซินก็โพล่งออกไปว่า “จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องคุยกับท่านปู่ ขอตัวลานะพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเซินวิ่งอย่างเหนื่อยหอบไปยังประตูห้องหนังสือของเซี่ยเชียน เคาะประตูอยู่นานแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เขารู้สึกแปลกใจ จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง
แต่ภายในกลับว่างเปล่า
เซี่ยเซินเกาศีรษะ ไม่ง่ายเลยที่เขาจะรวบรวมความกล้ามาขอร้องให้กับองค์รัชทายาท แต่ท่านปู่กลับไม่รู้ไปไหนเสียอย่างนั้น?
เซี่ยเชียนอยู่ในห้องทรงอักษร
“องค์จักรพรรดิ เป็นเช่นนี้” เซี่ยเชียนนำเรื่องที่องค์รัชทายาททรงเสด็จมาหาตนด้วยตัวเองกราบทูลจักรพรรดิอย่างละเอียดถี่ถ้วน
องค์จักรพรรดิชำเลืองมองไปยังเซี่ยเชียนแวบหนึ่ง “ขุนนางเซี่ย เรื่องนี้เจ้าทำดีแล้ว เจ้ามีสิทธิ์ในการจัดการอย่างเต็มที่ แต่เจ้านำเรื่องนี้มาบอกข้าหมายความว่าอย่างไร?”
“องค์จักรพรรดิ” เซี่ยเชียนแสดงท่าทีลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “กระหม่อมคิดว่า องค์รัชทายาทอาจมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อหลินซือก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิเงียบลง เรื่องนี้ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิด แต่กลับมองข้ามมาโดยตลอด ความจริงแล้ว สำหรับองค์รัชทายาท ถ้าสามารถสู่ขอหลานสาวของจวนแม่ทัพได้ อนาคตของเขาอาจจะนำมาซึ่งผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ แต่อายุของพวกเขาสองคนไม่เหมาะสมกัน อีกทั้งดูจากนิสัยของหลินเหราแล้ว ต้องไม่ยอมให้ลูกสาวของตัวเองเข้าวังอย่างแน่นอน
“แต่เท่าที่ดู หลินซือมีคนในใจแล้ว ถ้าฝ่าบาทจะเสด็จไปความจริงมันก็ไม่มีปัญหา บางทีอาจจะยกเลิกความคิดที่ไม่มีวันเป็นไปได้นี้ได้พ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยเชียนกล่าว
“แต่องค์รัชทายาทยังถูกกักบริเวณ”
“ดังนั้นคงออกไปแบบเปิดเผยตัวไม่ได้แน่นอน” เซี่ยเชียนรีบทราบทูลต่อ
นายและบ่าวตามสองคนสบตากัน ก็รู้ความหมายของอีกฝ่าย
จักรพรรดิทรงทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า “ขุนนางเซี่ย ทำตามเจตนารมณ์ของเจ้าเถิด”
เซี่ยเชียนน้อมรับคำสั่ง เตรียมจะถอยออกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งไว้
“ขุนนางเซี่ย ข้าคิดว่าเจ้าดูเหมือนจะใส่ใจต่อองค์รัชทายาทเป็นพิเศษ” พระองค์เดินมาข้างกายเซี่ยเชียน “เดิมทีข้าให้เจ้ารับหน้าที่เป็นราชครู นอกจากความสามารถของตัวเจ้าแล้ว ก็ยังอยากให้เจ้ากับองค์รัชทายาทไปมาหาสู่กัน เผื่อว่าครั้นข้าลาจากโลกไปร้อยปีนิสัยของเจ้าจะยังสร้างความขุ่นเคืองใจให้แก่จักรพรรดิองค์ใหม่ แต่ดูจากตอนนี้มันน่าจะได้ผลนัก” เซี่ยเชียนรอให้จักรพรรดิตรัสจบอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างสุภาพแล้วถอยออกไป
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นจักรพรรดิกับขุนนางเซี่ยแบบนี้ แต่จริงๆ ก็ใจดีกับองค์รัชทายาทนะคะ มีหาทางให้ด้วย
ไหหม่า(海馬)