บทที่ 521 ข้ากำลังรอให้ท่านจดจำข้าได้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 521 ข้ากำลังรอให้ท่านจดจำข้าได้

แต่เพื่อคุณหนู ทันทีที่สะสางเรื่องของทุ่งดอกกระดูกขาวแล้ว รีบมาที่ทะเลทรายโดยตรงโดยไม่สนใจร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ก็เพื่อจะพบกับคุณหนูในเร็ววัน……

เจ้านายจะต้องหาคุณหนูเจอเป็นแน่ จะต้องแน่ๆ!

เขาก็หวังว่าคุณหนูจะปลอดภัยไร้กังวล!

ภายในพระราชวังเหลืองทองอร่ามงดงาม โดยรอบแผ่กระจายแสงสีทองสว่างโชติช่วง แม้แต่กำแพงก็ล้วนทำด้วยทองคำ

กลางพระราชวัง วางเตียงขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่ทำด้วยทองคำ ภายใต้ความแวววาว แสงทองระยิบระยับ แพรวพราวจับตา

บนเตียง หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังหลับสนิท โดยบนร่างของนางปกคลุมด้วยผ้าห่มผืนบางๆ ทั้งๆที่ทุกอย่างล้วนหรูหราเป็นที่สุด แต่หญิงสาวกลับนอนกระสับกระส่ายเป็นที่สุด

บนหน้าผากผุดเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กละเอียด คิ้วขมวดแน่น ริมฝีปากสีแดงเม้มขึ้น

เห็นได้ชัดว่านางตกอยู่ในฝันร้าย

ข้างหน้าเป็นโอเอซิสผืนหนึ่งขนาดเท่ากับสนามบาสเกตบอลเช่นนั้น มันไม่ใช่ภาพลวงตา แต่คือคงอยู่จริง เป็นความหวังของการดำรงชีวิตของพวกเขาทั้งกลุ่มสี่คน

ส้งเย่นกุยพาพวกเขาหาโอเอซิสพบแล้วจริงๆ!

พวกเขาขาดน้ำอย่างรุนแรง ในใจเต็มไปด้วยความดีใจอย่างเหลือล้น แต่ละคนใช้กำลังทั้งหมดของร่างกายวิ่งไปทางน้ำใสของโอเอซิส

ใกล้แล้ว……

ยิ่งใกล้แล้ว…….

“อ้า……”

มีคนตกลงไปในทรายดูด หนึ่งคนตามด้วยอีกหนึ่งคน และเดิมทีทรายสีเหลือใต้เท้าของนางที่มั่นคง เปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มในพริบตา ขณะที่สังเกต ร่างทั้งร่างก็ตกลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ก่อนที่จะถูกทรายสีเหลือดูดกลืน……

นางมองเห็นส้งเย่นกุย ยืนอยู่ด้านหน้าของนาง ร้องเรียกนางเบาๆเสียงหนึ่ง : “เจ้านาย อย่ากลัวขอรับ!”

แล้วปล่อยให้ตัวเองตกลงเข้าไปท่ามกลางทรายดูดอย่างไม่สะทกสะท้านรีบเร่ง

ถูกทรายสีเหลือดูดกลืนอีกครั้ง นางไม่ได้เหมือนกับครั้งแรกที่ถูกลมพายุทะเลทรายม้วนเข้าไปในทรายสีเหลืองเช่นนั้น รู้สึกหวาดกลัว กลับเป็นเพราะคำพูดหนึ่งคำว่าอย่ากลัวของส้งเย่นกุย ทำให้นางรู้สึกวางใจ

เหมือนกับว่ายอมรับแล้วว่าแม้จะถูกทรายสีเหลือดูดกลืน ก็ราวกับว่าจะไม่ตาย

ก่อนที่สลบไร้สติ นางคิดถึงเย่แจ๋หยิ่ง เหมือนกับเห็นว่าเขาขี่เล่หก พาสวนหยู่ของนางวิ่งพุ่งมาทางนาง……

ชั่วพริบตาที่ตกใจฟื้น หลานเยาเยาลุกขึ้นนั่งบนเตียงสีทองทันที

ความรู้สึกยังมีความเลือนรางเล็กน้อย กำแพงสีทองสว่างไสวดึงดูดความสนใจของนางในทันที ไม่ไหวติง อีกทั้งยิ่งเบิกตากว้างขึ้นเรื่อย……

เป็นความจริงทั้งหมด?

มองดูแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แต่มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก นางตะลึงงันอยู่นาน จากนั้นมองดูเก้าอี้สีทองตัวหนึ่งข้างเตียง แววตาเปล่งประกายในพริบตา พุ่งออกไปทันที กัดอย่างแรงทีหนึ่ง

กัดไม่ลง……

เป็นทองคำจริงๆด้วยแหนะ!

ต่อจากนั้นจึงตระหนักและพบว่า ไม่เพียงแค่กำแพงเก้าอี้เตียง สิ่งของแทบจะทุกอย่างที่นี่ ล้วนทำจากทอง

ชั่งสุดยอดเกินไปแล้ว!

บนเก้าอี้มีถ้วยหนึ่งถ้วย ในถ้วยมีของเหลวที่ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใดรู้สึกคุ้นเคยและทั้งไม่คุ้นเคย ยกถ้วยขึ้นวางที่ปลายจมูกแล้วดม หลังจากที่นางดื่มมันจนหมดด้วยความเหลือเชื่อ

ตะลึงงันอีกครั้งแล้ว!

เป็นน้ำปรโลก……

มีเพียงระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนางจึงจะมีของ ทำไมถึงได้ปรากฏอยู่ที่นี่ หรือว่าระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเริ่มทำงานแล้ว?

ระหว่างที่ตื่นเต้นดีใจ นางใช้ความคิดตรวจสอบระบบนิดหน่อย

กลับพบด้วยความผิดหวัง ระบบยังคงปิดตัวเองอยู่

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

คงไม่ได้ตกอยู่ในกลลวงของผู้อื่นอีก สูดดมของหลอนประสาท กำลังตกอยู่ในความฝันของคนอื่นอยู่หรอกนะ?

ด้วยเหตุนี้!

นางออกแรงหยิกตัวเองทีหนึ่ง

“ซื่อ……” เจ็บจัง! ไม่ใช่ดินแดนแห่งความเพ้อฝัน? หรือว่าเป็นเหมือนหมู่บ้านฝันฮั๋ว

เป็นยาหลอนประสาทที่นางไม่รู้จัก?

รู้สึกเหมือนความจริงเช่นนั้น?

กำลังคิดจะลงจากเตียง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วมา จากไกลจนใกล้ ไม่เชื่องช้า เดินมาทางนางทีละก้าวทีละก้าว

ชุดเรียบๆทั้งตัว ลักษณะของปัญญาชน ส้งเย่นกุยที่ระหว่างคิ้วความมีความอ่อนเยาว์และหยิ่งทะนงเดินมาทางนาง ในมือยกถาดที่ทำจากทองคำ

บนถาดมีจานทองสองใบ ใบหนึ่งใส่ไว้เป็นมันไขมันน้อยพอเหมาะ กระจายกลิ่นหอมของขาหมูที่ยั่วยวนคน ใบหนึ่งใส่ไว้มีความมันวาวยั่วคน คุณภาพหนังน่องไก่เหลืองทอง

“โครกคราก……”

กลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ดวงตาจับจ้องตรงของในจาน

สำหรับนักกินผู้หนึ่งแล้ว ตอนนี้ให้นางที่หิวจนจะบ้าเห็นอาหารสองอย่างนี้ เป็นการโจมตีถึงชีวิตจริงๆ

ดูเหมือนว่าจะเข้าใจเจตนาของนาง

ฝีเท้าของส้งเย่นกุยเร็วขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายสองเท้าก็พ้นจากพื้นโดยตรง เหาะมาถึงข้างกายของนาง เอาขาหมูและน่องไก่ยื่นให้นาง

หลานเยาเยาหยิบขาหมูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกินไปคำหนึ่ง

แต่ก็เพียงแค่คำหนึ่ง นางก็หยุดลงแล้ว มองส้งเย่นกุยด้วยแววตาที่ซับซ้อน เปิดปากกล่าวพึมพำ :

“เจ้าเคยไปที่เมืองหลวง?”

ส้งเย่นกุยส่ายศีรษะ ไม่พูด

“เช่นนั้นทำไมถึงได้มีขาหมูและน่องไก่ที่เป็นรสชาติของเมืองหลวง?” นี่เห็นได้ชัดว่าก่อนที่นางจะออกจากเหมืองหลวง ตั้งใจตระเตรียมเก็บไว้ในช่องว่างที่ระบบรักษา

เขาไม่ได้พูด ในแววตาค่อนข้างหดหู่ จากนั้นก็หัวเราะเบาๆทันที เอาขาหมูและน่องไก่ยื่นไปด้านหน้าของนางอีกครั้ง

“กินเถอะขอรับ! พวกเขาล้วนไม่เป็นไร เพียงแค่ยังไม่ฟื้น คาดว่าก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาในเวลาอันสั้น เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ปรับตัวอย่างเหมาะสมกับสนามแม่เหล็กและสภาพแวดล้อมของที่นี่ขอรับ”

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาเบิกตาโพลงทันที เพ่งมองเขา

“เจ้ามาจากปัจจุบัน? เหมือนกับข้า?”

ส้งเย่นกุยนิ่งเงียบไม่พูดในพริบตา แล้วกำชับให้นางกินมากๆอีกหน่อย ยังมีอีกมากมาย ก่อนจากไปก็พูดประโยคแปลกๆ:

“ข้ากำลังรอให้ท่านจำข้าได้ เขาก็กำลังรอท่าน”

“รอก่อน ข้าเคยสูญเสียความทรงจำ? หรือว่า ที่เจ้าบอกว่าเขาผู้นั้นคือใคร?”

ที่ตอบนางเป็นความเงียบไร้เสียง ส้งเย่นกุยไม่ได้ให้คำตอบนาง กลับทำให้นางยิ่งสับสนขึ้นเรื่อยๆแล้ว

มั่วแล้วมั่วแล้ว รู้สึกว่าทั้งหมดมั่วซั่วหมดแล้ว

หรือว่ายังมีโครงเรื่องการสูญเสียความทรงจำที่น่าเหลือเชื่ออีก?

แต่ว่า……

นอกจากที่นางได้กินยาถอนพิษหนอนพิษกู่แล้ว นอกเหนือจากการสูญเสียความทรงจำชั่วคราวแล้ว ยังรู้ว่านั่นเป็นเพียงผลข้างเคียงหลังจากกินยาถอนพิษหนอนพิษกู่ อย่างช้าที่สุดจะหายในเวลาสองสามปี

นอกจากนี้แล้ว ชีวิตของนางก็สมบูรณ์แบบ และไม่ได้สูญเสียความทรงจำนี่!

แต่ทว่า ทำให้หลานเยาเยารู้สึกย่ำแย่เล็กน้อยคือ หลังจากที่นางกินอิ่มแล้ว ไปเดินรอบนอกพระราชวังรอบหนึ่ง ทั้งหมดล้วนทำด้วยทองคำ อีกทั้งที่นี่ก็คือพระราชวังที่ทำด้วยทองคำแห่งหนึ่ง

ทั้งๆที่นางไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่เพียงแค่สัมผัสสิ่งของ ทันใดนั้นทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยแบบปั้นน้ำเป็นตัวเช่นนั้น

จนกระทั่งนางอยู่ในศาลาของพระราชอุทยาน ส้งเย่นกุยส่งพิณตัวหนึ่งมาให้นาง เป็นพิณกู่ฉินจื่อหลิงที่นางเก็บไว้ในระบบพอดี และก็คือจิ่วเซียวหวงเพ่ย

“เจ้าเจ้าเจ้าเจ้า……ทำไมเจ้าถึงมีของของข้า? หรือว่าระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของข้าเคลื่อนย้ายไปบนร่างของเจ้าแล้ว?”

เป็นไปไม่ได้นี่!

นางยังสามารถสัมผัสได้ถึงความคงอยู่ของระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ คงไม่ได้เป็นการใช้ร่วมกันแล้วหรอกนะ?

แต่แม้ว่าจะเป็นการใช้ร่วมกัน ทำไมเขาจึงสามารถหยิบของจากในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่นางกลับไม่สามารถ?

ด้วยเหตุนี้ รีบปัดตกวิธีคิดนี้ทันที

ได้ยินดังนั้น!

ส้งเย่นกุยส่ายหัวเล็กน้อย และไม่ได้พูดมาก แถมยังเอาจิ่วเซียวหวงเพ่ยวางบนโต๊ะทองคำ น้ำเสียงดั่งเช่นปกติ

“ลองดูขอรับ?”

“สามารถมองเห็นภาพลวงตา?” นางลองถามหยั่งเชิง

“อาจจะสามารถขอรับ”

เอ่อ……

อะไรเรียกว่าอาจจะสามารถนะ! เห็นได้ชัดว่าสามารถทำได้ อีกทั้งนางได้พบเห็นแล้วหลายครั้ง

จู่ๆนางก็มีความคิดที่เฉียบแหลมกะทันหัน ปริปากถาม :

“เป็นไปได้ว่าจิ่วเซียวหวงเพ่ยเป็นพิณโบราณพันปีอันหนึ่ง เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ก็เหมือนกับว่าวัตถุทางจิตวิญญาณที่อยู่ในมือของผู้ที่บำเพ็ญตบะเช่นนั้น?”

เดิมทียังมีความหวังเล็กน้อย อย่างไรเสีย จิ่วเซียวหวงเพ่ยทำให้นางมองเห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองและความทรุดโทรมของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ กับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมหาศาล

แต่ว่า!

ส้งเย่นกุยกลับส่ายศีรษะ ทำให้จินตนาการที่ค่อนข้างน่าตื่นเต้นของนางแตกเป็นชิ้นๆ

“มันเป็นพิณโบราณอายุพันปีตัวหนึ่งจริง แต่นอกจากฝีมือประณีต คุณภาพดีเยี่ยมสามารถเก็บรักษาได้เป็นพันหมื่นปีแล้ว ก็ไม่มีจิตวิญญาณหรือเต็มไปด้วยสีสันของเซียนจอมยุทธขอรับ”

“เช่นนั้นทำไมถึงสามารถทำให้ข้าเกิดภาพหลอนได้?” หลานเยาเยาขมวดคิ้ว

“ท่านคือหมอที่เก่งที่สุดอย่างไร้คู่แข่งของจักรวาล อันนี้ยังต้องถามข้าอีกหรือขอรับ?”

“……”

ประโยคนี้ค่อนข้างคุ้นหูอย่างอธิบายไม่ถูก……