ตอนที่ 369 แน่ใจหรือว่าต้องการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในคราวนี้ (1)
นางไม่ได้กล่าวหรือว่านางจะไปบอกพวกนางก่อน? แต่ไฉนนางถึงเรียกน้องสาวสองคนที่ชอบแอบฟังมาด้วย? เหนือเกาะซานเซียน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมองไปที่ศิษย์น้องหญิงทั้งสามพี่น้องที่มีชื่อเสียงและดุร้ายของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยและลังเลในใจ
เขาเพียงแค่อยากให้อวิ๋นเซียวไปด้วยเท่านั้น
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูรู้ดีว่า ฉยงเซียวและปี้เซียวชอบเล่นแผลงๆไปทั่ว …
อวิ๋นเซียวกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ศิษย์พี่เสวียนตู น้องสาวทั้งสองของข้าก็อยากไปดูที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วไยเราไม่พาพวกนางไปด้วยเล่าเจ้าคะ?”
เขารู้ชัดว่าอวิ๋นเซียวเองก็กระดากเล็กน้อย นางก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยทนต่อคำขอร้องของเด็กสาวทั้งสองไม่ได้
“ศิษย์พี่เสวียนตู ไม่ต้องเป็นห่วง!” ฉยงเซียวรีบกล่าวว่า “น้องสี่และข้าจะไม่ก่อปัญหาเด็ดขาด เราจะเพียงแค่แอบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับและเฝ้าดูเท่านั้นเจ้าค่ะ พวกเราเพียงแค่สงสัยเท่านั้น จึงอยากดูว่าเป็นศิษย์เช่นใดกันที่สามารถทำให้ศิษย์พี่เสวียนตูต้องเป็นห่วงได้เจ้าค่ะ”
ปี้เซียวที่อยู่ด้านข้างก็ทำตัวดีและพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตาโตของนางฉายแววคาดหวังเล็กน้อย
…
“ก็ได้”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแย้มยิ้มและตอบกลับ เขาไม่กลัวว่าทั้งสองคนจะก่อปัญหาต่อหน้าเขา
“เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันก่อน อย่าให้เขารอนานเลย”
ในขณะนั้น พลังหยินและหยางโคจรอยู่ในฝ่ามือของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู และทันใดนั้นก็มีกลุ่มหมอกควันปรากฏขึ้นรอบกายเขา
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูไพล่มือซ้ายไว้ข้างหลัง และผายมือขวา ทำท่าทางเชื้อเชิญ จากนั้น เขาจึงเป็นผู้ก้าวนำเข้าไปในหมอกควันนี้
ร่างของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หายไป แต่หมอกควันยังคงอยู่ที่นั่น
นี่ไม่ใช่แค่พลังเวทเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังของแผนภาพไท่จี๋อีกด้วย
ขณะที่ฉยงเซียวและปี้เซียวกำลังจะก้าวไปข้างหน้า อวิ๋นเซียวก็ทำท่าทางให้พวกนางรอแล้วก้าวเข้าไปในหมอกควันก่อนและพบว่าไม่มีอะไรผิดแปลกแตกต่างกัน มันเป็นเพียงแค่เส้นทางผ่านฟ้าดิน จึงปล่อยให้ทั้งสองพี่น้องตามเข้ามา
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหัวเราะเบา ๆ และหมอกควันก็สลายอย่างรวดเร็ว และหายไปจากเกาะซานเซียน
ในเวลาเดียวกันนั้น หมอกควันนี้ก็มาปรากฏขึ้นเงียบ ๆ เหนือภูเขารกร้างที่หลี่ฉางโซ่วเลือกจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ และร่างทั้งสี่ร่างก็บินออกมาจากหมอกควันนั้น
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ พวกเขาสังเกตเห็นพลังอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ที่กำลังรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า!
บัดนี้ ทัณฑ์สวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว?
ทั้งสี่คนต่างอยากจะย้ายออกไปจากสถานที่นี้โดยไม่รู้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงทัณฑ์จากสวรรค์ที่ไร้เหตุผล แต่แล้ว พวกเขาก็สังเกตเห็นความผันผวนของอักขระเต๋าลึกลับบางอย่างก่อนจะมองไปที่ค่ายกลใหญ่บนภูเขารกร้างด้านล่าง
ทั้งสี่คนนี้ คนหนึ่งคือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ศิษย์เพียงคนเดียวของไท่ชิง หรือเหล่าจื้อ และยังเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าอีกด้วย
ส่วนอีกสามคนในหมู่พวกเขา ก็เป็นคนโหดร้ายที่มีชื่อเสียงลือลั่นในโลกบรรพกาลที่เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ ทงเทียนเจี้ยวจู่ และเป็นหนึ่งในสี่ศิษย์ชั้นนอกคนสำคัญของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เทพธิดาซานเซียว…
ค่ายกลเดี่ยวที่หลี่ฉางโซ่วจัดวางเอาไว้ที่นี่ แม้จะต้านทานการตรวจจับของเซียนจินได้ แต่ก็ไม่อาจปิดบังสายตาของคนทั้งสี่ได้
เมื่อพวกเขาตรวจพบ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ขมวดคิ้วในขณะที่อวิ๋นเซียวอดจะประหลาดใจ ไม่ได้ ส่วนปี้เซียวและฉยงเซียวต่างก็กะพริบตา…
ในรอยแยกที่ไม่เด่นสะดุดตาที่อยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่นั้น มีผู้ฝึกบำเพ็ญหนุ่มที่กำลังจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในขณะนี้ ถือกระบี่สีทองอยู่ในมือของเขา และฟาดมันลงบนหน้าผากของเขา!
อวิ๋นเซียวเกือบจะโพล่งออกมาว่า “วิธีตัดเต๋า?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูรีบเคลื่อนไหวเร็วขึ้น แล้วร่างเขาก็หายไปพร้อมกับส่ายหน้าและไปปรากฏกายในค่ายกลใหญ่ด้านล่างทันที!
ด้วยกลัวว่าจะเผลอทำร้ายหลี่ฉางโซ่ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงไม่กล้าลงมือทำอะไรในขณะนั้น
เขาทำได้เพียงรีบตะโกนอย่างรวดเร็วว่า “ไม่นะ ข้ามาแล้ว!”
เพียะ!
ทว่ากระบี่สีทองที่หลี่ฉางโซ่วถืออยู่ในมือก็ฟาดลงไปบนหน้าผากของเขาอย่างแรงแล้ว!
ราวกับเขาแค้นตัวเอง
ในพริบตานั้น ก็มีดวงดาวสีทองโบยบินไปทั่วทุกทิศทาง แล้วลำแสงสีทองก็เปล่งประกายแวบวาบออกมา จากนั้น กระบี่ตัดเต๋าที่หลี่ฉางโซ่วสร้างขึ้นมาก็ระเบิดและแตกสลายทันทีในขณะที่หน้าผากของหลี่ฉางโซ่วซึ่งถือได้ว่าเต็ม ก็ยังคงปลอดภัยดี!
ในขณะนั้น อักขระเต๋าของหลี่ฉางโซ่วก็สมบูรณ์แล้ว และกลายเป็นดอกบัวสีเขียวระดับสิบสองขนาดเท่าชาม พวกมันก่อตัวขึ้นรอบ ๆ ร่างของเขาและกำลังสั่นเบาๆ
กลีบดอกที่ใสสะอาดได้สลัดร่องรอยของสิ่งสกปรกให้หลุดออกไป…
พลังลมปราณของหลี่ฉางโซ่วค่อย ๆ ลดลง ราวหนึ่งในพัน ไม่ถูกต้อง บางทีน่าจะไม่ถึงหนึ่งในหมื่น
ต่อจากนั้น ดอกบัวสีเขียวทั้งสามก็หายไป อักขระเต๋าของหลี่ฉางโซ่วก็มาบรรจบกันอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่สงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา ก็ยังตกตะลึง และมุมปากกระตุกเล็กน้อย…
โอ ท่านอาจารย์ เมื่อครู่เขาเพิ่งเห็นอะไร?
ดอกบัวสีเขียวเป็นสัญลักษณ์แห่งเต๋า บุปผาทั้งสามดอกอยู่ในรูปดอกบัวหนึ่งดอก ซึ่งหมายความว่าเป็นผู้สืบทอดเต๋าขนานแท้และได้รับการคุ้มครองด้วยโชคแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า
ยิ่งกลีบบัวมากเท่าใด รากฐานก็ยิ่งสมบูรณ์และมีศักยภาพมากขึ้นเท่านั้น และจะมีขีดจำกัดสูงขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ยิ่งดอกบัวใสมากเท่าใด รากฐานเต๋าก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเข้าใจเต๋าได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น…
แต่ดอกบัวเขียวระดับสิบสองทั้งสามดอกนี้ ใสยิ่งกว่าใส…
ใสสุดๆ!
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู เข้าใจในทันทีว่า เหตุใดท่านอาจารย์จึงให้ความสนใจศิษย์น้อยผู้นี้เป็นพิเศษนัก
ฉางโซ่วไม่เพียงแต่ฉลาด พูดเก่ง เป็นนักวางแผน และการจัดการเท่านั้น แต่เขายังมีศักยภาพที่จะเป็นปรมาจารย์ในสำนักบำเพ็ญเต๋าอีกด้วย!
ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันกล่าวออกมาได้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เปลี่ยนความคิดในใจไปทางอื่นแล้ว
เขาต้องคิดหาวิธีให้ศิษย์น้องอวิ๋นเซียวรู้ถึงศักยภาพของฉางโซ่ว!
ทว่าทางด้านหลี่ฉางโซ่ว ในขณะนั้น เขารู้สึกกระดากเล็กน้อย
หากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย เขาย่อมจะไม่ใช้กระบี่ฟันลงไปแน่ๆ!
เก้าคือสุดๆ แล้ว
เขาตัดเต๋าของเขาเก้าครั้งและเขย่าเต๋าสวรรค์เก้าครั้ง หากเกิดทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สิบขึ้น ก็เป็นไปได้สูงที่จะถูกลงทัณฑ์จากสวรรค์
เอ่อ…เหตุใดถึงยังมีคนอื่นอยู่ด้วย?
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ร่างทั้งสามที่ร่อนลงจากท้องฟ้าและรู้สึกฉงนในใจ
ในขณะนั้น เขาใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ด้านนอกค่ายกล แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจจับจับร่างที่งดงามทั้งสามนั้น
อีกฝ่ายก็ไม่ได้จงใจปิดบังร่างทั้งยังไม่ใช้เวทอำพรางใดๆ และร่อนลงมาจากฟากฟ้าอย่างสง่างาม
นางฟ้าที่อยู่ทางซ้ายดึงดูดความสนใจของหลี่ฉางโซ่วก่อนอื่น
นางสูงเล็กน้อย และชุดสีขาวเรียบๆ บนร่างของนางนั้นดูดียิ่ง ผิวขาวของนางงดงามราวกับแสงจันทร์ และใบหน้าของนางก็น่าหลงใหลอย่างยิ่ง
นั่นอวิ๋นเซียวไม่ใช่หรือ?
ที่ข้างๆ อวิ๋นเซียว เด็กสาวในชุดกระโปรงหลัวสีเขียวอ่อน และสตรีสาวอีกคนในชุดกระโปรงสั้นสีแดงอ่อน ล้วนมีใบหน้าสวยงามและน่ารักไปอีกแบบ
แน่นอนว่า พวกนางคือ ปี้เซียวและฉยงเซียว
ต้องบอกว่าทุกครั้งที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวปรากฏตัว เสื้อผ้าและเครื่องประดับผมของนางจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่นางก็งดงามยิ่งนักอยู่ตลอดเวลาจนมองอย่างไรก็ไม่เบื่อ
ทว่าตอนนี้ ประเด็นดูเหมือนจะเป็น…
เหตุใดเทพธิดาซานเซียวถึงมาอยู่กันที่นี่?!
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “เมื่อครู่ ศิษย์เร็วเกินไป ขอท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โปรดอย่าตำหนิเลย… โปรดรอศิษย์อีกสักหนึ่งหรือสองชั่วยาม แล้วศิษย์จะตั้งสมาธิและหยั่งรู้เต๋าเพื่อให้เกิดการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์โดยเร็วที่สุดขอรับ
ทว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…
เกิดอันใดขึ้นที่นั่น? ”
“แค่กๆ ได้ ไม่เป็นไร” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เพื่อให้เจ้าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างปลอดภัย และได้รับประโยชน์จากทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน ข้าจึงขอให้ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียว มาช่วยเจ้าเป็นพิเศษ ส่วนฉยงเซียวและปี้เซียวเพียงมาเพื่อดูเรื่องสนุกตื่นเต้นเท่านั้น ถังทองของศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวน่าทึ่งมาก …”
จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็อธิบายถึงผลกระทบของถังทองฮุ่นหยวนให้หลี่ฉางซ่วฟังสั้นๆ
หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ทันที เขาประทับใจมากจนอยากก่นด่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่… เมื่อเขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์หลังจากนี้ไป เขาอาจต้องใช้ไพ่ไม้ตายทั้งหมด คงจะดีหากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้เห็นพวกมัน เพราะอย่างไรเสีย ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นผู้สนับสนุนของเขา
ทว่าหากเทพธิดาซานเซียวเห็นมัน…
เขาจะไม่เสียหายครั้งใหญ่หรือ?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นถึงมันและตระหนักได้ว่า ไพ่ไม้ตายทั้งหมดก่อนที่เขาจะกลายเป็นเซียนจินนี้ ล้วนเป็นสิ่งน่าขบขันเมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าปรมาจารย์กลุ่มนี้ เปิดเผยก็เปิดเผย มันไม่มีอะไรหากเขาเปิดเผยออกมา
หากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คิดเรื่องนี้ให้ศิษย์น้อยเช่นเขาได้ แล้วเขาจะขออะไรได้อีก?
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และถอนหายใจ “ศิษย์ผู้นี้ไร้ประโยชน์นัก ทำให้ท่านต้องลำบากแล้วขอรับ”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องมากพิธีน่า”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด แล้วรอให้เทพธิดาซานเซียวเข้ามาในค่ายกลใหญ่ เขาจึงได้แนะนำหลี่ฉางโซ่ว
โชคดีที่ตอนนี้ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วใช้ภาพของปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และในขณะนี้ เขาไม่ได้เปิดเผยพื้นเพส่วนสุดท้ายว่าเป็นศิษย์ของสำนักตู้เซียน…
ใช่หรือไม่?
………………………………………………………………..