บทที่ 524 ดำเนินตามแผน
บทที่ 524 ดำเนินตามแผน
ในขณะที่มีแต่ผู้คนแย้งหัวข้อของซ่างเชียน โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ซูอัน กลับโบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไร จริง ๆ แล้ว ข้ารู้สึกว่า ‘คางคก’ เป็นหัวข้อที่ดีมาก คางคกที่ไม่ปรารถนาเนื้อหงส์เป็นคางคกที่น่าสงสาร”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหลุดหัวเราะออกมา แต่นางก็ปิดปากของนางทันที หญิงสาวรู้สึกชัดเจนว่านางกำลังเอาใจช่วยซูอัน
ดวงตาของชิวฮัวเล่ยก็เปล่งประกายด้วยความสนุกสนาน ผู้ชายคนนี้แตกต่างจากคนอื่นที่นางเคยพบมาก่อน เขาน่าสนใจจริง ๆ
หัวของเจิ้งตานเต็มไปด้วยภาพความสุขที่นางแบ่งปันกับเขา หงส์ตัวนี้ถูกคางคกทำให้เป็นมลทินไปแล้วหลายครั้ง
เมื่อซ่างเชียนเห็นสุดยอดสาวงามทั้งสามกำลังหัวเราะชอบใจกับคำพูดของซูอัน การแสดงออกของเขาก็แย่มากในทันที
ซูอันกล่าวต่อว่า “ข้ามีบทกวีในใจอยู่แล้ว”
“เจ้าคิดออกแล้วเหรอ?”
ทุกคนตกใจ จะใช้หัวข้อเช่น ‘คางคก’ สร้างบทกวีได้ยังไง?
ยิ่งกว่านั้น หัวข้อนี้เพิ่งตั้งขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ! ไม่มีทางที่เขาจะเตรียมตัวมาดีได้ขนาดนี้
แม้แต่เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น นางต้องการได้ยินว่าบทกวีประเภทใดที่สามารถเขียนได้จากหัวข้อแบบนี้
ซ่างเชียนสะดุ้งด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าไม่มีทางที่ซูอัน จะคิดบทกวีดี ๆ ออกมาจากหัวข้อนี้ได้ ก็พูดพร้อมกับหัวเราะว่า “น้องซู นี่น่ากลัวจริง ๆ ขอข้าฟังบทกวีของเจ้าหน่อย”
ซูอันลุกขึ้นยืนข้างหน้าต่างและมองออกไปทางสระบัวที่อยู่ไกลออกไป “มันนั่งอยู่ข้างสระเสมือนเสือ จิตวิญญาณสงบนิ่งใต้ร่มเงาไม้”
ภาพของคางคกปรากฏในจิตใจของทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ แม้แต่ซ่างเชียนยังต้องยอมรับว่าชายผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ
มีเพียงเซี่ยเต๋าอวิ๋นเท่านั้นที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย บรรทัดแรกยังใช้ได้ แต่บรรทัดที่สองดูเหมือนงดงามน้อยกว่ามาก แต่บทกวีที่คิดสดเช่นนี้ด้วยความรีบร้อนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่เมื่อนึกถึงเพลงบรรเลงอันยอดเยี่ยมของเขาที่หอสุขนิรันดร์ นางจึงตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก
ซูอันกล่าวต่อว่า “หากฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วข้าไม่ร้อง แมลงตัวใดจะกล้าส่งเสียงออก?”
ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องเมื่อเสียงของซูอันจางหายไป
แม้ว่าบทกวีนี้จะดูธรรมดามาก แต่ความหมายที่แฝงอยู่นั้นช่างอาจหาญและงดงามส่งผลให้บทกวีนี้โดดเด่นอย่างแท้จริง
เซี่ยเต๋าอวิ๋นที่เดิมผิดหวังเล็กน้อย ดวงตาของนางได้สว่างขึ้นเมื่อได้ยินบทกวีสองท่อนสุดท้ายของเขา นางปล่อยให้พวกมันอ้อยอิ่งอยู่บนริมฝีปาก นางมองไปที่ซูอันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนไร้ค่าอย่างที่ทุกคนคิดว่าเขาเป็น!
ดวงตาของชิวฮัวเล่ยก็เปล่งประกายเมื่อนางตระหนักว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ชูเหยียนนั้นดีกว่าที่ใคร ๆ คาดไว้มาก นางเริ่มลังเลว่าจะดำเนินการตามแผนเดิมต่อไปหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว แผนของนางก็ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าเขาได้รับการปฏิบัติอย่างเขยขยะจากตระกูลฉู่
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางควรเลียนแบบความกล้าหาญของอีกฝ่าย ที่เลวร้ายที่สุด นางจะต้องขับเคี่ยวกับฉู่ชูเหยียน ซึ่งนางไม่เชื่อว่านางจะยอมจำนนต่อรูปลักษณ์ ในขณะที่ทักษะของนางในการยั่วยวนผู้ชายนั้นสูงกว่ามาก ความคิดที่ขัดแย้งกันซึ่งตามหลอกหลอนนางมาโดยตลอด ในที่สุดก็สงบลง นางมองไปที่ซูอัน ดวงตาของนางแต่งแต้มด้วยความอบอุ่นและความอ่อนโยน
มีเพียงเจิ้งตานเท่านั้นที่อารมณ์เสีย ฮึ่ม! ผู้ชายคนนี้อวดตนต่อหน้าสาวอื่นอีกแล้ว
นางตกใจกับความคิดของตัวเองในทันที นางไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้อยู่ดี ทำไมนางถึงได้รู้สึกหึง?
เมื่อนางนึกถึงการหมั้นหมายกับซ่างเชียน การแสดงออกของนางก็ซับซ้อนขึ้น ใบหน้าปกคลุมไปด้วยความเศร้า
“อาซู เป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ!” หวางหยวนหลงยิ้มและปรบมือ เว่ยสั่วที่ดูเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันก็ปรบมือจนมือแดง
ใบหน้าของซ่างเชียนมืดหม่นลง เมื่อเขาเห็นการแสดงออกในดวงตาของสาวงามเหล่านี้ อารมณ์ของเขาก็ยิ่งดิ่งลงมากไปอีก
เขาตั้งใจจะทำให้ซูอันดูแย่ แต่การกระทำของเขากลับกลายเป็นยกระดับความดูดีให้กับอีกฝ่าย!
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ซูอันมองเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่ซ่าง เราเลือกหัวข้ออื่นต่อดีไหม?”
“ไม่จำเป็น ทุกคนได้เห็นความสามารถทางวรรณกรรมของน้องซูเต็มที่แล้ว” ซ่างเชียนฝืนยิ้ม หลังจากที่ทุกอย่างที่เขาประสบมา ตอนนี้เขามั่นใจว่าผู้ชายคนนี้อาจมีพรสวรรค์จริง ๆ เขาจะกล้าให้โอกาสอีกฝ่ายแสดงความสามารถอีกได้อย่างไร?
แต่เมื่อตระหนักได้ว่าซูอันพูดเพื่อทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ ก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นอีก
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 44…44…44…
—
หลังจากนั้น ชิวฮัวเล่ยก็ร้องเพลงให้ทุกคนในห้องฟัง บรรยากาศในห้องโถงรื่นเริงถึงขีดสุด
หลังจากจบเพลง หวางหยวนหลงขอบคุณทุกคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ซึ่งเป็นการประกาศการเริ่มต้นของงานเลี้ยง
ซูอันชูจอกเหล้าดื่มให้กับหวางหยวนหลง พร้อมกับยุเว่ยสั่วให้ดื่มต่อไป
เว่ยสั่วที่เพิ่งอิ่มอกอิ่มใจก่อนหน้านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร
เซี่ยเต๋าอวิ๋นไม่ได้แตะสุราสักหยด นางกระซิบกับเจิ้งตานและพูดคุยเรื่องดนตรีกับชิวฮัวเล่ย ขณะที่เหลือบมองซูอันเป็นครั้งคราว
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เซี่ยเต๋าอวิ๋นลุกขึ้นเพื่อบอกลาทุกคน นางไม่ต้องการกลับจวนเจ้าเมืองดึกเกินไป เพราะนั่นจะทำลายชื่อเสียงของนางในฐานะบุตรีของเจ้าเมือง
เจิ้งตานก็ลุกขึ้นเพื่อบอกลา นางสังเกตเห็นว่าซูอันเมามากไปหน่อย แล้วนางกังวลว่าเขาอาจจะหลุดทำอะไรที่ไม่สุภาพกับนาง ซึ่งนั่นย่อมเป็นความหายนะอย่างแน่นอน
แม้ว่านางจะไม่รังเกียจที่เขาทำกับนางในที่ส่วนตัว แต่นางก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ในที่สาธารณะ นางต้องไม่ลืมสถานะของตนเองและภาระหน้าที่ที่นางต้องแบกไว้
ไม่นานหลังจากนั้น ชิวฮัวเล่ยก็บอกลาทุกคนเช่นกัน อันที่จริงนางมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะบอกซูอัน แต่เมื่อมีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย มันจึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เมื่อสาวงามจากไป ซ่างเชียนก็หมดความสนใจเช่นกัน เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่เขาดื่มและกินเข้าไปมีรสชาติที่แย่มาก เพราะเขาร่วมโต๊ะอยู่กับ ซูอัน ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จากไป
ซูอันและเว่ยสั่วดื่มอีกรอบ ร่างกายของซูอันได้รับการปรับแต่งจากวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ดังนั้นเว่ยสั่วจะสู้เขาได้อย่างไร?
เว่ยสั่วดื่มเกินขีดจำกัดของตัวเองอย่างรวดเร็ว
หวางหยวนหลงเสนอให้ลูกน้องของตนเองพาเขากลับ แต่ซูอันปฏิเสธ เพราะการนำเว่ยสั่วมาด้วยเป็นความคิดของเขา ชายหนุ่มจึงกล่าวว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องพาเว่ยสั่วกลับบ้านด้วยตัวเอง
หวางหยวนหลงไม่ได้เอ่ยขัดซูอัน แต่ยังคงเสนอลูกน้องหลายคนของตัวเองให้เดินทางไปด้วยเพื่อคุ้มกันซูอันและเว่ยสั่ว
ทั้งสองกลับไปที่ทางเข้าของคฤหาสน์ตระกูลเว่ย เมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว เว่ยหงเต๋อก็ออกมารับน้องชายของตัวเอง
จู่ ๆ ซูอันก็เกิดความคิดขึ้น เขาจี้สกัดจุดบนร่างของเว่ยสั่ว และส่งพลังชี่ เล็กน้อยเข้าไปในร่างกาย ทำให้อีกฝ่ายอาเจียนออกมาอย่างฉับพลัน
ซูอันซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะที่เกิดขึ้นได้ เสื้อผ้าของเขาจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยอาเจียน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เว่ยหงเต๋อจึงรีบกล่าวขอโทษซูอัน และรีบเชิญเข้าไปด้านในคฤหาสน์เพื่อให้ชายหนุ่มได้เปลี่ยนชุดใหม่ เขาไม่สามารถให้คนที่มีน้ำใจมาส่งน้องชายตัวเองต้องการกลับบ้านไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยอาเจียนแบบนี้ได้
ซูอันแสร้งทำสีหน้าลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ตอบตกลง
เมื่อเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลเว่ยได้สำเร็จ มุมของริมฝีปากของซูอันก็ยกขึ้นอย่างยินดี