ตอนที่ 371 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณนับหมื่น! (1)
“ข้า ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า หลี่ฉางโซ่ว วันนี้ได้รับการรู้แจ้งจากสวรรค์!”
ภายใต้หมู่เมฆดำกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด มีพลังลมปราณม้วนตัวไปมาในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยืนนิ่งอยู่บนหินก้อนมหึมาและมองขึ้นไปที่หมู่เมฆมืดทะมึนบนท้องฟ้าโดยที่เส้นผมยาวและเสื้อคลุมของเขาไม่สะบัดปลิวพลิ้วไหวใดๆ
เขาร้องตะโกนดังลั่นจนกลบเสียงลมแรงที่พัดมาอย่างรวดเร็วและเสียงฟ้าร้องคำรามที่ดังสนั่นอื้ออึง
ห่างออกไปนับร้อยลี้ สี่ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าอดจะตั้งใจฟังไม่ได้ พวกเขาล้วนรู้สึกพิศวงด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดหลี่ฉางโซ่วจึงเอ่ยปากเช่นนั้นออกมาก่อนที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ยังมีอื่นใดอีกหรือที่เขาต้องการความกระจ่างแจ้งจากเต๋าสวรรค์?
ทว่าเมื่อเสียงของหลี่ฉางโซ่วดังก้องกังวานไปทั่วหมู่เมฆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และอวิ๋นเซียวต่างก็สัมผัสได้ถึงอักขระเต๋าที่คลุมเครือมากมาย ล่องลอยอ้อยอิ่งอยู่ในหมู่เมฆนั้น
เต๋าสวรรค์หรือบรรพาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า กำลังฟังอยู่จริงๆ!
นี่…
เพียงในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะส่งข้อความเสียงเพื่อเตือนหลี่ฉางโซ่วว่าอย่าพล่ามวาจาไร้สาระ หลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับและกล่าวเสียงดังออกมาแล้ว
“ศิษย์ได้ฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักบำเพ็ญเต๋ามาจวบจนบัดนี้ ต้องขอขอบคุณท่านที่เมตตา ศิษย์ซาบซึ้งต่อความเมตตากรุณาของท่านและจะจดจำคำสั่งสอนทั้งหลายเอาไว้ หลังจากผ่านความยากลำบากและอันตรายต่างๆ ในที่สุดก็บรรลุขอบเขตเต๋า! ศิษย์มาที่นี่ในวันนี้เพื่อขอการทดสอบแห่งสวรรค์! หากทัณฑ์สวรรค์เซียนจินตกลงมาและเต๋านี้ล่มสลายลง นั่นย่อมเป็นด้วยเหตุที่ศิษย์กังวลในการมุ่งแสวงหาความสำเร็จมากเกินไป และไม่ได้ฝึกฝนเต๋ามาอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่นนั้น ศิษย์จะไม่พร่ำบ่นใดๆ! ทั่วทั้งสวรรค์ยันแดนยมโลก เต๋าแห่งข้านั้นเป็นนิรันดร์! ขอขอบคุณเต๋าสวรรค์ที่ห่วงใย โปรดลงมายังขอบเขตเซียนอมตะเถิด!”
เมื่อตะโกนถ้อยคำเหล่านี้ออกไป หลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปจนอยู่เหนือยอดเขาหลายสิบจั้ง
ในขณะนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่เฝ้าดูอยู่ เผยสีหน้า…ดูซับซ้อนเล็กน้อย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยากหัวเราะ แต่ก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องวิเศษยิ่ง และเมื่อคิดๆ ดูแล้ว เขา
ก็อยากจะพูดกับหลี่ฉางโซ่วว่า “สมกับเป็นเจ้าจริงๆ”
เจ้าศิษย์น้อยผู้นี้ทำให้เขาประหลาดใจได้ทุกอย่างเสมอ
อวิ๋นเซียวที่อยู่ข้างๆ ก็แย้มยิ้มเช่นกัน เดิมทีนางยังกังวลอยู่บ้าง แต่ในเวลานี้ นางโล่งใจขึ้นมากแล้ว
ส่วนฉยงเซียวและปี้เซียวก็หัวเราะออกมาดังลั่น …
ปี้เซียวกล่าวว่า “หากพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์อ่อนกำลังลงเมื่อทุกคนที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์กล่าวเช่นนั้น ก็อาจมีสหายเต๋าเซียนจินเพิ่มมากขึ้นไม่รู้อีกกี่คนมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว”
ทว่าทันทีที่ปี้เซียวกล่าวจบ สายฟ้าร้องคำรามและโหมกระหน่ำ ก็ม้วนตัวไปมาอยู่เหนือศีรษะของหลี่ฉางโซ่ว!
ในระหว่างทัณฑ์สวรรค์นั้น หลี่ฉางโซ่วได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องคำรามเท่านั้น แต่สิ่งที่ศิษย์ของจอมปราชญ์เทพทั้งสี่คนที่อยู่ข้างๆ เขาได้ยิน ก็คือ เสียงหนึ่งที่เปลี่ยนเป็นพลังแห่งสวรรค์ …
ดี!
ดวงตาของปี้เซียวเต็มไปด้วยความตกใจในขณะที่ปิดปากทันทีโดยไม่รู้ตัว
มันได้ผลจริงๆ หรือนี่? !
อวิ๋นเซียวที่อยู่ข้างๆ เหลือบมองน้องสาวตัวน้อยของนางและกล่าวว่า “อย่าพูดมาก เต๋าสวรรค์ย่อมสัมผัสได้”
สีหน้าของคนทั้งสี่ยิ่งดูสดใสมากขึ้น
ในขณะนั้น บรรพาจารย์เต๋าสวรรค์ปรากฏตัวให้เห็นและพลังแห่งสวรรค์ก็ได้กักเขาเอาไว้
เขาร้องตะโกนก่อนข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และได้รับการตอบสนอง
อวิ๋นเซียวแอบมองปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ดวงตาคู่งามของนางเผยแววละอายใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ นางเคยคิดว่า คราวนี้มันเป็นเพียงแผนการของศิษย์พี่เสวียนตูที่ต้องการให้นางสนิทสนมกับเทพแห่งท้องทะเลเพิ่มมากขึ้น
เมื่อมองดูในตอนนี้ ก็เกรงว่า จะปกป้องและช่วยชีวิตสหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเลในยามคับขันไม่ได้จริงๆ…
เปรี้ยง!
ตูม!
อสรพิษสายฟ้าสาดสายลงมาอย่างบ้าคลั่งในท้องฟ้า และหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้น พลังวิญญาณมหาศาลก็กวาดพัดเข้ามาจากระยะห่างไกลหลายพันลี้ และผสานรวมกับพลังแห่งสวรรค์ที่แข็งแกร่ง เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของทัณฑ์สวรรค์!
จากนั้น เมฆทัณฑ์สวรรค์ได้หดตัวลงเหลือสามร้อยลี้ และหนามากขึ้นเรื่อย ๆ มันหมุนวนอยู่เหนือศีรษะของหลี่ฉางโซ่วตลอดเวลา!
หลี่ฉางโซ่วถูกพลังแห่งสวรรค์ระงับสัมผัสเซียนรับรู้เอาไว้ ในขณะนี้ เขาจึงทำได้เพียงจับความผิดปกติของหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น และไม่รู้ว่าหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์นี้จะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร
ท่ามกลางโลกที่ขุ่นมัวและมืดมิดมนในตอนแรก ทันใดนั้น ก็มีลำแสงสีทองปรากฏขึ้นมา
ในขณะนั้น หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เบื้องบนเป็นดั่ง ‘ตู้เสื้อผ้า’ ที่ค่อยๆ หมุนไปช้าๆ อาบย้อมทั่วทั้งหมู่เมฆตั้งแต่ด้านบนจนถึงด้านล่างให้กลายเป็นสีทองอร่าม
ลำแสงสีทองนั้นสาดประกายเจิดจ้า และส่องสว่างออกไปทั่วหล้าภายในรัศมีหนึ่งหมื่นลี้!
และเมื่อลำแสงสีทองจางหายไป เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็หดตัวลงอีกครั้ง และคราวนี้มันแปรรูปเป็นรูปแบบสุดท้าย——
กลายเป็นเจดีย์สูงตระหง่านนับพันจั้งที่อยู่ภายในเมฆหมอกนั้น!
เจดีย์ถูกแบ่งออกเป็นสามสิบสามชั้น มันมีชายคาสูงแหลม และมองเห็นเทพต่างๆ ผ่านหน้าต่างทุกที่ มีทั้งสัตว์ร้าย สัตว์ดุร้าย วิหคศักดิ์สิทธิ์และวิหควิญญาณ ซึ่งคล้ายกันกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี!
ฉยงเซียวและเสือดำตัวหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ต่างก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาพร้อมๆ กันแทบจะในทันที
“ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินของเขา แท้จริงแล้วเป็นทัณฑ์สวรรค์วิญญาณนับหมื่นระดับสอง! ”
“โบร๋ว!”
เสือดำกล่าว
‘มันเป็นทัณฑ์สวรรค์เซียนจินในตำนานที่มีความยากในสามระดับแรก และยังเป็นทัณฑ์สวรรค์วิญญาณนับหมื่นระดับสอง!’
ในที่สุด เสือดำก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและยิ้มอย่างภูมิใจ
เขาไม่ต้องแทะเปลือกไม้กินอย่างแน่นอน!
นับตั้งแต่สมัยโบราณมา น้อยครั้งนักที่จะมีทัณฑ์สวรรค์วิญญาณนับหมื่นปรากฏขึ้น และเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถรอดพ้นมันไปได้!
“เมี้ยว!”
เสือดำกล่าว
“ความจริงแล้ว ทัณฑ์สวรรค์ก็คือ การลงทัณฑ์จากสวรรค์จริงๆ และตั้งแต่สมัยโบราณมา มีผู้ฝึกบำเพ็ญน้อยยิ่งนักที่สร้างความริษยาแห่งสวรรค์ขึ้นมาได้”
จากนั้น เสือดำก็นอนลงอย่างสบาย ๆ เพื่อรอให้ทัณฑ์สวรรค์สลายหายไปเงียบ ๆ และเริ่มเตรียมแผนการออกล่าสัตว์ครั้งต่อไป
ณ สถานที่ที่หลี่ฉางโซ่วข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวได้มองไปที่น้องสาวคนที่สามของนางและเอ่ยถามว่า “เหตุใดทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ถึงมีระดับเล่า?”
ฉยงเซียวแย้มยิ้มและกล่าวว่า “พี่สาว ท่านเข้าปิดด่านอยู่เสมอ ดังนั้น ย่อมไม่รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
การจัดระดับทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นสิ่งที่บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้สรุปขึ้นมาเองในยามเบื่อหน่ายไร้สิ่งใดทำ ในเวลานั้น ผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันเพื่อสรุปออกมา พวกเขาสร้างข้อมูลของทัณฑ์สวรรค์ที่แตกต่างกันในความลับแห่งสวรรค์ และจัดเตรียม เผยแพร่ให้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับบรรดาศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่ต้องข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ พวกเราไม่มีทางเลือก เพราะมีศิษย์มากเกินไป ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแย้มยิ้มพลางถามว่า “ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินระดับหนึ่งคืออะไรหรือ?”
“ศิษย์พี่เสวียนตู ระดับหนึ่งของทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนและทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน คือ ทัณฑ์สวรรค์ม่วงเจ้าค่ะ”
ปี้เซียวตอบกลับเบาๆ ว่า “ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณเกิดจากวิญญาณและรับด้วยวิญญาณ ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณนับหมื่นนั้นเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งแรงกล้ามากที่สุดที่เต๋าสวรรค์จะส่งไปสู่สรรพชีวิต ซึ่งความลับแห่งสวรรค์ที่สรุปมาในเวลานั้น ได้เป็นที่ประจักษ์ออกมาในลักษณะเช่นนี้ ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าช้าๆ พลางถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ฉางโซ่วมาถึงขีดจำกัดในขอบเขตเซียนเทียนแล้ว”
ฉยงเซียวถามว่า “ศิษย์พี่เสวียนตูก็เป็นมนุษย์เช่นกัน ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินของศิษย์พี่เป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
ทันใดนั้น อวิ๋นเซียวก็เอ่ยตำหนินางด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “อย่าถามถึงความลับของศิษย์พี่เสวียนตูเช่นนี้นะ!”
ฉยงเซียวรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วและทำหน้ามุ่ยอย่างน้อยใจ
เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “มันไม่ใช่ความลับหรอก ในครั้งนั้น ท่านอาจารย์พาข้าไปที่เจดีย์เสวียนหวงและสอนเต๋าอันยิ่งใหญ่ให้ข้า ไม่รู้ว่ากาลเวลาผ่านไปนานมากเพียงใด ข้าถึงได้เข้าใจเต๋าที่อาจารย์สอนให้อย่างถ่องแท้ และในเวลานั้น ข้าครองฐานพลังเหนือเซียนจินแล้ว เมื่อออกจากเจดีย์เสวียนหวง ข้าไม่ได้เผชิญกับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ทว่าเป็นเจดีย์เสวียนหวงเองที่ต้องรับทัณฑ์สวรรค์แทนข้า… ศิษย์น้องหญิงทั้งสาม พวกเจ้าไม่น่าจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ใช่หรือไม่?”
“ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ” ปี้เซียวหัวเราะคิกคักเบาๆ “เมื่อพวกเราเปลี่ยนร่างไปในช่วงปลายยุคโบราณ พวกเราก็เป็นวิญญาณเซียนไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็หัวเราะเบา ๆ ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนว่า เขาจะสัมผัสถึงบางอย่างได้
จากนั้น เขาจึงกล่าวเบาๆ ว่า “กำลังเริ่มแล้ว”
บัดนั้น เหล่าเทพธิดาซานเซียวล้วนมองไปที่หลี่ฉางโซ่วเช่นกัน
ในขณะนั้น เจดีย์สูงบนท้องฟ้าเริ่มเร่งความเร็วขึ้นและหมุนวนเป็นวงกลมในขณะที่ทัณฑ์สวรรค์กำลังจะลงมา!
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นมอง และสิ่งที่เขาเห็นก็เป็นเพียงกระแสวังวนที่ถล่มทลายลงมา และจุดกำเนิดสายฟ้าที่อยู่ภายในนั้นก็ส่องแสงเป็นประกายอยู่อย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าพวกมันอยากจะกลืนกินเขาเข้าไปในนั้นทันที
มันกำลังมาแล้ว!
หลี่ฉางโซ่วถือพู่กันเหล็กสมบัติวิญญาณเอาไว้ในมือ แล้วค่อย ๆ บินขึ้นไปหนึ่งร้อยจั้ง พลังเซียนพลุ่งพล่านขึ้นไปทั่วทั้งร่างของเขาในขณะที่เคลื่อนไหวดุจภูตผี และแปะยันต์กระดาษสีดำสองสามชิ้นไว้บนข้อมือและหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาต้องต้านทานทัณฑ์สวรรค์แรกด้วยตัวเองเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของทัณฑ์สวรรค์ของเขาเอง จึงจะเลือกได้ว่าควรจะใช้แผนใดดี
มาเลย!
ชู่ว์
ในวังวนภายในเจดีย์นั้น จู่ๆ จุดกำเนิดสายฟ้าสามสิบหกจุดก็ดับสลายไป ทว่าไร้เสาสายฟ้าหรือพายุฝนฟ้าคะนองตกลงมา…
ทั่วหล้าเงียบงันกะทันหัน ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันกลั้นหายใจ และเพ่งจิตตั้งมั่น
ไฉนจู่ๆ จุดกำเนิดสายฟ้าถึงหายไป?
เขารู้สึกว่าหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่เหนือเขา ดูเหมือนจะกำลังตั้งเค้าบางอย่างและรวบรวมบางอย่าง แต่เขาไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและไม่อาจตรวจจับได้ด้วยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา
ทันใดนั้น สายฟ้าสีดำบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นกลางวังวนนั้น สายฟ้านี้ หนาเพียงนิ้วหัวแม่มือ เท่านั้น มันข้ามผ่านท้องฟ้าและค่อยๆ ตกลงมาบนศีรษะของหลี่ฉางโซ่วช้าๆ!
เปรี๊ยะ!
มีบุบผาสามดอกปรากฏขึ้นบนศีรษะ หน้าอก และท้องส่วนล่างของหลี่ฉางโซ่ว บุบผาทั้งสามนั้นดอกสั่นไหวพร้อมๆ กัน แล้วร่างของเขาก็สั่นอย่างรุนแรงสองสามครั้ง ใบหน้าของเขาพลันแดงก่ำ ทันใดนั้นกระอักเลือดออกมา และลมปราณทั่วร่างก็ผันผวนขึ้นลง!
เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแล้ว!
นี่คือทัณฑ์สวรรค์แบบใดกัน?
หลี่ฉางโซ่วตื่นตกใจและนำแผนข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่เข้มข้นที่สุดมาใช้ เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดออกจากปากพลางจ้องไปที่จุดกำเนิดสายฟ้าสี่สิบเก้าจุดที่เริ่มสั่นไหวบนท้องฟ้า
หลี่ฉางโซ่วอ้าปาก กลืนโอสถวิญญาณเข้าไป ทันใดนั้น หัวใจและประสาทรับรู้ทั่วทั้งร่างของเขาก็รู้สึกถึงมันได้
ในขณะนั้นเอง เขามองลงมาและพบว่า จริง ๆ แล้ว ครึ่งหนึ่งของภูเขาแห้งแล้งรกร้างเบื้องล่างนั้น ได้หายไปแล้ว!
ทัณฑ์สวรรค์ของเขาไม่ง่ายเลยจริงๆ!
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางยกมือขึ้นเพื่อเขียนคำว่า ‘เต๋า’ จากนั้น แสงวิญญาณก็เปล่งประกายไปทั่วร่างกายของเขา แล้วจู่ๆ ยันต์ก็ถูกเปิดใช้งานขึ้นในทันที
เมื่อพิจารณาดูจากทัณฑ์สวรรค์ของท่านปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งแล้ว เขาก็น่าจะมีเวลาเตรียมตัวอยู่บ้าง…
เอ่อ?
หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะมองลงไปที่เท้าของเขาอีกครั้ง และพบว่าภูเขารกร้างแห้งแล้งที่ถูกทำลายหายไปครึ่งหนึ่งนั้น จู่ๆ ก็มีดอกบัวเพลิงพลุ่งพล่านออกมา และกลุ่มเปลวไฟสีส้มก็ลุกโชนโหมกระหน่ำ เข้าล้อมรอบตัวเขา
เพลิงสวรรค์หรือ?
ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองมาแล้ว? !
………………………………………………………………..