ตอนที่ 372 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณนับหมื่น! (2)
มีเสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นในวังวนด้านบน และในขณะนั้น จุดกำเนิดสายฟ้าทั้งสี่สิบเก้าจุดก็สว่างวาบขึ้นแล้วหายไปอีกครั้งในพริบตา!
สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สีดำฟาดลงมาอีกสายแล้ว!
คราวนี้ มันหนาราวแขนของทารก ทั้งยังบิดเป็นเกลียวเพื่อเจาะทะลุผ่านชั้นสวรรค์และปฐพี และพุ่งลงมาที่หน้าผากของหลี่ฉางโซ่ว…
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
โชคดีที่เขาได้พิจารณาความเป็นไปได้เช่นนี้มาก่อนแล้ว
“เกิด!”
หลี่ฉางโซ่วร้องตะโกนออกมาเบา ๆ และอักขระเต๋าที่ลอยอยู่ตรงด้านหน้าของหน้าอกของเขา ก็พุ่งทะยานสูงขึ้นไปในท้องฟ้า และสกัดกั้นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์นั้น
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พุ่งออกไปพร้อมด้วยพู่กันเหล็กในมือ แล้วเขียนตัวอักษรใหญ่เจ็ดตัวต่อเนื่องกัน เกิดจากฟ้าดินคืนสู่วิถีธรรมชาติเจ็ดตัวอักษร!
ตัวอักษรขนาดใหญ่เหล่านี้ก่อตัวขึ้นมาจากปลายพู่กันพิพากษาในมือของเขา พวกมันบินขึ้นไปในท้องฟ้าทีละตัว เติมเต็มอักขระเต๋าเพื่อสะท้อนถ้อยคำ ราวกับกำแพงที่สกัดกั้นสายฟ้าน้อยสีดำสนิทนั้น!
ไม่เพียงแค่เท่านั้น แต่พลังเซียนรอบกายของหลี่ฉางโซ่วยังพลุ่งพล่านเพิ่มขึ้น ยันต์รวมเซียนบนหน้าอกของเขาก็สว่างขึ้นด้วยเปลวเพลิงลุกโชนแล้ว ทันใดนั้น ก็มีกลีบดอกสิบสองกลีบที่เกิดขึ้นจากพลังเซียน ปรากฏขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของเขา จากนั้นกลีบดอกก็ปิด แล้วห่อหุ้มร่างของเขา
การเตรียมการเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเสร็จสิ้นทันการณ์ในทันที!
สายฟ้าฟาดถล่มลงมาจากด้านบน ในขณะนั้น ตัวอักษรใหญ่เหล่านั้น ก็เปล่งประกายออกมา และแต่ละตัวก็แตกสลายไปในทันที!
จากนั้น ดอกบัวเพลิงที่อยู่เบื้องล่างก็กวาดพัดเข้ามา แล้วทำให้เกิดเปลวเพลิงเข้าห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้
ทันทีที่สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมา หลี่ฉางโซ่วก็ปล่อยหมัดซ้าย กระแทกใส่มัน ทันใดนั้น ลวดลายเส้นเลือดที่ปูดโปนอยู่บนกำปั้นของเขา ก็ฉายแสงเจิดจ้าและเข้าปะทะกับสายฟ้า!
สายฟ้าสีดำสนิทสายที่สองสาดแสงกะพริบแปลบปลาบออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มควันสีดำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า และสลายไปในทันที
หมัดซ้ายของหลี่ฉางโซ่วถูกฟาดทำลายอย่างรุนแรงและเต็มไปด้วยเลือด ในขณะที่เขากระอักเลือดอีกคำหนึ่งออกมาเต็มปาก…
ทว่าคราวนี้ ลมปราณของเขาเพียงแค่สั่นเท่านั้น เป็นเพราะการเตรียมตัวทำให้อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ไม่ได้เลวร้ายลง และปราณวิญญาณของเขาก็เสถียรได้ด้วยตัวเองแล้ว
แม้ทัณฑ์สายฟ้าจะสลายไป แต่เพลิงสวรรค์ที่อยู่โดยรอบก็ยังคงเผาผลาญพลังเซียนของหลี่ฉางโซ่ว และทันใดนั้น ก็มีเงากระบี่สีเขียวฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้า!
หลี่ฉางโซ่วยกพู่กันขึ้นเพื่อตอบโต้ ร่างของเขาโยกย้ายไปมาบนท้องฟ้าพร้อมกับเพลิงสวรรค์ และพู่กันพิพากษาก็เขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ออกมาทีละตัว!
ในขณะนั้น เส้นผมยาวของเขาพลิ้วไหวราวกับเทพแห่งไฟที่มาเยือนโลก และยังคงดูสง่างาม…
การโจมตีของทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองนี้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งในสามของเวลาหนึ่งก้านธูป
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเปรียบเทียบกับทัณฑ์สวรรค์ของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ก็พบว่ามันเกือบจะเทียบเท่ากับพลังของทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่หกของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง…
หลังจากสกัดกั้นทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็มั่นใจและพอจะคำนวณพลังของทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สามของเขาได้อย่างเต็มที่พร้อมกับมีไพ่ไม้ตายใบใหม่อีกด้วย
จนเมื่อเพลิงสวรรค์สงบลง หลี่ฉางโซ่วก็อ้าปาก กลืนยาอีกเม็ดหนึ่ง และถือพู่กันพิพากษาด้วยมือขวาและมีดแกะสลักด้วยมือซ้าย แล้วใช้ประโยชน์จากทัณฑ์สวรรค์เพื่อเขียนอักขระพระสูตรเสินหนง[1]นับร้อยอักขระออกมาในอากาศบางๆ
ในอดีตกาล เทพเสินหนงได้รับเมล็ดพันธุ์สวรรค์และปลูกธัญพืชทั้งห้า[2] เขาชิมสมุนไพรนับร้อยชนิดและใช้พระสูตรเยียวยาเพื่อช่วยรักษาชีวิตมนุษย์มากมายนับไม่ถ้วน เขาเป็นจอมปราชญ์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์และเป็นหนึ่งในสามกษัตริย์
พระสูตรเสินหนงนี้ เป็นบทที่ยกย่องคุณธรรมของเทพเสินหนง
ทันทีที่เขียนถ้อยคำสีทองออกมา พวกมันก็พุ่งปรี่ตรงไปที่หลี่ฉางโซ่วแล้วกลายเป็นยันต์ที่ซับซ้อน ดูราวกับว่าพวกมันกำลังครอบคลุมเขาด้วยเสื้อคลุมสมบัติที่ทำจากยันต์ของเขา
ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สามนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งโดยไม่ให้โอกาสเขาได้ทันตั้งตัว
และครั้งนี้ มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นมากมายในใจของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่วความจริงแล้วมันคือ จิตมาร…
นั่นเป็นเพียงครั้งที่สาม บัดนี้ รูปแบบธรรมดาทั่วไปของทัณฑ์สวรรค์เซียนจินได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่แล้ว!
ทว่านี่คือ จิตมาร…
มันเลวร้าย…เล็กน้อย
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองภาพที่ปรากฏขึ้นในใจ อย่างแรก ท่านอาจารย์ชราของเขาได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในยามที่เขายังเยาว์วัย และจู่ๆ ท่านก็หยิบกระบี่ขึ้นมา หมายเข่นฆ่าเขา
จากนั้นก็มีศิษย์น้องหญิงผู้น่ารักน่าเอ็นดูของเขา ศิษย์น้องหญิงตัวอันตราย ซึ่งสวมชุดกระโปรงที่ดูงดงามที่สุด แต่ถอดเกราะของนางออกต่อหน้าเขา และยังมีอาจารย์อาน้อยผู้ยิ้มแย้มเริงร่า…
เอ่อ ไฉนถึงมีศิษย์น้องหญิงโหย่วฉินปรากฏขึ้นมาเสมอนะ?
หรือว่า ในจิตใต้สำนึกของเขา เขาอยากครอบครองนางมากโดยไม่รู้ตัว? จริงๆ แล้ว… แค่กๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน? แม้กระทั่งในจิตมาร ศิษย์น้องหญิงก็ยังดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด และอาจารย์อาน้อยก็ดึงดูดสายตามากที่สุด
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะเบาๆ และเริ่มนึกถึงภาพวาดจักรพรรดินีชราไป่เหมยในรูปแบบใหม่ล่าสุด!
เพียงเมื่อได้ยินเสียงดัง “ตึ้ง” หัวใจของเต๋าของหลี่ฉางโซ่วพลันว่างเปล่า และเขาก็อดจะหวนกลับมาทบทวนทัณฑ์สวรรค์ทั้งสองครั้งอีกไม่ได้
ทันใดนั้น ทัณฑ์สายฟ้าก็ยิ่งฟาดลงมาอย่างรุนแรงมากขึ้น
…
เมื่อทัณฑ์สายฟ้าสีดำสนิทสายแรกปรากฏขึ้น แม้แต่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ยังอดจะรู้สึกเป็นห่วงหลี่ฉางโซ่วไม่ได้ และเตรียมพร้อมที่จะช่วยชีวิตเขาแล้ว
นี่ไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินธรรมดา
โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วจัดการได้
ไม่เพียงแต่เขารอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ครั้งแรกมาได้ แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังจัดการกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สอง สามและสี่ได้อย่างดีอีกด้วย
หลี่ฉางโซ่วขับไล่และเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างต่อเนื่อง เขาต้านรับพวกมันได้อย่างสมบูรณ์!
รากฐานเต๋าที่สมบูรณ์แบบไร้ขีดจำกัดของหลี่ฉางโซ่ว ทรงพลังอย่างไร้ข้อกังขาจนเพลิงสวรรค์ไม่อาจทำลายได้ และลมสวรรค์ก็ไม่อาจพัดพาให้ขยับได้!
ในขณะที่ทัณฑ์สวรรค์แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่ฉางโซ่วก็ได้เปิดเผยพลังเวทและวิชาเวทมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
แม้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะมีประสบการณ์รอบรู้ แต่เขาก็ยังรู้สึกประทับใจอย่างท่วมท้น…
ความจริงแล้ว ชายผู้นี้ซ่อนความลับมากมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาสังหารเหล่าเซียนจินในทะเลบูรพา!
เมื่อทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่ห้ามาถึง ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้เห็นพลังเวทป้องกันสิบสองประเภทของหลี่ฉางโซ่วแล้ว
เว้นแต่การเขียนพระสูตร เพลิงสมาธิแท้ และยันต์กระดาษสีดำเหล่านั้นแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
สิ่งเดียวที่สามารถทำให้ดวงตาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเปล่งประกายได้ก็คือ เวทสายฟ้าที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งเปิดเผยออกมา
สายฟ้าห้าสายก่อตัวขึ้นในฝ่ามือของเขา พลังหยางบริสุทธิ์ดึงเทพธาตุไม้!
หลี่ฉางโซ่วใช้เวทสายฟ้าเพื่อดึงดูดสายฟ้าและทำให้พลังของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์อ่อนกำลังลง นับได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่แสนชาญฉลาดเหนือผู้ใด
ทว่า…
“ศิษย์พี่เสวียนตู” อวิ๋นเซียวถามว่า “ก่อนหน้านี้ ท่านเคยให้โอสถวิญญาณเพียงพอแก่เขาแล้วหรือไม่? เขาใช้พลังเซียนหมดเร็วเกินไป ข้าห่วงว่าเขาจะทนรับไม่ไหวอีกต่อไป”
“นี่” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูใคร่ครวญเล็กน้อย “ข้ามอบโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนให้เขาไปสองเม็ด ไม่มีโอสถวิญญาณอื่นใดอีก ตัวเขาเองก็เก่งกาจในการหลอมโอสถ ทั้งยังเคยได้รับวิธีการหลอมโอสถที่เหล่าจื้อถ่ายทอดมาก่อน จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปี้เซียว และฉยงเซียวต่างก็มองหน้ากันด้วยดวงตาเป็นประกาย
อวิ๋นเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปจับจ้องไปที่ร่างของหลี่ฉางโซ่วต่อไปในขณะที่มือเรียวยาวของนางได้ถือถังสีทองใบเล็กๆ เอาไว้แล้ว…
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลมสวรรค์ถาโถมโหมกระหน่ำและเพลิงแห่งสวรรค์ลุกโชนโชติช่วง ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วก็ได้ฟื้นคืนใบหน้าและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้ทำลายการอำพรางตัวทุกอย่างออกไป และเสื้อผ้าบนร่างก็แทบจะไม่อาจปกปิดร่างกายของเขาได้จนต้องอาศัยพลังเซียนปกปิดส่วนต่างๆ ที่เปิดเผยออกมา หลี่ฉางโซ่วต้านทานทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่ห้านี้อย่างสุดกำลัง อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เขาได้ใช้พลังเซียนไปมากกว่าครึ่งแล้ว
ฤทธิ์โอสถวิญญาณในร่างของเขายังคงแพร่กระจายออกไป ซึ่งได้เพิ่มพลังต้านทานสายฟ้าให้เขา และบัดนี้ ได้ถูกใช้จนหมดลงไปอีกครั้ง
หลี่ฉางโซ่วอ้าปากกลืนโอสถวิญญาณไปอีกสองเม็ด และมองขึ้นไปที่การเปลี่ยนแปลงของวังวนในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์…
ในขณะนั้น มีร่างสามร่างบินออกจากป่าในระยะไกล แต่ละร่างล้วนหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนคำว่า ‘เคลื่อนไหว’ อย่างรีบเร่ง จากนั้น ก็ชนร่างกัน แล้วหายวับฉับพลัน!
เมื่อร่างทั้งสามนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็อยู่ห่างจากหลี่ฉางโซ่วได้ร้อยจั้งแล้ว และพวกเขาก็พุ่งตรงไปหาหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว
ฉยงเซียวเกือบจะออกไปสกัดกั้นพวกเขาทันทีตามสัญชาตญาณในขณะที่ถือกรรไกรทองเอาไว้แล้ว แต่อวิ๋นเซียวยื่นมือออกมาเพื่อหยุดฉยงเซียวไม่ให้เคลื่อนไหวเสียก่อน
“มันเป็นร่างจำแลงของเขา”
ร่างจำแลงทั้งสามบินไปรอบๆ หลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว แต่ละคนต่างก็ยื่นฝ่ามือออกไปวางบนร่างของหลี่ฉางโซ่ว
ทันใดนั้น พลังเซียนของเขาก็ฟื้นคืนกลับมา หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสามก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามตัวอยู่ในมือ จากนั้นเขาก็ใส่พวกมันเอาไว้ในถุงสมบัติที่ซ่อนอยู่ที่เอวของเขา
ขณะนี้ พลังเซียนของเขาเต็มปรี่แล้ว!
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา บัดนั้น หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ด้านบนสั่นไหวเบาๆ ในขณะที่จุดกำเนิดสายฟ้าแปดสิบเอ็ดจุดพลันส่องประกาย และทันใดนั้น สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สีดำที่แฝงรอยสีม่วงอยู่ด้วย ซึ่งมีความหนาพอๆ กับถังน้ำ ก็ฟาดลงมาจากฟากฟ้า
สายฟ้าสวรรค์ผสานด้วยเพลิงพิภพ ลมสวรรค์ และเสริมสร้างด้วยน้ำแข็งเสวียน!
เปลวเพลิงพุ่งขึ้นจากด้านล่าง กระบี่ลมที่อยู่ด้านข้างของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้ฟาดฟันลง และยังมีหอกยาวที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำแข็งเสวียน พุ่งมาจากทั่วทุกทิศทาง และตรงเข้าหาหลี่ฉางโซ่ว!
หลี่ฉางโซ่วร้องตะโกนออกมาเบาๆ แสงเซียนพลุ่งพล่านสาดส่องไปรอบร่างของเขา และเขาได้ใช้ทุกวิธีการทั้งหมดอีกครั้ง จากนั้น ร่างของเขาก็ขยับรวดเร็วราวกับภาพลวงตาเพื่อจัดการรับมือกับทัณฑ์สวรรค์
ทว่าดูเหมือนว่าจะมีอะไรใหม่ๆ บางอย่างในทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่หก…
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่อาจมองเห็นปรากฏการณ์ที่อยู่ด้านบนได้ แต่พวกของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูทั้งสี่ ล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บัดนั้น ร่างหลายร้อยร่างได้กระโดดออกมาจากหน้าต่างชั้นสามของเจดีย์สูงพันจั้งนั้น แล้วร่อนลงมาอย่างรวดเร็ว
“พิฆาต–”
เสียงตะโกนสั่งพิฆาตพลันดังขึ้นในสายฟ้า!
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่ว ผู้จัดการกับทัณฑ์สวรรค์ทั้งห้า ลม ไฟ สายฟ้า น้ำแข็ง และหัวใจ ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว เขาเห็นร่างมนุษย์หลายร้อยคนบนท้องฟ้า พวกเขาดูราวกับทหารสวรรค์ที่พุ่งลงมาพร้อมด้วยไอสังหารอันเยือกเย็นที่พลุ่งพล่านสุดๆ
บัดซบยิ่ง ทัณฑ์สวรรค์นี้กลายเป็นแก่นแท้หรือไม่?
แค่กๆ สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นจากพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ และแก่นแท้ของมันก็คล้ายกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าประมาท เพื่อความปลอดภัย เขาได้ใช้โอกาสนี้โยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นับสิบออกไป จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เหล่านั้นก็พุ่งลงมา และข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง แล้วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาเปิดใช้งานพลังเซียนทั้งหมดและโยน… ถั่วเซียนหยกออกไปหลายสิบเมล็ด!
ถั่วเซียนหยก!
เกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น ทหารถั่วนับร้อยก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า แล้วพุ่งตรงเข้าหาร่างที่พุ่งเข้ามา
ในขณะนี้ ข้อดีของระบบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ทหารถั่ว เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว
หลี่ฉางโซ่วไม่จำเป็นต้องเพิ่มพลังเซียนอีก พลังเซียนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ถูกเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
แน่นอนว่า บรรดาทหารถั่วเซียนเหล่านี้ก็กำลังทดสอบฝีมือเช่นกัน และย่อมจะดีกว่า หากพวกเขาสามารถถ่วงเวลาได้สักพัก เช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็จะไม่ต้องรีบร้อนและจัดการรับมือได้
ว้าว ทัณฑ์สวรรค์ในวันนี้ ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนท่า “ใหม่” ที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งไม่เคยประสบมาก่อน
………………………………………………………………..
[1] พระสูตรแห่งเทพกสิกรรม เสินหนง นับเป็นหนึ่งในสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิยุคจีนโบราณ (สามกษัตริย์คือ องค์เสินหนง องค์ซุ่ยเหริน องค์ฝูซี) ตามตำนาน พระองค์ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพกสิกรรม ว่ากันว่า พระองค์ทรงห่วงใยประชาราษฎร์ที่ขาดแคลนอาหารและเจ็บป่วย จึงทรงคิดค้นและสร้างวิถีกสิกรรม พระองค์ทรงชิมพืชพรรณ สมุนไพรต่างๆ เพื่อหยั่งรู้คุณสมบัติด้วยองค์เองก่อนจะสอนเหล่ามนุษย์ให้เพาะปลูก ชาวจีนจึงยกย่องจิตใจกล้าหาญและเสียสละของพระองค์ที่ใช้องค์เองทดลองยาเพื่อมวลมนุษย์ จึงเทิดพระเกียรติให้เป็นเทพกสิกรรมและราชาโอสถ ทั้งยังยกย่องคุณธรรมของพระองค์ด้วยคำกล่าวขานถึงจิตใจแห่งเสินหนง ซึ่งหมายถึง ผู้มีจิตใจกล้าหาญและเสียสละนั่นเอง
[2] ธัญพืชห้าชนิดได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี และถั่ว