ตอนที่ 274 กระอักเลือด

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 274 กระอักเลือด
ตอนที่ 274 กระอักเลือด

มีบุตรชาย!!!

หลีจื่อฟานถึงกับสูดลมเย็นเข้าปาก ท่านอ๋องซิวพูดอะไร? เขาบอกว่าชิงลั่วมีลูกชายให้เขา เป็นไปได้อย่างไร?

อวี้ชิงลั่วถึงกับยกมือกุมขมับ ถอนหายใจอย่างเงียบเชียบ

ถึงนางจะไม่คุ้นเคยกับหลีจื่อฟาน แต่เยว่ซินก็เคยเล่าเรื่องเมื่อหกปีก่อนให้นางฟังแล้ว ด้วยเหตุนี้อวี้ชิงลั่วจึงรู้ว่าก่อนที่ตนเองจะแต่งงาน นางเคยมีความรักกับหลีจื่อฟานจนถึงขั้นวางแผนชีวิตทั้งชีวิตนี้ด้วยกัน

เพียงแต่ตอนนั้นหลีจื่อฟานยังตัวเปล่าเล่าเปลือยและมีแค่ความสามารถเท่านั้น เป็นเพราะบิดามารดาของเขาตายด้วยเงื้อมมือของคนในราชสำนัก ดังนั้นเขาไม่มีความคิดที่จะเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ถึงขั้นต่อต้านแบบสุดโต่ง เขาจึงเป็นได้แค่ปัญญาชนยากจน ต่อให้มาสู่ขอถึงจวน ก็ถูกตระกูลอวี้ไล่ออกจากจวนอยู่ดี

ส่วนอวี้ชิงลั่วนั้นมีการหมั้นหมายกับอวี๋จั้วหลินตั้งแต่เด็ก อีกทั้งในช่วงเวลานั้นตระกูลอวี้ได้ตกต่ำลงแล้ว มีหลายด้านที่ต้องอาศัยตระกูลอวี๋ ด้วยความจนปัญญา อวี้ชิงลั่วจึงต้องแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลอวี๋

พวกเขาทั้งคู่ได้แยกจากกันอย่างสมบูรณ์ อวี้ชิงลั่วแต่งงานกับอวี๋จั้วหลินแล้ว ส่วนหลีจื่อฟานที่เจ็บปวดจากความรักได้เดินทางไปต่างเมืองเป็นเวลาหนึ่งปี

จนกระทั่งเขากลับมาอีกครั้ง ก็ได้ยินข่าวเรื่องที่อวี้ชิงลั่วลอบคบชู้จนถูกฟ้าผ่าตาย

หลังจากนั้น อาณาจักรเฟิงชางก็ปรากฏบุรุษหนุ่มผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่ง ทั้งยังเป็นอัครมหาเสนาบดีในตำนาน

เยว่ซินไม่รู้ประวัติความเป็นมาของหลีจื่อฟานช่วงระหว่างนี้ และก็ไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดจู่ ๆ เขาถึงเลือกเข้ามาอยู่ในราชสำนักที่ตนรังเกียจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ว่าหลังจากหลีจื่อฟานเป็นเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว เขาก็ต่อต้านอวี๋จั้วหลินทุกด้าน สิ่งนี้คงทำไปเพราะอวี้ชิงลั่วที่ ‘ตายไปแล้ว’ เมื่อหกปีก่อน

ดังนั้น แม้อวี้ชิงลั่วจะไม่รู้จักหลีจื่อฟานก่อนหน้านี้ แต่การที่เขาสามารถจดจำนางได้ในทันทีที่เห็นโดยที่นางยังคลุมใบหน้าด้วยผ้าคลุม แค่นี้ก็อธิบายได้แล้วว่าหลีจื่อฟานมีความรักที่ลึกซึ้งเพียงใด

อวี้ชิงลั่วไม่อยากทำร้ายบุรุษเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่ใช่คนคนนั้นที่เขาเคยชอบแล้วก็ตาม

ทว่า ในสายตาของเย่ซิวตู๋กลับกลายเป็นถ่านไฟเก่าคุกรุ่น

เรื่องเช่นนี้เย่ซิวตู๋ไม่มีทางอนุญาต

ครั้นได้ยินเสียงลอบถอนหายใจของอวี้ชิงลั่ว เส้นประสาทของเย่ซิวตู๋พลันคลายลง เขาโอบบ่าของอวี้ชิงลั่วแน่นยิ่งขึ้นหลายส่วน ตอนที่เงยหน้ามองหลีจื่อฟาน สีหน้าก็เย็นชามากยิ่งขึ้น “เมื่อครู่เรากำลังสอนให้บุตรชายของพวกเราซ้อมวรยุทธ์ หากเสนาบดีฝ่ายขวาไม่มีธุระอะไรแล้ว เราขอไม่ส่ง”

หลีจื่อฟานหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว สายตาของเขามองไปที่อวี้ชิงลั่วอีกครั้ง ในลำคอมีความหวานพลุ่งพล่านขึ้นมาไม่หยุด ทว่ากลับถูกเขาข่มไว้ในทันที

“ชิงลั่ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้ากับท่านอ๋องซิว…แต่งงานกันแล้ว?”

สิ้นเสียงของเขา จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เย่ซิวตู๋ไม่เคยแต่งงานกับพระชายาคนใดมาก่อน โทสะพลันปะทุขึ้นในดวงตา เขายื่นมือออกมาจับแขนของอวี้ชิงลั่ว กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่จริง ท่านอ๋องซิวไม่มีพระชายา ไม่ใช่ว่าเจ้า…เจ้า…ชิงลั่ว…หรือว่าเจ้ายินดีที่จะติดตามท่านอ๋องซิวตลอดทั้งชีวิตโดยที่ไม่มีสถานะอะไรเลยงั้นรึ? หรือว่า เขารังแกเจ้า เจ้าบอกข้ามา ข้า…”

เย่ซิวตู๋จ้องมือข้างนั้นของอีกฝ่าย แค่นเสียงเย็นชาหนึ่งเสียงพร้อมกับปัดมือออกไป “เสนาบดีฝ่ายขวา ท่านยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไปแล้ว ตอนนี้อวี้ชิงลั่วไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับท่านแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็ทราบดีว่าบัดนี้ท่านมีความสุขกับอวี้ชิงโหรวคุณหนูรองของตระกูลอวี้ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็เข้าใจว่าอวี้ชิงโหรวจะกลายเป็นฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาในภายภาคหน้า หากเสนาบดีฝ่ายขวาว่างมาก ก็กลับไปดูแลฮูหยินในอนาคตของท่านเถิด”

“นางไม่ใช่” หลีจื่อฟานรีบหันกลับมาทันใด สายตาจ้องเขม็งเย่ซิวตู๋ขณะกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “นางไม่ใช่ ตำแหน่งฮูหยินของข้ามีไว้สำหรับชิงลั่วเพียงคนเดียวเสมอมา” ระหว่างที่พูด เขาก็หันกลับมาอธิบายกับอวี้ชิงลั่วด้วยความกระตือรือร้นว่า “ชิงลั่ว ข้ากับอวี้ชิงโหรวไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่ข้าดูแลนางก็เป็นเพราะนางคือน้องสาวของเจ้า เจ้าเคยบอกไว้ว่าในชีวิตของเจ้า สิ่งที่โชคดีที่สุดก็คือมีใครสักคนที่ช่วยเหลือและปกป้องน้องสาวของเจ้าอย่างดี รวมถึงแม่เลี้ยงที่ปฏิบัติกับเจ้าเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของตนเอง ตอนนั้นข้าคิดว่าเจ้าไม่อยู่แล้ว ข้าแค่ไม่อยากให้ครอบครัวของเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นข้าจึงคอยปกป้องตระกูลอวี้ทุกด้าน”

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แรงบีบของเย่ซิวตู๋ที่อยู่บนบ่าของนางไม่ได้ลดน้อยลงเลย แต่กลับทำให้นางรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเจ็บนี้ทำให้นางเริ่มเกิดอาการชาแล้ว

ดวงตาคู่นั้นของหลีจื่อฟานกระจ่างใส ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดมาไม่ได้เป็นเรื่องโกหก เช่นนั้นก็หมายความว่า ก่อนหน้านี้เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของตนเองไว้และปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดีเพียงเพราะอยากให้นางซึ้งใจเช่นนี้ ดังนั้นตอนที่เผชิญหน้ากับหลีจื่อฟาน พวกนางจึงพูดแต่สิ่งดี ๆ หลังจากหลีจื่อฟานกลายเป็นเสนาบดีฝ่ายขวา เขาก็คอยดูแลตระกูลอวี้ทุกอย่าง ทั้งยังช่วยเหลือสองแม่ลูกเฉินจีซินอย่างเปิดเผย ต่อให้ภายในใจจะรู้ดีว่าพวกนางไม่ได้เป็นคนดีอะไร แต่ขอแค่พวกนางปฏิบัติกับอวี้ชิงลั่วเป็นอย่างดี เช่นนั้นเขาก็สามารถปฏิบัติกับพวกนางอย่างดีโดยไม่มีข้อจำกัดเช่นกัน

หลีจื่อฟานมีความรักอันลึกซึ้งต่ออวี้ชิงลั่วคนเก่าจริง ๆ

มีชั่วขณะหนึ่งที่อวี้ชิงลั่วอยากจะพูดความจริงออกไป อยากบอกเขาว่าอวี้ชิงลั่วคนนั้นที่เขาชอบได้ตายไปเมื่อหกปีก่อนแล้ว ตายเพราะกลลวงของสองแม่ลูกเฉินจีซิน ตายเพราะความโหดเหี้ยมอำมหิตของอวี๋จั้วหลิน

ทว่าอวี้ชิงลั่วมิอาจพูดออกไปได้

เย่ซิวตู๋มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา โอบกอดร่างกายของอวี้ชิงลั่วไม่ยอมให้นางขยับไปไหน โทสะที่มีต่อหลีจื่อฟานยังคงไม่ลดลง ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องควบคุมตนเองมากเพียงใดกว่าจะควบคุมไม่ให้ตนเองปรี่ตัวเข้าไปชกหน้าอีกฝ่าย

มาสารภาพต่ออวี้ชิงลั่วอย่างเปิดเผยต่อหน้าเขาเช่นนี้ เมื่อครู่เขาหูหนวกหรืออย่างไรกัน? ไม่ได้ยินที่เขาบอกว่าอวี้ชิงลั่วมีบุตรชายให้เขารึ?

มุมปากของเย่ซิวตู๋เริ่มกระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย อวี้ชิงลั่วยังไม่ทันได้ห้ามก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเย่ซิวตู๋ “คำพูดนี้ของเสนาบดีฝ่ายขวาช่างน่าสนใจนัก ท่านบอกว่าเป็นเพราะอวี้ชิงลั่ว ท่านจึงปฏิบัติกับสองแม่ลูกเฉินจีซินดีเป็นพิเศษ แต่เมื่อหกปีก่อน ตอนที่อวี้ชิงลั่วกลับไปพึ่งพิงตระกูลอวี้เพราะจนตรอกไร้หนทาง นางกลับถูกคนของตระกูลอวี้ไล่ตะเพิดออกมา ภายหลังเป็นเพราะกลลวงและการนำความลับไปฟ้องของสองแม่ลูกคู่นี้ ทำให้นางเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่นางดวงแข็ง มิเช่นนั้นท่านคิดว่าวันนี้ท่านจะได้เจอคนที่ยังมีชีวิตรึ? เหอะ ท่านบอกเรามาสิ ที่ท่านทำดีกับตระกูลอวี้เช่นนี้เพียงเพราะเกี่ยวข้องกับอวี้ชิงลั่วแค่นั้นรึ เหอะ”

หลีจื่อฟานชะงัก หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงรีบหันกลับมาหาอวี้ชิงลั่ว “พวกเขาปฏิบัติกับเจ้าอย่างที่ท่านอ๋องซิวพูดจริง ๆ รึ?”

มือที่อยู่บนบ่าหนักขึ้นอีกครั้งแล้ว อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วจนแทบจะกลายเป็นปมแล้ว ทว่าความจริงก็คือความจริง นางไม่สามารถปฏิเสธได้ หลังจากชะงักไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้าตอบกลับไป

หลีจื่อฟานข่มความขมขื่นที่อยู่กลางลำคออีกครั้ง ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจนเกิดเสียง ‘พรวด’

อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ถึงกับชะงัก ครั้นเย่ซิวตู๋ปล่อยมือ อวี้ชิงลั่วก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้า ใช้มือจับที่ข้อมือของหลีจื่อฟานและวางนิ้วแตะลงไปเบา ๆ

หลีจื่อฟานชะงักไปเล็กน้อย เขารีบดึงมือกลับมาไม่ยอมให้นางแตะตัว

รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วถึงกับหดเล็ก นางมองเขาด้วยความตกตะลึง “หลี่จื่อฟาน…ท่าน…”

……………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สงสารท่านหลีเหมือนกันนะคะ รักชิงลั่วแบบบริสุทธิ์ใจมานานหลายปี กลับกลายเป็นว่าคนที่ตัวเองรักได้ตายไปแล้ว ส่วนชิงลั่วในตอนนี้ก็ไม่ใช่ชิงลั่วคนเก่าที่เคยรักอีกต่อไป ตำแหน่งพระรองชัด ๆ รักเขาดีกับเขาเพียงใดแต่เขาก็ไม่รักตอบ

ไหหม่า(海馬)