ตอนที่ 983 กระต่ายโลหิต (2) / ตอนที่ 984 กระต่ายโลหิต (3)
ตอนที่ 983 กระต่ายโลหิต (2)
ลูกกระต่ายโลหิตก่อนที่พลังของมันจะตื่นขึ้นนั้นแทบไม่แตกไปจากกระต่ายหูใหญ่เลยยกเว้นว่ามันมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งกว่า แต่ในด้านพลังต่อสู้นั้นเหมือนกัน มันถึงได้ถูกสัตว์วิญญาณระดับต่ำเล่นงานเอาเสียยับเยินแบบนี้
หลังจากจวินอู๋เสียช่วยชีวิตมัน โลหิตที่ไหลออกมาทำให้ความสามารถแต่กำเนิดของมันตื่นขึ้น เผยให้เห็นลักษณะที่กระต่ายโลหิตควรจะเป็น
จวินอู๋เสียมองเจ้ากระต่ายโลหิตขี้อายอย่างอึ้งๆ เมื่อดูที่ขนสีแดงโลหิตของมันแล้ว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป เป็นเพราะสัญชาตญาณสัตวแพทย์เก่าของนาง ทำให้นางทนดูกระต่ายน้อยขนปุยตายอย่างน่าสงสารต่อหน้าต่อตาไม่ได้ นางไม่เคยคิดเลยว่ากระต่ายที่นางไม่ได้ตั้งใจเอากลับมาจะมีเบื้องหลังใหญ่โตขนาดนี้
ถ้าเจ้านายเดิมของกระต่ายโลหิตตัวนี้รู้ว่ากระต่ายหูใหญ่ที่เขาพยายามทุกวิธีเพื่อฆ่ามัน ความจริงแล้วเป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ…เขาได้เสียใจจนกระอักโลหิตตายแน่
“ปู้” กระต่ายโลหิตช้อนตาขึ้นแอบมองจวินอู๋เสีย
หลังจากพลังของมันตื่นขึ้นมา จิตสำนึกรับรู้ของมันก็ถูกปลุกขึ้นด้วย มันจำสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ทั้งหมดและรู้ว่ามันถูกเจ้านายเดิมทอดทิ้ง และจวินอู๋เสียได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้
มันจำได้อย่างชัดเจนว่าจวินอู๋เสียอุ้มมันไว้และรักษาบาดแผลมันอย่างระมัดระวัง ความอบอุ่นที่มันรู้สึกได้จากอ้อมแขนนั้น ทำให้สัตว์วิญญาณที่จิตสำนึกเพิ่งตื่นขึ้นตัวนี้ไว้วางใจจวินอู๋เสียเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว
เหมือนลูกนกที่เพิ่งฟักตัวออกมาจากไข่
เมื่อเห็นสายตาคาดหวังที่เจ้ากระต่ายโลหิตมองมาที่นางอย่างน่าสงสาร จวินอู๋เสียก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
ถ้ามันเป็นแค่กระต่ายหูใหญ่ธรรมดา นางจะดูแลมันจนกว่าจะหายดีแล้วส่งมันให้ชวีหลิงเย่ว์เลี้ยงไว้
แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นสำหรับสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ
ถึงมันจะยังเด็กมาก แต่พลังและสติปัญญาของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติได้เริ่มตื่นขึ้นมาแล้ว ถ้ามันไม่เต็มใจ ต่อให้นางยืนกรานจะส่งมันให้ชวีหลิงเย่ว์ เจ้ากระต่ายตัวนี้ก็จะไม่อยู่ที่นั่นนานแน่นอน และมันอาจจะทำให้คนบาดเจ็บจากความโกรธของมันได้
และเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังนั่น จวินอู๋เสียก็เห็นภาพเดียวกันกับในป่าประลองวิญญาณตอนที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแอบย่องตามนางไปตลอดเวลา
สายตาแบบนั้น นางอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่ามันเหมือนกันมาก
เห็นได้ชัดว่ากระต่ายโลหิตตัวนี้ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเกาะติดนาง!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจับได้ว่าเจ้ากระต่ายโลหิตตั้งใจจะทำอะไร มันถึงได้คัดค้านจวินอู๋เสียอย่างมากไม่ให้ช่วยกระต่ายโลหิตตัวนี้ มันกลัวว่าถ้าเจ้ากระต่ายโลหิตตัวนี้ตื่นขึ้น มันจะต้องแย่งเจ้านายของมันกับเจ้ากระต่าย!
“แบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊ะ!”
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่ยอมให้กระต่ายอย่างเจ้าอยู่ที่นี่หรอก! เจ้านายเป็นของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ! เจ้ากระต่ายเลว! ออกไปจากที่นี่เสีย!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยืนอยู่ข้างหน้าจวินอู๋เสียและประกาศสิทธิ์ความเป็นเจ้าของต่อหน้ากระต่ายโลหิต
“ปู้!” เจ้ากระต่ายโลหิตที่โดนใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะท้าทายก็โผล่หัวออกมาจากหูของมัน ดวงตาสีแดงโลหิตคู่นั้นหรี่ลง รูม่านตาเปลี่ยนเป็นเส้นตรง
“ถ้าพวกเจ้ากล้าสู้กัน ก็ออกไปเสียทั้งคู่เลย” ทันทีที่สัตว์วิญญาณน่ารักทั้งสองตัวตั้งท่าจะสู้กัน เสียงเย็นชาของจวินอู๋เสียก็ดังขึ้น
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะครางออกมาอย่างน่าสงสาร ส่วนกระต่ายโลหิตก็เอาอุ้งเท้ากอดหูของมันไว้พร้อมกับตัวสั่น
“ปู้”
กระต่ายน้อยเป็นเด็กดี เจ้านายอย่าทิ้งกระต่ายน้อย
เจ้าแมวดำตัวน้อยแปลออกมาแบบคำต่อคำ จวินอู๋เสียไม่อยากพูดอะไรอีก จากที่เคยเห็นความหัวรั้นของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมาก่อน นางรู้ว่าถ้านางพยายามไล่เจ้ากระต่ายโลหิตออกไป โอกาสสำเร็จก็แทบเป็นศูนย์!
ตอนที่ 984 กระต่ายโลหิต (3)
กระต่ายโลหิตเกาะติดจวินอู๋เสียเสียแล้ว หลังจากรู้สึกว่าอันตรายหายไปแล้ว สีแดงโลหิตบนขนของมันก็จางลงและกลับสู่ร่างของกระต่ายหูใหญ่ ดูเหมือนมันจะรู้ว่าจวินอู๋เสียอ่อนโยนกับมันในร่างของกระต่ายหูใหญ่ที่อ่อนแอมากกว่า พอเจ้ากระต่ายโลหิตเปลี่ยนร่างกลับแล้วมันก็ทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างน่าสงสารพลางส่งเสียงครางเบาๆ เสียงนั้นเบามากจนคนฟังรู้สึกปวดใจ
จวินอู๋เสียไม่อยากใส่ใจมัน แต่เมื่อเห็นเจ้ากระต่ายน้อยที่ดูอ่อนแอ ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ใจของนางก็อ่อนลง นางเดินไปที่เตียงเพื่ออุ้มมันขึ้นมาแล้วตรวจสอบบาดแผลอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่ามันไม่เป็นไร นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ปู้” ดูเหมือนมันจะสัมผัสได้ว่าจวินอู๋เสียใจอ่อนลงแล้ว เจ้ากระต่ายโลหิตก็ซุกตัวมุดเข้าไปในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียมากขึ้น ท่าทางของมันทั้งขี้อายและเจ้ามารยา
“แบ๊ะ!”
ไอ้กระต่ายเจ้าเล่ห์!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยิ่งเกลียดมันมากขึ้น มันกัดฟันด้วยความโกรธ
มันอยากคัดค้านจวินอู๋เสีย แต่พอถูกมองด้วยสายตาเย็นชามันก็เดินหลบออกไปอย่างเศร้าสร้อย มันรู้สึกหดหู่มากจนโขกเขาของมันชนกับขาเก้าอี้ซ้ำๆ
ใต้เท้าเจ้านายมีรักใหม่แล้ว! เจ้านายไม่รักใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแล้ว! ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเสียใจ!
จวินอู๋เสียมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแผลงฤทธิ์อย่างจนปัญญา นางถอนหายใจและเดินเข้าไปอุ้มมันขึ้นมา ให้เจ้ากระต่ายขี้อายอยู่ข้างซ้าย และใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจอมเอาแต่ใจอยู่ข้างขวา ตอนนี้จวินอู๋เสียเป็นคนเดียวที่รู้สึกอับจนหนทาง
เทียบกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแล้ว เจ้าแมวดำตัวน้อยใจเย็นกว่ามาก
มันรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายของมันไม่มีภูมิต้านทานสิ่งมีชีวิตขนปุยน่ารักๆ มันเดาได้ทันทีว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเมื่อรู้ว่าเจ้ากระต่ายโลหิตคือสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ
ถ้ามันเป็นกระต่ายหูใหญ่ธรรมดาทั่วไป จวินอู๋เสียก็อาจจะกังวลเรื่องที่ต้องใจสลายเมื่อมันตายและตัดสินใจไม่เลี้ยงมันไว้ แต่เมื่อมันเป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติที่แข็งแกร่งสามารถปกป้องตัวเองได้…แถมยังเป็นกระต่ายขี้อายที่เจ้ามารยาและเจ้าเล่ห์อีกด้วย จวินอู๋เสียไม่มีโอกาสต้านทานมันได้เลย
เจ้าแมวดำตัวน้อยแกว่งหางไปมาอย่างใจเย็น ทันใดนั้นมันก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่างานแปลของมันก็เพิ่มขึ้นด้วยนี่นา
ในอนาคตอันใกล้นี้ มันคงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแปลคำพูดของสัตว์วิญญาณได้อย่างแน่นอน!
เจ้ากระต่ายนั้นยังเป็นเพียงลูกสัตว์วิญญาณที่ยังไม่โตเต็มวัย และมันเพิ่งประสบกับประสบการณ์เฉียดตายมา ดังนั้นมันจึงอ่อนแอมาก จวินอู๋เสียอุ้มมันไว้ครู่เดียวมันก็หลับสนิทราวกับว่ามันไว้ใจเจ้านายคนใหม่ของมันอย่างเต็มที่จึงไม่ระวังตัวอะไรเลย
จวินอู๋เสียไม่มีทางเลือกนอกจากพาสัตว์วิญญาณทั้งสองตัวกับเจ้าแมวดำตัวน้อยไปนอนที่เตียง นางค่อยๆ ผล็อยหลับไป รอคอยการท้าชิงกับอันดับที่หนึ่งของลานประลองสัตว์วิญญาณที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
…..
ในตึกน้ำค้างเหมันต์ ซั่งกวนเหมี่ยวกำลังดันลูกแกะเข้าไปในกรงเหล็กขนาดใหญ่ บิดาของเขาเป็นรองหัวหน้าตึกน้ำค้างเหมันต์ เขายังเด็กจึงยังไม่ถูกจัดเข้าเป็นสมาชิกของน้ำค้างเหมันต์อย่างเป็นทางการ
ทันใดนั้นคนรับใช้ในเรือนพักก็นำข่าวมาบอกเขา
หลังจากซั่งกวนเหมี่ยวรู้ข่าว เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
“มีคนกล้าท้าชิงกับวานรทมิฬหกแขนของข้าจริงๆ หรือ” ซั่งกวนเหมี่ยวประหลาดใจมาก ถึงสัตว์วิญญาณของเขาจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำ แต่มันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะเทียบได้กับสัตว์วิญญาณระดับกลาง หลังจากชนะสิบรอบติดต่อกัน เขาก็ท้าชิงกับอันดับหนึ่งของลานประลองทันทีและยึดตำแหน่งที่หนึ่งมาได้ตั้งแต่ตอนนั้น แม้ว่าจะมีคนมาท้าชิงกับเขาอยู่บ้าง แต่สัตว์วิญญาณทุกตัวที่ขึ้นมาบนเวทีก็กลายเป็นอาหารของวานรทมิฬหกแขนของเขา และในช่วงสองสามวันมานี้ก็ไม่มีใครกล้าท้าชิงกับเขาอีกแล้ว
“แล้วเจ้าคนตาบอดคราวนี้มันเป็นใครเล่า” หลินเฟิงเดินออกมาจากในเรือนพัก เขาบังเอิญมาคุยกับซั่งกวนเหมี่ยวและได้ยินเรื่องการท้าชิงนี้เข้า