ตอนที่ 985 ท้าทาย (1) / ตอนที่ 986 ท้าทาย (2)
ตอนที่ 985 ท้าทาย (1)
ซั่งกวนเหมี่ยวอายุน้อยกว่าหลินเฟิงแค่หนึ่งปี และจากความสัมพันธ์ระหว่างบิดาของพวกเขาทำให้ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เล็ก
วานรทมิฬหกแขนที่ซั่งกวนเหมี่ยวเป็นเจ้าของอยู่ก็คือของขวัญจากหลินเชวียบิดาของหลินเฟิงที่ให้มาในวันเกิดครบรอบสิบปีของซั่งกวนเหมี่ยว ตอนที่สัตว์วิญญาณตัวนี้ยังแบเบาะ ซั่งกวนเหมี่ยวเลี้ยงดูมันมาอย่างระมัดระวังจนตอนนี้มันแข็งแกร่งจนไม่มีใครเทียบ พอมันโตเต็มวัยซั่งกวนเหมี่ยวก็พามันไปที่ลานประลองสัตว์วิญญาณทันทีเพื่ออวดความแข็งแกร่งของมัน
“รายงานคุณชายหลิน เป็นเด็กหนุ่มที่รองหัวหน้าตึกเพลิงพิโรธชิงอวี่พาไปขอรับ ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะชื่อจวินเสีย ไม่ใช่คนของเมืองพันอสูรขอรับ” คนรับใช้รายงานไปตามตรง
พอได้ยินชื่อของจวินอู๋เสีย ดวงตาของหลินเฟิงก็ลุกวาบด้วยความโกรธทันที
“เป็นมันนี่เอง”
“ทำไมหรือ พี่หลินรู้จักคนคนนี้ด้วยหรือ” ซั่งกวนเหมี่ยวถามเมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของหลินเฟิง
หลินเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “รู้จักสิ จะไม่รู้ได้อย่างไร จำที่ข้าเล่าให้ฟังได้หรือไม่ ตอนที่ชวีหลิงเย่ว์กลับมาพวกเขาพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับมาด้วย เจ้าหมอนั่นชื่อจวินเสีย!”
ซั่งกวนเหมี่ยวประหลาดใจ เขารู้ดีว่าหลินเฟิงคิดอย่างไรกับชวีหลิงเย่ว์ แต่หลินเชวียบิดาของหลินเฟิงได้ย้ายไปสวามิภักดิ์กับท่านยาย ความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าเมืองพันอสูรชวีเหวินเฮ่าจึงแย่ลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้ชวีหลิงเย่ว์ทำตัวห่างจากหลินเฟิงไปด้วย
“คนเดียวกันหรือ อย่างนั้นก็ดีสิ” ซั่งกวนเหมี่ยวหัวเราะอย่างดูถูก เขาตบบ่าหลินเฟิงแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนของเมืองพันอสูร เราก็ไม่ต้องมีมารยาทอะไรกับมัน มันกล้ามาท้าทายวานรทมิฬหกแขนของข้า รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนเถอะ ข้าจะทำให้มันรู้ซึ้งเอง ข้าว่าในนี้ข้าจะไม่ให้อาหารเจ้าวานรทมิฬดีกว่า พรุ่งนี้มันจะได้กินสัตว์วิญญาณของเจ้าเด็กนั่น จะได้แก้แค้นมันให้เจ้าด้วย”
หลินเฟิงพยักหน้า เขาไม่ชอบจวินอู๋เสียเลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาเห็นว่าชวีหลิงเย่ว์อ่อนโยนแค่ไหนตอนที่นางพูดกับจวินอู๋เสีย ภาพนั้นทิ่มแทงใจเขา
“ข้าเคยได้ยินมาว่าที่ลานประลองสัตว์วิญญาณบางครั้งสัตว์วิญญาณก็ทำร้ายคนด้วย เป็นความจริงหรือเปล่า” สีหน้าของหลินเฟิงดูชั่วร้ายขึ้นมาทันควัน
ซั่งกวนเหมี่ยวเข้าใจความหมายของเขาทันที เขารีบตอบว่า “ตอนที่การประลองรุนแรงเกินไปและสัตว์วิญญาณตื่นเต้นมากเกินไปจากกลิ่นคาวโลหิต บางตัวมันก็จะสูญเสียการควบคุมได้ ถ้าเกิดคลั่งขึ้นมาพวกมันก็จะวิ่งออกจากเวทีไปทำร้ายคนได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน”
หลินเฟิงยิ้มร้ายพลางมองไปที่วานรทมิฬหกแขนที่ถูกขังอยู่ในกรง
วานรทมิฬหกแขนมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าชายที่โตเต็มที่ถึงสองเท่า มันแขนที่แข็งแรงกำยำหกข้างซึ่งสามารถฉีกกระชากพยัคฆ์ได้เลย
“ดีมาก ในเมื่อคนมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อย่างนั้นก็ให้มันรู้ถึงอำนาจของเมืองพันอสูรเสีย มันคิดว่าใครก็จะมาอวดเก่งที่ลานประลองสัตว์วิญญาณของเมืองพันอสูรได้อย่างนั้นหรือ” หลินเฟิงพ่นลมออกมาดูถูก
ซั่งกวนเหมี่ยวพูดพร้อมหัวเราะ “เจ้ารอฟังข่าวดีพรุ่งนี้ได้เลย ข้ารับรองว่าข้าจะให้เจ้าวานรทมิฬของข้าดูแลเจ้าจวินเสียนั่นให้ดีเชียวล่ะ เราจะได้เห็นหมอนั่นกลัวจนขี้ขึ้นสมอง แล้วข่าวก็จะไปถึงชวีหลิงเย่ว์ ข้าสงสัยจริงๆ ว่านางจะเห็นคนขี้ขลาดหลงตัวเองอย่างมันมีอะไรดีอยู่อีก”
คำพูดของซั่งกวนเหมี่ยวเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นจากหลินเฟิง
“อย่างนั้นข้าต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ”
“วางใจเถอะ ข้าจัดการให้เอง”
หลินเฟิงพยักหน้า ดวงตาทอประกายชั่วร้าย
สำหรับชวีหลิงเย่ว์ เขาแน่ใจว่าเขาจะได้แต่งงานกับนางแน่ ไม่ว่าใครจะมาเป็นคู่แข่งกับเขา เขาจะไม่ยอมทนแน่
หลังจากชายหนุ่มทั้งสองคนวางแผนกันว่าจะแสดงพรุ่งนี้อย่างไร พวกเขาก็ไม่ห่วงวานรทมิฬหกแขนอีก แต่เดินกอดคอกันออกไปกินข้าวเย็น ตลอดอาหารมื้อนั้นพวกเขาช่วยกันคิดว่าพรุ่งนี้จะทำให้จวินอู๋เสียอับอายอย่างไรดี!
ตอนที่ 986 ท้าทาย (2)
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จวินอู๋เสียพาใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไปที่ลานประลองสัตว์วิญญาณกับนาง
เจ้ากระต่ายโลหิตอยากตามไปด้วยแต่ร่างกายของมันยังไม่หายดี แม้ว่ามันจะร้องครางอย่างน่าสงสารพยายามทำท่าทางให้น่ารักที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่จวินอู๋เสียก็ไม่ใจอ่อน มันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยืนมองตามหลังจวินอู๋เสียอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมกับโบกอุ้งเท้าเล็กๆ ของมันอย่างเศร้าสร้อย
ชิงอวี่รออยู่ข้างนอกประตูตึกเพลิงพิโรธพักใหญ่แล้ว เมื่อเขาเห็นจวินอู๋เสียเดินมาก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
“ท่านจะไปจริงๆ หรือขอรับ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
เมื่อไม่มีทางเลือก ชิงอวี่ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพาจวินอู๋เสียไปที่ลานประลองสัตว์วิญญาณอย่างจำยอม
เมื่อวานนี้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะสร้างความ ‘เร้าใจ’ เอาไว้ที่ลานประลองสัตว์วิญญาณ และนั่นดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก เมื่อทุกคนได้ยินว่าสัตว์วิญญาณระดับต่ำตัวเล็กๆ หาญกล้าท้าชิงกับวานรทมิฬหกแขนที่เป็นอันดับหนึ่งของลานประลอง คนมากมายก็มารวมตัวกันที่ลานประลองสัตว์วิญญาณ
วานรทมิฬหกแขนไม่เคยแพ้ในการประลองที่ผ่านมา และไม่มีสัตว์วิญญาณตัวใดทำร้ายมันได้เลยสักตัว พูดได้ว่าในหมู่สัตว์วิญญาณระดับต่ำทั้งหมดวานรทมิฬหกแขนจัดได้ว่าเป็นสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายและแข็งแกร่งที่สุด ทุกคนที่เคยเห็นความดุร้ายของวานรทมิฬหกแขนมาก่อนอยากจะเห็นความโหดของวานรทมิฬหกแขนอีกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ลานประลองสัตว์วิญญาณก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายแล้ว นอกจากพวกเขาจะสนใจวานรทมิฬหกแขนแล้ว พวกเขาก็ยังสงสัยเรื่องของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะของจวินอู๋เสียมาก
เมื่อวานทุกคนได้เห็นการต่อสู้ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแล้ว และจนบัดนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแกะที่ดูนุ่มนิ่มบอบบางตัวนั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหนถึงได้ทำให้สัตว์วิญญาณมากมายกลัวจนหนีไปได้แค่ส่งเสียงร้องออกมาครั้งเดียว
ซั่งกวนเหมี่ยวไปถึงลานประลองสัตว์วิญญาณตั้งแต่เช้า เขายืนอยู่ด้านล่างเวทีประลองกับกลุ่มสหายที่ล้อมรอบตัวเขา ส่วนเจ้าวานรทมิฬหกแขนตัวใหญ่เกินไปจึงไม่ได้รับอนุญาตให้พาเข้ามาก่อนการประลองจะเริ่มต้นขึ้น
“เขามาแล้ว! คนนั้นอย่างไรเล่า! นั่นแหละจวินเสีย!” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ซั่งกวนเหมี่ยวเห็นจวินอู๋เสียที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับชิงอวี่ เขาจึงตะโกนบอกซั่งกวนเหมี่ยวทันที
ซั่งกวนเหมี่ยวหรี่ตาลงมองไปที่เด็กหนุ่มที่ท้าชิงเขา เพียงมองครั้งเดียวเขาก็ยิ้มออกมาอย่างดูถูก
เขาเห็นเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนแอบอบบางคนหนึ่งอุ้มแกะขนปุยที่ดูเหมือนไม่มีความสามารถในการโจมตีเลยสักนิดเข้ามาในลานประลอง ซั่งกวนเหมี่ยวมองคู่ต่อสู้ของเขาแบบประเมินโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามองจวินอู๋เสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังดูถูกเหยียดหยามคู่ต่อสู้ของเขา
“สัตว์วิญญาณของเขาคือตัวที่เขาอุ้มอยู่นั่นหรือเปล่า” ซั่งกวนเหมี่ยวถามขึ้นพร้อมกับมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย
“ตัวนั้นแหละ”
“ฮะ! ไอ้เจ้าตัวนั้นชนะการประลองสิบรอบติดต่อกันได้ด้วยหรือ! หมายความว่าเมื่อวานนี้มีแต่พวกหมากับแมวมาประลองหรืออย่างไร” ซั่งกวนเหมี่ยวพบว่ามันน่าขำมากที่สัตว์วิญญาณแบบนั้นสามารถชนะการประลองสิบรอบติดต่อกันได้ เรื่องนี้รู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น
“สัตว์วิญญาณตัวนั้นแปลกมากเลยนะ ข้าได้ยินจากคนที่มาประลองเมื่อวานว่าสัตว์วิญญาณนั่นไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากร้องใส่คู่ต่อสู้หนึ่งครั้ง แล้วพวกสัตว์วิญญาณก็พากันกลัวหัวหดทุกตัวจนไม่สามารถต่อสู้ได้”
“หือ หมายความว่าอย่างไร ร้องครั้งเดียวก็ทำให้สัตว์วิญญาณกลัวเนี่ยนะ ข้าไม่เห็นรู้เลยว่ามีสัตว์วิญญาณแบบนั้นอยู่ในโลกด้วย” ซั่งกวนเหมี่ยวรู้สึกว่าข่าวลือพวกนั้นไม่น่าเชื่อถือ ถ้าได้ชัยชนะมาง่ายแบบนั้น อย่างนั้นลานประลองสัตว์วิญญาณก็ควรถูกปิดเสีย! ใครจะสนว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้ ซั่งกวนเหมี่ยวไม่ยอมเชื่อสิ่งที่ทุกคนพูด