ตอนที่ 987 ท้าทาย (3) ตอนที่ 988 ท้าทาย (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 987 ท้าทาย (3) / ตอนที่ 988 ท้าทาย (4)
ตอนที่ 987 ท้าทาย (3)

ตอนที่ซั่งกวนเหมี่ยวประเมินจวินอู๋เสีย ชิงอวี่ก็สังเกตเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของเขาเช่นกัน

“นั่นคือคู่ต่อสู้ของท่านในวันนี้ ซั่งกวนเหมี่ยว บิดาของเขาซั่งกวนเยี่ยนคือรองหัวหน้าตึกน้ำค้างเหมันต์ เจ้าเด็กนั่นสนิทสนมกับหลินเฟิงมาก ตอนที่ท่านมาถึงเมืองนี้เมื่อวาน ท่านได้พบกับหลินเฟิงแล้วจำได้หรือไม่ขอรับ หลินเฟิงนิสัยไม่ดีนักและดูจากท่าทีของซั่งกวนเหมี่ยว หลินเฟิงต้องพูดบางอย่างกับเขาแน่ถึงทำให้ซั่งกวนเหมี่ยวรู้สึกเกลียดท่าน” ชิงอวี่เตือนจวินอู๋เสียอย่างระมัดระวัง พูดตามตรงเขาไม่อยากให้จวินอู๋เสียลงประลองเลยจริงๆ

แต่จวินอู๋เสียกลับส่ายศีรษะ

“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก”

ถ้าเป็นศัตรู อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้ใส่ใจ ก็แค่จัดการพวกเขาเสียก็พอแล้ว

เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่สนใจ ชิงอวี่ก็ไม่พูดอะไรอีกและยืนอยู่ด้านข้างแบบเงียบๆ

เกิดเสียงซุบซิบขึ้นทั่วทั้งลานประลอง ทุกคนรอให้การประลองเริ่มต้นขึ้น

ไม่นานการประลองก็กำลังจะเริ่ม ตามกฎแล้วจวินอู๋เสียกับซั่งกวนเหมี่ยวต้องนำสัตว์วิญญาณของพวกเขาขึ้นไปบนเวที

จวินอู๋เสียอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและวางมันลงบนเวทีประลอง เทียบกับปฏิกิริยามึนงงและสับสนเมื่อวานนี้ วันนี้พูดได้เลยว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะให้ความร่วมมือดีมาก

ตอนนี้มันเข้าใจแล้วว่าตราบใดที่มันยืนอยู่ในนี้และส่งเสียงร้องใส่สัตว์วิญญาณตัวอื่นสักสองสามครั้ง มันจะได้กินใบบัวเป็นรางวัล ดังนั้นวันนี้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พอมันถูกวางลงบนเวที มันก็ก้าวเท้าออกเดินไปที่กลางเวที ดูกระตือรือร้นและตื่นเต้นมาก

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะพาร่างอ้วนกลมของมันเดินโยกไปมาอย่างน่ารัก แต่ความน่ารักเช่นนั้นเมื่ออยู่บนเวทีประลองของลานประลองสัตว์วิญญาณก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชมของผู้คนที่นั่น มันแค่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นดูไม่เก่งเอาเสียเลย แล้วมันชนะรวดสิบรอบติดต่อกันได้อย่างไร

ด้วยความสงสัยผู้คนจึงพากันมาดูการประลองของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับวานรทมิฬหกแขนในวันนี้ หวังว่าจะสามารถเห็นกลอุบายเบื้องหลังมันได้ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะคิดเท่าไรก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าแกะโง่แบบนั้นจะมีความสามารถอะไรได้อย่างไร

ซั่งกวนเหมี่ยวมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ยืนอยู่บนเวทีแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยาม เขาพยักหน้าให้พรรคพวกของเขา แล้วพวกเขาก็เดินไปตรวจสอบวานรทมิฬหกแขนทันที

วานรทมิฬหกแขนถูกขังอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ พวกเขาดึงมันมาที่เวทีด้วยรถลาก พอมันเข้ามาที่นั่นกลิ่นคาวโลหิตในลานประลองก็กระตุ้นมันให้ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เมื่อวานซั่งกวนเหมี่ยวไม่ได้ให้อาหารมัน มันจึงมาประลองด้วยความหิว สัญชาตญาณสัตว์ป่าของมันพุ่งขึ้นเพราะกลิ่นคาวโลหิตและความหิว

“กรร! กรร!”

วานรทมิฬหกแขนในกรงเหล็กตื่นเต้นกระวนกระวาย มันเขย่ากรงและร้องคำรามเสียงดัง ตัวมันใหญ่เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ ทุกครั้งที่มันกระแทกกรงก็ดูเหมือนทั้งลานประลองแทบจะสั่นสะเทือน

“กรร!” วานรทมิฬหกแขนเห็นเจ้าก้อนกลมตัวน้อยบนเวทีประลอง ร่างสีขาวเหมือนหิมะนั่นดูเหมือนลูกแกะที่มันกินอยู่ทุกวัน ทันทีที่มันเห็นใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ ทุกอณูในร่างของมันก็ดูเหมือนจะกรีดร้องเพื่อให้มันกินคู่ต่อสู้ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม!

เสียงคำรามดังลั่นไปทั่วลานประลองจนทุกคนที่นั่นเริ่มปวดแก้วหู ผู้ชมมองเจ้าวานรทมิฬหกแขนที่กำลังเกรี้ยวกราดอย่างตื่นเต้น อารมณ์ของพวกเขาถูกปลุกเร้าขึ้นถึงขีดสุดจากความเกรี้ยวกราดของเจ้าวานรทมิฬหกแขน!

การได้เห็นสัตว์วิญญาณที่แกร่งที่สุดในหมู่สัตว์วิญญาณระดับต่ำอย่างวานรทมิฬหกแขนทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนแทบคลั่งจริงๆ!

ตอนที่ 988 ท้าทาย (4)

เมื่อวานรทมิฬหกแขนถูกปล่อยออกจากกรง มันก็พุ่งออกมาทันที ร่างอันสูงตระหง่านของมันยืนอยู่บนเวทีประลอง ดูยิ่งใหญ่ทรงพลัง แขนทั้งหกของมันใหญ่เท่าต้นขาคน มันทุบอกตัวเองเพื่อระบายความเกรี้ยวกราดภายใน!

“กรร! กรร!”

เสียงเจ้าวานรทมิฬหกแขนทุบอกตัวเองนั้นได้ยินอย่างชัดเจน มันอ้าปากแยกเขี้ยววิ่งไปรอบๆ เวทีประลองพร้อมกับคำรามเสียงดัง อวดความน่าเกรงขามของตัวเอง

ทั้งลานประลองสัตว์วิญญาณพากันเงียบ เสียงคำรามของวานรทมิฬหกแขนทำให้ทุกคนลืมตัวและตื่นเต้นมาก

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยืนนิ่งอยู่กับที่ ดูรังเกียจเจ้าวานรทมิฬหกแขนที่คำรามก่อนการประลองจะเริ่มขึ้นมาก

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะคิดว่ามันจะไม่ทำโง่ๆ แบบเจ้าลิงนั่น คำรามก่อนเริ่มศึกประลองสัตว์วิญญาณไม่ทำให้มันได้กินอะไร ทำอะไรโง่ๆ

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยืนนิ่งอย่างสงบอยู่กับที่โดยไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เสียงคำรามของวานรทมิฬหกแขนไม่ได้ส่งผลอะไรกับมัน พวกผู้ชมรอบด้านตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากการคำรามไม่หยุดของเจ้าวานรทมิฬ ไม่มีใครสนใจใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเลยสักนิด

ซั่งกวนเหมี่ยวมองสภาพที่ยอดเยี่ยมของเจ้าวานรทมิฬหกแขนอย่างพอใจ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าท้าชิงกับมันเลย วานรทมิฬหกแขนจึงไม่มีโอกาสปรากฏตัวทำให้ซั่งกวนเหมี่ยวหมดโอกาสอวดความยิ่งใหญ่ของสัตว์วิญญาณของเขา ตอนนี้มีคนมารนหาที่ตายถึงหน้าประตู แล้วทำไมเขาจะต้องยั้งมือด้วย

ซั่งกวนเหมี่ยวเบนสายตาไปมองจวินอู๋เสียด้วยแววตาชั่วร้าย เขาไม่เห็นว่าเจ้าเด็กน้อยนั่นจะดีกว่าหลินเฟิงตรงไหน

หลินเฟิงเป็นบุตรชายของหัวหน้าตึกน้ำค้างเหมันต์ ตำแหน่งและสถานะของเขาในเมืองพันอสูรเป็นสิ่งที่คนมากมายในเมืองพันอสูรไม่อาจเทียบเคียงได้ เจ้าจวินเสียคนนี้ไม่ได้เป็นคนของเมืองพันอสูรด้วยซ้ำ และดูจากการแต่งตัวของมันก็ไม่ได้มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงอะไร เด็กน้อยที่ดูธรรมดาเช่นนั้นคิดจะมาเกี้ยวชวีหลิงเย่ว์แข่งกับหลินเฟิง ช่างน่าหัวเราะ

ในที่สุดเสียงระฆังเริ่มศึกประลองสัตว์วิญญาณก็ดังขึ้น!

แขนอันกำยำทั้งหกของวานรทมิฬหกแขนวางตั้งกับพื้น ตัวของมันเอียงมาข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่แกะน้อยไร้พิษภัยที่รอคอยให้มันสังหารด้วยแววตามุ่งร้าย

ทั่วทั้งลานประลองพากันส่งเชียร์สนั่น พวกเขาตื่นเต้นที่มีโอกาสได้เห็นการสังหารโหดที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา!

แต่ว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนที่มันทำมาตลอดทั้งสิบรอบ เท้าของมันไม่ยกขึ้นจากพื้นเลยสักนิด

ทันใดนั้นเจ้าวานรทมิฬก็พุ่งตรงเข้าใส่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ! แขนทั้งหกของมันทิ้งรอยลึกเอาไว้บนพื้นเวทีประลองขณะที่มันพุ่งเข้ามาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี!

ทุกคนคิดว่าในที่สุดตำนานของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็จะจบลงตรงนี้โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย

และแล้วใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็อ้าปาก…

“แบ๊ะ”

เจ้าวานรทมิฬหกแขนที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเกรี้ยวกราดเต็มที่ ได้ยินเสียงร้องที่ไร้พิษภัยจากใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเพียงครั้งเดียว ทันใดนั้นมันก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ ร่างที่พุ่งตรงเข้ามากระตุกทันที แขนทั้งหกข้างขุดลงไปในพื้นอย่างแรงตามทางที่มันวิ่งมา!

แครก แครก แครก!

เสียงนิ้วของเจ้าวานรทมิฬหกแขนที่เจาะลึกลงไปบนพื้นเวทีประลองดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มันพยายามตะเกียกตะกายหยุดตัวเองจากการพุ่งเข้าไปแบบเต็มแรงของมัน!

ฝ่ามือของมันถึงกับเนื้อฉีกจากแรงเสียดทานที่ลากไปตามพื้น!

ร่างใหญ่โตของมันครูดไปกับพื้นจนหยุดได้ในที่สุด มันหยุดห่างจากใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะประมาณครึ่งเมตร!

“อ๊าววว! อ๊าววว!” เจ้าวานรทมิฬหกแขนร้องโหยหวนออกมาเป็นชุดอย่างน่าสงสาร