บทที่ 530 นักศึกษาผู้ใฝ่รู้
บทที่ 530 นักศึกษาผู้ใฝ่รู้
ฉู่ฮวนเจารออยู่ที่ประตูคฤหาสน์แล้ว นางโกรธเคืองเมื่อเห็นเขา “พี่เขยหน้าเหม็น! ท่านออกไปสนุกโดยไม่มีข้าอีกแล้ว!”
—
ท่านยั่วยุฉู่ฮวนเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 23…23…23…
—
ซูอันหัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วน “ข้าได้รับเชิญให้ออกไปดื่ม เจ้าไม่สามารถดื่มได้! แม่และพี่สาวของเจ้าจะฆ่าข้าแน่นอนถ้าข้าพาเจ้าไปด้วย”
“แต่… ท่านจะออกไปโดยไม่พูดอะไรไม่ได้!” ฉู่ฮวนเจายังคงอารมณ์เสีย นางรอเขาอย่างมีความสุขหลังเลิกเรียนเมื่อวันก่อน แต่สิ่งเดียวที่ปรากฏคือใบหน้าโง่ ๆ ของเฉิงโซวผิง
“ตกลง ๆ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว” ซูอันตอบทันที
ฉู่ฮวนเจามองเขาอย่างสงสัย “ท่านตั้งใจทิ้งข้าไว้เพราะข้าเผลอไปทำลายความสัมพันธ์ของท่านกับจี้เสี่ยวซีหรือเปล่า?”
ซูอันเอามือปิดปากของนางทันที เขามองไปรอบ ๆ แล้วหายใจออกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ “พูดเบา ๆ หน่อย! เจ้าเป็นผู้หญิง ดังนั้นเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะประพฤติตนให้สงบเสงี่ยม! เจ้าจะมาซุบซิบนินทาในที่สาธารณะแบบนี้ไม่ได้…”
ฉู่ฮวนเจาพ่นลมหายใจ “ใช่สิ ข้าไม่ได้เป็นกุลสตรีเท่าจี้เสี่ยวซีของท่าน!”
เด็กคนนี้น่ารักจริง ๆ…นางทำแก้มป่องทำให้เขาขบขันอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของนางเบา ๆ
ฉู่ฮวนเจากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่การถูกหยิกแก้มทำให้อากาศทั้งหมดรั่วไหลออกจากปากนาง เสียงคำบ่นที่รุนแรงของนางลดลงเหลือเพียงเสียงพึมพำที่ฟังไม่ออก
ฉู่ฮวนเจาปัดมือของซูอันออกและจ้องมองที่เขา “พี่เขยหน้าเหม็น!”
ซูอันรู้สึกหดหู่ใจ เจ้าแสดงสีหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่คะแนนความโกรธแค้นของข้าอยู่ที่ไหน?
ดูเหมือนว่าการใกล้ชิดนางมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน หรือว่าข้าควรพลิกตัวนางคว่ำแล้วตบก้นนางเพื่อรับคะแนนความโกรธแค้นดีไหม?
เจียวซานเหอ เฟิงต้าหนิว โจวหลูจวิ้น และหทารคุ้มกันคนอื่น ๆ ต่างกระซิบกระซาบกันเอง
“นายน้อยมักจะใกล้ชิดกับคุณหนูรองเสมอ และพวกเขาก็สัมผัสตัวกันบ่อย ๆ แบบนี้มัน…ไม่ดี…ใช่ไหม?”
“เจ้าจะพูดมากไปทำไม? คุณหนูรองของเรายังไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วทำไมเจ้าถึงไปยุ่งเรื่องของนาง?”
“ปั้ดโธ่ ก็ข้าไม่อยากให้นายหญิงลงโทษข้าที่มัวแต่ยืนดูอยู่เฉย ๆ นี่นา!”
หลังของพวกเขาเย็นวาบเมื่อคิดถึงท่าทางที่ดุร้ายแต่สง่างามของฉินหว่านหรู
เฉิงโซวผิงไม่พลาดที่จะแสดงความคิดเห็นด้วย “ฮิฮิ พวกเจ้าทุกคนคิดผิดแล้ว พูดตามตรง ข้ารู้สึกว่าคุณหนูรองจะเป็นของนายน้อยไม่ช้าก็เร็ว หากเป็นเช่นนั้น ฮูหยินจะไม่สามารถตำหนิเราได้อีกต่อไป”
แสงสว่างแห่งความจริงส่องมาที่พวกเขา
“เจ้ามีเหตุผลมาก!”
“นายน้อยเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ชายทุกคนอย่างแท้จริง!”
“ข้าต้องหาโอกาสที่จะขอคำแนะนำดี ๆ จากเขาบ้างซะแล้ว…ข้าไม่สามารถกำราบผู้หญิงที่บ้านได้ด้วยซ้ำ”
…
เมื่อพวกเขาไปถึงสถาบันจันทร์กระจ่าง ฉู่ฮวนเจาก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ นางวิ่งไปหาอาจารย์ลู่เต๋อผู้เคร่งขรึมซึ่งยืนอยู่ข้างทางเข้า “เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของท่านอาจารย์?” นางถาม
ลู่เต๋อที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของรูปลักษณ์อยู่เสมอ ในตอนนี้ดวงตาของเขาดำ ๆ ม่วง ๆ เป็นวงราวกับถูกใครต่อยมา
หลายคนต่างสงสัย ระดับการบ่มเพาะของลู๋เต๋ออยู่ในระดับสูงแล้ว และโดยปกติเขามีนิสัยที่ดุร้าย ใครจะกล้าต่อยตีชายผู้นี้?
ลู่เต๋อเอามือปิดตาซ้ายของเขาด้วยความอับอาย “เมื่อคืนข้าตื่นจากเตียงกลางดึกแล้วชนกำแพงโดยบังเอิญ!”
“ปั้ดโธ่! กำแพงที่บอบบางจะพังเสียหายแค่ไหนหากถูกอาจารย์ลู่ชนเอาเช่นนี้” เสียงเยาะเย้ยลอยมา ไป๋ซู่ซู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความโชคร้ายของลู่เต๋อ
“เรื่องของข้าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า! ผู้ชายจะพลาดสักครั้งไม่ได้หรือไง?” ลู่เต๋อโต้กลับ
ไป๋ซู่ซู่หัวเราะเยาะเย้ย “ข้าก็แค่กังวลเกี่ยวกับร่างกายของเจ้า อาจารย์ฝ่ายปกครองที่รักของข้า ไม่ใช่แค่ตาของเจ้าเจ็บ แต่การตื่นกลางดึกอาจเป็นสัญญาณถึงปัญหาเกี่ยวกับไต!”
เขาหัวเราะคิกคักและเดินออกไปหลังจากพูดแบบนี้
“หญิงก็ไม่ใช่ ชายก็ไม่เชิงอย่างเจ้ากล้าพูดว่าคนอื่นมีปัญหาเกี่ยวกับไตได้ยังไงกัน? ถุย!” ลู่เต๋อถ่มน้ำลายไล่หลังร่างที่จากไปด้วยความรังเกียจ
และเขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นนักศึกษารวมตัวกันรอบตัวเขา
“พวกเจ้ามองอะไรกัน? เข้าไปข้างในได้แล้ว!” เขาไม่รู้ว่าไอ้บ้าที่ไหนทำร้ายเขาเมื่อคืนก่อน
เห็นได้ชัดว่าระดับการบ่มเพาะของคนผู้นั้นสูงกว่าเขามาก แต่อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่แค่เล่นกับเขาเหมือนแมวเล่นกับหนู เกือบจะเหมือนกับว่าคน ๆ นั้นพยายามวัดทักษะการต่อสู้ของเขา
ถ้าเขายังไม่คุ้นเคยกับนิสัยของไป๋ซู่ซู่ เขาคงคิดว่าอีกฝ่ายจงใจส่งใครสักคนมาทำให้เขาอับอาย…
ฉู่ฮวนเจาแลบลิ้น จากนั้นจึงลากซูอันเข้าไปในสถาบันจันทร์กระจ่างอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงข้างในชั้นเรียน เว่ยสั่วจึงแสดงความขอบคุณต่อซูอันเมื่อพบหน้า เขาเมามากในคืนก่อน แล้วก็รู้สึกขอบคุณที่ซูอันพาเขาไปส่งบ้าน
ซูอันบอกเว่ยสั่วอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ และใช้โอกาสนี้ถามเว่ยสั่วอ้อม ๆ เกี่ยวกับผู้บ่มเพาะลึกลับในตระกูลของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเว่ยสั่วจะเชี่ยวชาญในการล่วงรู้เรื่องของชาวบ้าน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองเลย
ซูอันหยุดซักถามเพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไป
ชั้นเรียนต่อไปเป็นชั้นเรียนเลขคณิตของเขา นี่เป็นชั้นเรียนที่แม้แต่นักศึกษาในชั้นเรียนนภาก็ไม่สนใจ
อย่างไรก็ตาม เซี่ยเต๋าอวิ๋นและเจิ้งตานได้ริเริ่มที่จะเข้าเรียนในชั้นเรียนของเขา ซึ่งดึงดูดนักศึกษาชายจำนวนมาก
ซูอันตามหาผู้หญิงทั้งสองหลังเลิกเรียนและพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “แม่นางทั้งสอง ต่อไปได้โปรดอย่าเข้าเรียนในชั้นเรียนของข้าอีกเลยนะ”
“ทำไมล่ะ?” เซี่ยเต๋าอวิ๋นถามด้วยความสงสัย เจิ้งตานก็ดูสับสนเช่นกัน
ซูอันถอนหายใจ “ข้าวางแผนที่จะผ่อนคลายระหว่างชั้นเรียน แต่เจ้าสองคนพากองทัพผู้ชื่นชมมาด้วย ทำให้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสอนอย่างจริงจัง! มันเหนื่อยนะรู้ไหม?”
หญิงสาวทั้งสองต่างก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เซี่ยเต๋าอวิ๋นจะหัวเราะออกมา “เจ้าช่างแตกต่างจากคนธรรมดาเกินไปจริง ๆ”
“แน่นอน! คนธรรมดาไม่มีทางหล่อได้แบบข้าหรอกจริงไหม?” ซูอันตอบกลับ
ดวงตาของเซี่ยเต๋าอวิ๋นเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถรับความหน้าด้านของอีกฝ่ายได้
เจิ้งตานจับมือหญิงสาวข้าง ๆ แล้วหันหลังพากันเดินจากไป “มีบางอย่างผิดปกติกับหัวของชายคนนั้น” นางกล่าวอย่างเบา ๆ “เราอย่าไปฟังเขามากจะดีกว่า”
“อย่างนั้นหรือ? แค่ข้าคิดว่ามีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับเขา” เซี่ยเต๋าอวิ๋นยิ้ม เมื่อนึกถึงทักษะทางวรรณกรรมที่โดดเด่นที่ซูอันแสดงเมื่อคืนก่อน นางก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองซูอันอีกครั้ง
และด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูอันโบกมือกลับให้นาง! นางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและรีบหันกลับทันที หัวใจของนางเต้นแรง
เจิ้งตานกลอกตาและกระซิบบางอย่างกับนาง
เซี่ยเต๋าอวิ๋นพยักหน้า “ข้าจะกลับไปเรียนแล้ว เจ้าจัดการธุระให้เรียบร้อยเถอะ”
เจิ้งตานแกล้งทำเป็นไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อร่างของเซี่ยเต๋าอวิ๋นพ้นมุมหายไป นางจึงเปลี่ยนทิศทางกลับไปหาซูอันทันที
ซูอันทำหน้าอึดอัดใจ “ว่าไงนักศึกษา? ต้องการถามอะไรข้าอีกงั้นหรือ?” เขาถาม
เจิ้งตานตอบด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย “ท่านอาจารย์ ข้ามีคำถามบางอย่างในชั้นเรียนที่ข้าไม่เข้าใจ ช่วยอธิบายให้ข้าฟังได้ไหม?”
นักศึกษาที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดถอนหายใจด้วยความชื่นชม แม่นางเจิ้งช่างขยันจริง ๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะเป็นคนที่โดดเด่น
ตระกูลเจิ้งมีธุรกิจมากมาย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะมีความสนใจในวิชาคณิตศาสตร์
ทั้งสองคุยกันระหว่างเดินไป มองเผิน ๆ ดูเหมือนอาจารย์กำลังสั่งสอนนักศึกษาที่เชื่อฟังทุกประการ
แต่เมื่อทั้งสองเดินไปถึงทางแยกที่ถนน พวกเขาก็แอบเข้าไปในมุมที่ลับตาคน เจิ้งตานโผเข้าไปในอ้อมกอดของซูอันและเริ่มจูบเขาอย่างเร่าร้อนโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจ
ทั้งสองไม่สังเกตเห็นชายชรายืนที่อยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่อยู่ห่างไกลออกไป เขามีสีหน้าแปลก ๆ “นายน้อยของตระกูลฉู่ จริง ๆ แล้ว…”
เขาพยายามคิด แต่ไม่พบคำพูดที่เหมาะสม เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย และพบว่าตัวเองรู้สึกเบื่อหน่ายกับมันเล็กน้อยด้วยซ้ำ
เขาส่ายหัวและเดินเข้าไปในสถาบันจันทร์กระจ่างต่อไป “ข้าจะทดสอบใครต่อไปดี?” เขาพึมพำกับตัวเอง