บทที่ 531 นายน้อยผู้น่าเกรงขาม
บทที่ 531 นายน้อยผู้น่าเกรงขาม
ถ้าซูอันได้เห็นชายชราที่ซ่อนตัวอยู่ เขาย่อมจำได้ทันทีว่าชายชราผู้นี้คือผู้บ่มเพาะลึกลับจากตระกูลเว่ย
หลังจากได้ยินข่าวว่าซูอันดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นและได้เรียนรู้บางอย่างมาจากสถาบันจันทร์กระจ่าง เขาจึงตัดสินใจแวะมาดูรอบ ๆ
คนแรกที่ต้องทนทุกข์กับการตรวจสอบของเขาคือลู่เต๋อ อย่างไรก็ตาม หลังจากทดลองประมือกับอีกฝ่ายเกือบครึ่งวัน เขาก็ไม่เห็นความเกี่ยวข้องใด ๆ ระหว่างลู่เต๋อกับคนที่เขากำลังมองหา
ดังนั้นเขาจึงเริ่มออกหาเป้าหมายต่อไป
ในไม่ช้า ไป๋ซู่ซู่ที่เป็นผู้หญิงก็ไม่เชิงผู้ชายก็ไม่ใช่ได้เข้ามาในสายตาของเขา ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะเกลียดชังพวกประหลาดแบบนี้ที่ดูเหมือนครึ่งชายหรือหญิง
เขาติดตามไป๋ซู่ซู่อย่างเงียบ ๆ สถาบันจันทร์กระจ่างมียามรักษาการณ์มากมายทั้งในที่โล่งและในที่ลับ แต่เขาสามารถเล็ดลอดผ่านสายตาพวกยามทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ซูอันไม่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมาย เขาหมกมุ่นอยู่กับเกมที่เขาเล่นกับเจิ้งตาน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยการท้าทายว่าใครจะกลั้นหายใจได้นานกว่า
หลังจากเล่นไปได้สักพัก เกมนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะสนองซูอันอีกต่อไป เขาจับต้นขาของนางและอุ้มทั้งตัวของนางขึ้น กดนางเข้ากับผนังอย่างแน่นหนา
ใบหน้าของเจิ้งตานกลายเป็นสีแดง “อาจมีคนเดินผ่านมาเห็นเรา!” นางพูดด้วยความตื่นตระหนก
แม้ว่าบริเวณนี้จะค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันจันทร์กระจ่าง พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะไม่มีใครเดินผ่านมา
“ทำไมเราไม่ลองดูล่ะ?” ซูอันกระซิบที่หูของนาง
หัวใจของเจิ้งตานสั่นไหว นางกัดริมฝีปากและพูดเบา ๆ ว่า “ถ้างั้นเจ้าต้องทำเร็ว ๆ…”
เมื่อเจิ้งตานกลับมาที่ชั้นเรียน เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็มองนางแปลก ๆ “ทำไมหน้าของเจ้าแดงขนาดนี้? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เจิ้งตานส่ายหัว “ข้าสบายดี”
นางไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกอึดอัดเท่านั้น แต่นางยังรู้สึกตรงกันข้ามอีกด้วย
มีด้านที่กล้าหาญอย่างยิ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ภายนอกที่เรียบร้อยและสง่างามของนาง อย่างไรก็ตาม กิจกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นก็เสี่ยงเกินไปอย่างแน่นอน!
หัวใจของนางเต้นแรงตลอดเวลาในขณะที่สนุกกับซูอัน ถ้าใครผ่านไปเห็น ชื่อเสียงของนางคงพังยับเยิน!
อย่างไรก็ตาม ยิ่งนางรู้สึกเครียดมากเท่าไร นางก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น และร่างกายของนางก็ยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นเป็นเท่าทวี…
ด้วยความอ่อนล้า นางจึงไม่สามารถรักษาอาการขยันขันแข็งกับการเล่าเรียนได้อีกต่อไป นางนอนฟุบไปบนโต๊ะอย่างเปี่ยมเสน่ห์ ตอนนี้นางรู้สึกขี้เกียจจนไม่อยากจะยกแม้แต่นิ้วเดียว
นักเรียนชายจำนวนมากสังเกตเห็นว่ากิริยาท่าทางของนางดูแตกต่างไปจากปกติอย่างสิ้นเชิง พวกเขาแอบมองนางราวกับจะกลืนกินลงไป
น่าเสียดายนี่คือสิ่งพวกเขาพอจะทำได้ทั้งหมด พวกเขารู้ว่าคู่หมั้นของ เจิ้งตานเป็นถึงผู้บัญชาการกองทหารลาดตระเวนลำน้ำและลูกชายของผู้ตรวจการ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าปฏิบัติต่อนางด้วยความไม่เคารพ เพราะกลัวว่าจะยั่วยุตระกูลซ่าง
เจิ้งตานพบซูอันอีกครั้งในตอนเย็นหลังเลิกเรียน อย่างไรก็ตาม คราวนี้ นางเพียงส่งยิ้มจาง ๆ ให้เขาและพยักหน้าเป็นการทักทาย
สำหรับคนอื่น ๆ นี่ดูเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนการทักทายกันปกติ ยังไงซะ เจิ้งตานก็สุภาพกับทุกคน
ซูอันลอบยกนิ้วให้ผู้หญิงคนนี้ นางเป็นนักแสดงที่น่าทึ่ง เจิ้งตานมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งในที่สาธารณะ แต่แล้วกลับทำพฤติกรรมแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อไม่มีใคร!
“คิดอะไรอยู่พี่เขย? ทำไมท่านยิ้มแปลก ๆ” ฉู่ฮวนเจาวิ่งมาหาเขาอย่างตื่นเต้นเมื่อนางเห็นเขารอนางอยู่
“ข้ายิ้มเหรอ?” ซูอันเอามือถูแก้ม
“ฮึ่ม! ท่านกำลังยิ้มราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น!” ฉู่ฮวนเจาจู่ ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เอ๊ะ ท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าทำไม?”
“ข้าทำชุดเก่าสกปรก ข้าก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นชุดอื่น” ซูอันตอบ
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ตัวเองประมาทได้อีก! ฉู่ชูเหยียนจมูกไวขนาดได้กลิ่นแม้เพียงน้ำหอมเล็กน้อยที่ติดตัวเขา เขาจะทำผิดพลาดเหมือนเดิมได้อย่างไร?
“อ้อ… ” ฉู่ฮวนเจาไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยเขา
ซูอันสังเกตเห็นจี้เสี่ยวซีอยู่ไม่ไกลเกินไป ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารักเสียจริง! ไม่น่าแปลกใจที่จี้เติ้งถูจะรักและหวงแหนนาง
ข้าคงไม่ดีไปกว่าจี้เติ้งถูสักเท่าไหร่ถ้าข้ามีลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้
“เฮ้ เสี่ยวซี!” ซูอันโบกมือไปทางนาง คงจะดีถ้าเขาสามารถซื้อพวกยาฟื้นฟูหรือพวกยาสมานแผลผ่านนางได้
อาการบาดเจ็บของเพ่ยเหมียนหมานในคืนก่อนหน้านั้นเตือนให้ชายหนุ่มรู้ว่า เขาไม่สามารถรอใช้คะแนนความโกรธแค้นของตัวเองสำหรับหายาฟื้นฟูได้เพียงอย่างเดียว เขาต้องหายาฟื้นฟูแบบอื่นเก็บไว้กับตัวเองบ้าง
และแน่นอนว่าในเมืองจันทร์กระจ่าง ไม่มียาของตระกูลอื่นใดเทียบได้กับยาของหมอเทวะจี้
อย่างไรก็ตาม จี้เสี่ยวซีกระโดดเหมือนกระต่ายตกใจเมื่อได้ยินเสียงของเขา นางรีบวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมา
ซูอันอ้าปากค้างมองนางจากไป
“ฮวนเจา ข้าดูเหมือนคนร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” แน่นอนเขาไม่พอใจกับปฏิกิริยาของจี้เสี่ยวซี
ฉู่ฮวนเจามองเขาขึ้น ๆ ลง ๆ จากนั้นก็พยักหน้ารัว ๆ “ใช่! ท่านดูเป็นคนที่เลวร้ายที่สุดจริง ๆ!”
ซูอันจ้องนาง
ฉู่ฮวนเจาพ่นลมหายใจ “เป็นความผิดของท่านเองที่มองนางเมื่อนางไม่ได้สวมเสื้อผ้า ถ้านางไม่หลีกเลี่ยงท่านน่ะสิแปลก”
ฉู่ฮวนเจาเชื่อซูอันแล้วว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหลังจากได้ยินคำอธิบายที่ยาวนานและยากลำบากจากเขา
“ลดเสียงลงหน่อยสิ!” ซูอันส่งเสียงเตือนด้วยความอับอาย
หลังจากพูดจบประโยค ซูอันก็หันกลับไปถามเหล่าทหารคุ้มกันของเขา “พวกเจ้ามีใครได้ยินอะไรไหม???”
เฟิงต้าหนิวและทหารยามคนอื่น ๆ ตกตะลึง นายน้อยของพวกเขาเคยเห็นจี้เสี่ยวซีเปลือยเปล่าจริง ๆ เหรอ?
อย่างไรก็ตาม พวกเขาส่ายหัวทันทีเมื่อเห็นท่าทีคุกคามของซูอัน “พ…พวกเราไม่ได้ยินอะไรเลยนายน้อย!” พวกเขาพูดพร้อมกัน
มีเพียงเสียงประจบประแจงของเฉิงโซวผิงเท่านั้นที่ต่างออกไป “นายน้อยช่างน่าเกรงขามจริง ๆ แม้แต่จี้…”
เจียวซานเหอและคนอื่น ๆ ปิดปากของเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! เจ้าฟังมาผิด!”
“ฮึ่ม!” ฉู่ฮวนเจาจ้องมองเหล่าทหารคุ้มกันอย่างดุร้ายและลากซูอัน ออกไปพร้อมกับนาง
เมื่อพวกเขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ซูอันก็สังเกตเห็นรถม้าที่คุ้นเคยจอดอยู่ด้านนอก
สาวใช้วิ่งออกมาจากรถม้าขณะที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้น “นายน้อยซู คุณหนูของเราเชิญท่านพบกับนาง”
“ใครคือคุณหนูของเจ้า?” ฉู่ฮวนเจาตัดหน้าถามอย่างระมัดระวัง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมผู้หญิงถึงวิ่งเข้าหาพี่เขยของข้ามากขึ้นเรื่อย ๆ?
สาวใช้ยิ้มหวาน “นายน้อยซูจะรู้เมื่อเขาไปถึง”
นางกล่าวเสริมว่า “คุณหนูของข้าอยู่ที่นั่น ใช้เวลาไม่นาน”
ซูอันลูบหัวฉู่ฮวนเจา “ฮวนเจาน้อย ไม่ต้องกังวล ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
ฉู่ฮวนเจาพ่นลมด้วยความโกรธ นางอยากจะไปด้วยเหมือนกัน แต่สาวใช้ผู้นี้กลับห้ามนาง โดยบอกว่าคำเชิญนั้นมีไว้สำหรับซูอันคนเดียว นางทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง
“ข้าไม่รอท่านแล้ว!” ฉู่ฮวนเจาตะโกนก่อนที่นางจะเดินเข้าไปข้างใน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นางผ่านประตูเข้าไป นางก็ไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ นางซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและเพ่งมองไปทางรถม้า