นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 384 การแข่งขัน 7

โจวกุ้ยหลานโอบกอดเสี่ยวรุ่ยอานเอาไว้แน่น แล้วกล่าวปลอบโยนว่า: “พวกเราคือคน และไม่ใช่พระเจ้า เรื่องที่ทำไม่ได้ย่อมมีมากมายนัก เรื่องที่พวกเราจะต้องไปทำเพื่อตัวเอง ก็ทำได้เพียงพยายามทุ่มเททำให้เต็มที่ เช่นนี้ถึงจะพ่ายแพ้ ก็จะไม่เสียใจในภายหลังใช่หรือไม่?”

เสี่ยวรุ่ยอานยังคงก้มหน้า ไม่ตอบว่าใช่ และไม่ตอบว่าไม่ใช่ เมื่อชำเลืองมองคนแล้วก็คงจะรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก

จากที่ไม่ไกล เมิ่งเจียงชำเลืองมองโจวกุ้ยหลานที่ยังเกลี้ยกล่อมเด็กอยู่ ตรงนี้ก็มีความกังวลใจ

“อาจารย์ ไม่เช่นนั้น……ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปเปลี่ยนพวกเขาดีหรือไม่? ตำถามนี้ยากเกินไป พวกเขาตอบไม่ได้หรอก!”

ถึงแม้ว่าจะเป็นเมิ่งเจียง ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถตอบออกมาได้ นับประสาอะไรกับเด็กเล็กขนาดนั้น กับผู้หญิงคนหนึ่งล่ะ?

“เวลานี้คนอื่นคงจะไม่ยอมให้พวกเราเปลี่ยนคนใช่ไหม?” จ้าวจงตี้กล่าวจากข้างๆ อย่างระมัดระวัง

คนอื่นๆ ก็ร้อนใจเช่นเดียวกัน

อาจารย์ส่ายหน้า: “แพ้ก็แพ้ พวกเราทนรับพ่ายแพ้ได้”

พอพูดจบ ลูกศิษย์ของสำนักบัณฑิตหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ก็พูดพึมพำขึ้นมาว่า: “นี่มาแข่งขันหรือมาเกลี้ยกล่อมเด็กกันแน่?”

“ก็คือ ทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้สิ ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่เป็นหรือไง?”

เมิ่งเจียงรู้สึกไม่สบายใจ ต้องการจะโต้แย้ง ก็คิดคำพูดไม่ออก ทำได้เพียงขุ่นเคืองใจ

โดยรอบก็วิพากษ์วิจารณ์ไปตามๆ กัน ชำเลืองมองโจวกุ้ยหลานปลอบโยนเด็ก ภายในใจก็รู้สึกโกรธเคือง ผู้หญิงก็คือผู้หญิงจริงๆ โง่เขลา แยกแยะสถานการณ์ไม่ได้

เห้อเฟิงเงยหน้าขึ้นมาไปยังฝั่งตรงข้าม ก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ตรงข้ามกำลังปลอบโยนบุตรชายของตนเองอย่างร้อนใจ จึงหัวเราะเยาะเย้ย

พวกเขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน!

โจวกุ้ยหลานปลอบโยนรุ่ยอานจนสงบไปครู่หนึ่งแล้ว สถานการณ์ของเสี่ยวรุ่ยอานจึงดีขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงสบายใจ

เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าสายตาของทุกคนที่มองมายังนางแฝงไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ทำให้นางรู้สึกแปลกเล็กน้อย

นางขี้เกียจจะไปสนใจ จึงหยิบกระดาษพู่กันออกมาแล้วเริ่มคำนวณ เพียงแค่ชั่วครู่ ก็คำนวณคำตอบออกมาได้แล้ว

แล้วจึงก้มหน้าไปมองเสี่ยวรุ่ยอาน ถึงแม้ว่ายังเสียใจอยู่ แต่ก็ยังหยิบพู่กันขึ้นมาขีดเขียน

นางจึงรู้สึกโล่งอก แล้วหันไปดูเสี่ยวรุ่ยหนิง ก็เห็นว่าเสี่ยวรุ่ยหนิงขีดเขียนอย่างสนุกสนาน

ทันใดโจวกุ้ยหลานก็รู้สึกว่า ความฉลาดเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก…….

เมื่อถึงเวลา พิธีกรก็ประกาศผลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็ถูก เสียงในสถานที่ก็ดังเกรียวกราวขึ้นมา

ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่านางโชคดีได้ แต่เมื่อถึงครั้งที่สามนี้ก็คงไม่ใช่แล้ว

ถึงแม้จะโง่เขลาสักแค่ไหน เวลานี้ก็สามารถมองออกได้ว่า โจวกุ้ยหลานเขียนออกมาอย่างง่ายดายในการแข่งขันครั้งนี้

“อา……อาจารย์…..ป้ากุ้ยหลาน……..ถูกอีกแล้วหรือ?” เมิ่งเจียงมักมีข้อเสียชอบพูดติดอ่างเวลาตึงเครียด เวลานี้ก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

อาจารย์ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม มองไปยังแววตาของโจวกุ้ยหลานที่แฝงไปด้วยความสงสัย

หัวข้อเมื่อครู่นี้ เขาก็ต้องใช้เวลาคำนวณนานมาก แต่ผู้หญิงคนนี้ใช้เวลาคำนวณไม่นาน ชัดเจนนางสามารถทำออกมาได้อย่างสบายๆ

“ยอดเยี่ยมมาก!” จ้าวจงตี้อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความซึ้งใจ

คนอื่นๆ ก็พยักหน้าตามกัน

แน่นอนว่าโจวกุ้ยหลานไม่รู้ว่าสถานะของนางภายในใจของพวกเขาสูงขึ้นสูงขึ้นอย่างมาก นางในเวลานี้ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายร้อนรนอย่างมาก

“เจ้า! เจ้า! เจ้าใช้วิธีการชั่วช้าอะไรใช่ไหมไม่? ข้าไม่เชื่อ! พวกข้าไม่เชื่อ!” เห้อเฟิงทำท่าทีคล้ายกับบ้าคลั่ง

เขาไม่สามารถรับได้จริงๆ ผู้หญิงคนเดียว คาดไม่ถึงว่าจะสามารถตีเสมอกับพวกเขาห้าคนได้!

ครั้งแล้วครั้งเล่า!

คนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ ที่จะสนับสนุนเห้อเฟิง: “ใช่! พวกข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก!”

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า: “พวกเจ้าไม่เชื่อแล้วข้าจะทำอะไรได้เล่า? คำถามเมื่อครู่นั้นก็เป็นอาจารย์ทั้งห้าที่ปรึกษาหารือกันแล้วคิดออกมา แล้วใครจะสามารถรู้หัวข้อนี้ล่วงหน้าได้ล่ะ?”

เพียงพูดคำนี้ออกมา ลูกศิษย์เหล่านั้นก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก กระทั่งผู้อาวุโสผู้มีคุณธรรมที่นั่งอยู่บนเวทีก็พยักหน้า

หัวข้อเมื่อครู่นี้คือพวกเขาคิดออกมาเอง ไม่สามารถคดโกงได้อย่างแน่นอน นั่นก็หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นคำนวณออกมาได้จริงๆ

“เจ้า! เจ้า!” เห้อเฟิงชี้หน้าโจวกุ้ยหลาน พึมพำอยู่สองสามคำ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

โจวกุ้ยหลาน: “ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นพวกเราก็ถามคำถามซึ่งกันและกัน แล้วชิงตอบด้วยความรวดเร็ว ใครตอบไม่ได้ คนนั้นก็แพ้ไป ดีหรือไม่?”

เพียงพูดคำนี้ออกมา คนที่อยู่ในสถานที่ก็ส่งเสียงเกรียวกราว

เห้อเฟิงเชิดคอขึ้น: “ก็ได้!”

คนโดยรอบก็พยักหน้าตา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าโจวกุ้ยหลานตอบคำถามได้อย่างไร แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด พวกเขาก็เชื่อว่าโจวกุ้ยหลานจะสามารถรับมือกับพวกเขาทั้งห้าด้วยตัวคนเดียวได้

เมื่อพิธีกรคนนั้นเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะควบคุมไม่อยู่ จึงรีบวิ่งไปด้าหน้าเวที ไปปรึกษาหารือกับอาจารย์หลายท่าน ในที่สุดผลลัพธ์ที่ได้ก็คือให้พวกเขาลองดู

การถามตอบสุดท้ายปรากฏออกมาแล้ว ครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างคนสองคน

ทางด้านสำนักบัณฑิตหนานซานแสดงอารมณ์คึกคัก พวกเขาก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้

เมื่อครู่นี้ป้ากุ้ยหลานสามารถคำนวณคำตอบออกมาได้อย่างสบายๆ นี่แสดงว่านางเก่งคณิตศาสตร์อย่างมาก สำนักบัณฑิตไป๋ลู่จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

อาจารย์ผู้นั้นของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่ชำเลืองมองมาทางด้านนี้โดยไม่พูดจา เมื่อเห็นความสบายใจบนใบหน้าของคนเหล่านี้ ก็แสดงความไม่พอใจเบาๆ

เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ อันดับแรกทางด้านของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่เป็นผู้คิดคำถามให้โจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานก็หยิบพู่กันมาคำนวณเพียงแค่สองสามนาที ก็พูดคำตอบที่ถูกต้องออกมา

ช่วงเวลานี้ คนของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่ก็เริ่มสับสนอลหม่าน ถ้าหากครั้งนี้ยังไม่เข้าใจว่านี่คือความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ของโจวกุ้ยหลาน พวกเขาก็โง่เขลาเกินไปแล้ว

โจวกุ้ยหลานไม่ปล่อยให้พวกเขาได้สงสัยนานนัก จึงลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวกับคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามว่า: “เช่นนั้นตอนนี้น่าจะเป็นข้าคิดคำถาม เจี่ย(คือคนที่พูดคนแรก เทียบเท่ากับ A)และหยี่(เป็นคนพูดคนที่ 2 เทียบเท่า B) อยู่ห่างกันหนึ่งร้อยจ้าง(3.33เมตร) ธูปหนึ่งดอกเจี่ยจะเดินได้แปดจ้าง และหยี่ เดินได้หกจ้าง พวกเขาเดินสวนทางกัน สุนัขตัวหนึ่งกับเจี่ยวิ่งไปยังหยี่ ในเวลาเดียวกัน ธูปหนึ่งดอกสามารถวิ่งได้สี่สิบจ้าง เมื่อเจอหยี่ ก็หันกลับวิ่งไปยังเจี่ย ทำซ้ำอยู่เช่นนี้ เมื่อเจี่ยและหยี่ พบกัน สุนัขจะวิ่งไปกี่จ้าง?”

เพียงถามคำถามนี้ออกมา คนที่อยู่ในสถานที่ก็นิ่งอึ้งไป พวกเขาก้มหน้าลงอย่างช้าๆ แล้วคิด แต่ก็ไม่พบต้นสายปลายเหตุแม้แต่น้อย

ลูกศิษย์ของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่สับสนอลหม่านขึ้นมา พวกเขาทั้งหารีบร้อนอยากจะปรึกษาว่าเริ่มต้นอย่างไร แต่ยิ่งพูด ก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวข้อนี้สลับซับซ้อน

บรรดาลูกศิษย์ด้านล่างเวทีก็ปรึกษาหารือขึ้นมาตามๆ กัน แล้วจึงพบว่า พวกเขาไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแม้แต่น้อย

“นี่มันยากเกินไปแล้ว!”

“ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คำนวณออกมาไม่ได้ใช่ไหม?”

“ข้าก็คิดเหมือนกัน คำถามยากเช่นนี้ ใครจะสามารถคิดออกมาได้ล่ะ?”

คนในสถานที่ต่างก็โกลาหล กระทั่งอาจารย์ผู้คงแก่เรียนทั้งห้านั้นบนเวที ต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา และมองหน้ากันและกัน เมื่อพบว่าสีหน้าของทุกคนพอกัน จึงสบายใจ

“พิธีกร รบกวนจับเวลาด้วย คำถามนี้ใช้เวลาเพียงธูปครึ่งดอกเท่านั้น” โจวกุ้ยหลานเตือนสติพิธีกร

พิธีกรคนนั้นจึงได้สติกลับมา และรีบไปจุดธูป

เมื่อรู้ว่าธูปเริ่มลุกไหม้ ทางด้านของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่ก็ยิ่งสับสนอลหม่าน

สุดท้าย พวกเขาก็ตัดสินใจใช้วิธีที่ง่ายที่สุดค่อยๆ คิดคำนวณ

เพื่อช่วงชิงเวลา พวกเขาแต่ละคนจึงแยกกันคำนวณ และเร่งรีบไม่หยุดหย่อน

โจวกุ้ยหลานก้มหน้าชำเลืองมองบุตรชายทั้งสองของตนเอง เมื่อเห็นว่าพวกเขาก็ค่อนข้างงุนงง โจวกุ้ยหลานจึงลูบหัวของพวกเขา

นี่คือหัวข้อคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง การทดสอบก็คือแนวคิดในการแก้ไขข้อคณิตศาสตร์ และไม่ใช่การแบ่งออกไปคำนวณทีละส่วนเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นการคำนวณจะค่อนข้างยุ่งยาก