บทที่ 488 ไม่เจอหนึ่งวันนานเหมือนผ่านไปสามปี

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 488 ไม่เจอหนึ่งวันนานเหมือนผ่านไปสามปี

บทที่ 488 ไม่เจอหนึ่งวันนานเหมือนผ่านไปสามปี

ถ้าเสี่ยวเถียนจะเป็นญาติของเจ้าหน้าที่ฟ่านก็ไม่แปลกใจเท่าไร

ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ฟ่านเองก็มีทักษะสูงพอสมควร แม้เธอจะอาศัยอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือมานานหลายปีแล้วก็ตาม

“เธอเป็นหลานสาวของฉันเองน่ะ!” ฟ่านชูฟางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจและสนิทสนม

แค่ประโยคเดียวก็ลบภาพจำที่เกือบทำให้หลี่ว์หรูหยากลัวแทบตาย

เสี่ยวเถียนมีสถานะเช่นนี้เองหรือ?

หลานสาวของเจ้าหน้าที่ฟ่าน หมายความว่าเป็นหลานสาวของหัวหน้าต่งไม่ใช่หรือไง?

แต่หัวหน้าต่งแซ่ต่งนะ ส่วนเสี่ยวเถียนแซ่ซู

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

เพราะความตื่นตระหนก หลี่ว์หรูหยาจึงโซซัดโซเซจนเกือบล้ม และแม้ว่าจะใช้โต๊ะพยุงก็ยังล้มอยู่ดีจนเกิดเสียงดังเสียดหู

การเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้เรียกความสนใจจากคนอื่น ๆ

ฉืออวี้เลี่ยง รัฐมนตรีเฉียนและคนอื่น ๆ หันมามองทันที แต่พอเห็นภาพของเสี่ยวเถียนและฟ่านชูฟางยืนอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม พวกเขาต่างก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง

“รัฐมนตรีเฉียน สหายตัวน้อยท่านนี้เป็นล่ามของเราในครั้งนี้เองครับ เธอมีส่วนอย่างมากในการเซ็นสัญญาของเรา”

ตอนนี้ฉืออวี้เลี่ยงกำลังรายงานความคืบหน้าของงานให้รัฐมนตรีเฉียนฟัง และก็ยกย่องเสี่ยวเถียนราวกับดอกไม้

เดิมทีก็คิดว่าหลังจากจบการรายงานจะพาเสี่ยวเถียนมาเจอรัฐมนตรีเฉียน แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะเจอเด็กสาวพอดี

เพราะฉืออวี้เลี่ยงเอาแต่เอ่ยชมเธอ รัฐมนตรีเฉียนจึงสนใจเสี่ยวเถียนมากยิ่งขึ้น

และไม่คิดอีกว่าเพียงชั่วพริบตาจะเจอเธอยืนอยู่กับฟ่านชูฟาง

“สหายฟ่าน ไม่แนะนำกันหน่อยหรือ?” รัฐมนตรีเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม

“นี่คือหลานสาวฉันเองค่ะ สวยไหม?” ฟ่านชูฟางแนะนำอย่างภาคภูมิใจ

“สหายฟ่าน ไม่คิดเลยว่าครอบครัวของคุณจะมีเด็ก ๆ ที่โดดเด่นเช่นนี้ด้วย หลังจากนี้คงมีคนมาสืบทอดตำแหน่งแล้วล่ะ!”

ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐมนตรีเฉียนกับฟ่านชูฟางเรียกได้ว่าดีมาก ขณะที่สนทนาก็ดูเป็นกันเองสุด ๆ

ฟ่านชูฟางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “จริงค่ะ เด็ก ๆ ที่บ้านเก่งกันทุกคนเลย!”

ท่าทางของเธอ หากคนที่ไม่รู้จักเห็นเข้าก็คิดว่าหญิงชราเป็นย่าแท้ ๆ ของเสี่ยวเถียน

เด็กสาวอายเหลือเกิน ถึงจะได้ยินพวกพี่ ๆ ชื่นชมเธอไว้เยอะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โดนชมต่อหน้าผู้นำยศใหญ่ขนาดนี้

เธออยากจะอธิบายความสัมพันธ์นะ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“เสี่ยวเถียน ท่านนี้คือรัฐมนตรีเฉียน เรียกเขาว่าปู่เฉียนก็ได้นะ!”

ฟ่านชูฟางแนะนำอย่างจริงจัง

ฟ่านชูฟางลงทุนแนะนำถึงขนาดนี้ แต่เสี่ยวเถียนกลับไม่ได้ตอบรับ

เพราะรู้ชัดอยู่แล้วว่า แม้ย่ารองจะบอกว่าเราเป็นญาติกัน แต่จริง ๆ แล้วเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรเลย!

“สวัสดีค่ะท่านรัฐมนตรีเฉียน หนูชื่อซูเสี่ยวเถียน วันนี้มาเป็นล่ามหน้างานตามที่โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่เชิญมาค่ะ”

รัฐมนตรีเฉียนผงะ สาวน้อยคนนี้น่าสนใจทีเดียว

มีโอกาสให้สนิทสนม แต่ไม่ทำมัน

แต่คิดดูอีกที ตำแหน่งเขาน่าจะสูงกว่าหัวหน้าต่งใช่ไหมนะ?

“สาวน้อย ทำไมเธอถึงไม่ยอมเรียกฉันว่าปู่เฉียนล่ะ?”

เขามองไปยังสหายฟ่าน

แล้วฟ่านชูฟางจะไม่เข้าใจเด็กคนนี้ได้ยังไง

แม้แต่ครอบครัวของเธอ บ้านนั้นยังไม่อยากจะสนิทด้วยเลย

และที่พูดแบบนี้ก็แค่พูดไปงั้น ๆ แหละ และมันก็แค่การพูดเพื่อสนับสนุนเสี่ยวเถียนเท่านั้นเอง

“รัฐมนตรีเฉียนเป็นหัวหน้าตำแหน่งใหญ่โต ส่วนหนูเป็นแค่นักเรียนธรรมดาเองค่ะ!”

เข้าเข้าใจแล้ว เด็กคนนี้หมายความว่าเอื้อมไม่ถึงสินะ!

ฮ่า ๆ น่าสนใจจริง ๆ

“สหายฟ่าน เด็กบ้านคุณน่าสนใจจริง ๆ วันหลังพาไปกินข้าวที่บ้านผมสักมื้อนะ”

“คงเป็นไปไม่ได้หรอก เธอเรียนหนักอยู่น่ะ!”

ฟ่านชูฟางไม่กล้าตอบตกลงโดยพลการ

ขนาดให้ไปที่บ้านของเรา เสี่ยวเถียนยังไม่อยากจะไปเลย

รัฐมนตรีเฉียนแปลกใจนัก

ทำไมเล่นตัวจัง?

ฟ่านชูฟางที่รู้จักไม่ใช่แบบนี้นี่!

“มิตรภาพนานนับปีหรือเนี่ย!” รัฐมนตรีเฉียนคิดค้าน

“สหายเฉียน เด็กคนนี้เป็นศิษย์คนโปรดของคุณฉือน่ะ! เธอเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งเชียวนะ เรียนหนักอยู่แล้วล่ะ!”

ฟ่านชูฟางเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ

รัฐมนตรีเฉียนมองเด็กสาวอยู่นาน มองไม่ออกจริง ๆ ว่าเธอจะเก่งขนาดนี้

“ไม่แปลกใจ ๆ!”

ตอนนั้นออกัสกับพรรคพวกก็ได้เดินทางมาถึงพอดี

วันนี้เป็นแค่พิธีลงนาม จึงอนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าชมได้ ออกัสจึงพาคริสติน่ามาด้วย

เมื่อวานเธอโดนขังอยู่ในห้องทั้งวัน น่าสงสารมาก

เธอเอาแต่บ่นว่าออกไปที่ไหนก็ไม่ได้ แถมยังคุยกับเสี่ยวเถียนไม่ได้ด้วย

กระทั่งเห็นอีกฝ่าย เธอรุดหน้าเข้าไปหาทันทีแล้วโผเข้ากอดไว้แน่น

ด้วยขนาดตัวที่เล็กกว่า พอโดนคริสติน่ากอดแน่นก็ทำเอาหายใจแทบไม่ออก

“ที่รัก ฉันคิดถึงเธอจังเลย!”

เสี่ยวเถียนอยากจะกลอกตา นี่มันอะไรกันเนี่ย?

ถ้าจำไม่ผิดก็เจอกันเมื่อวานไม่ใช่หรือไง ตอนกินข้าวน่ะ

ทำอย่างกับไม่เจอมานานสามปี!

เอาเถอะ ยังไงคริสติน่าก็คงไม่เข้าใจหรอก ไม่งั้นก็คงพูดออกมาแล้วว่าไม่เจอหนึ่งวันนานเหมือนผ่านไปสามปีเลย

ในที่สุดเธอก็หลุดจากอ้อมแขนของคริสติน่าออกมาเสียที ก่อนจะรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ถึงตัวจะไม่ได้ใหญ่ แต่แรงก็ไม่ใช่น้อย ๆ

เสี่ยวเถียนเกือบหายใจไม่ออกแล้ว ถ้ากอดอีกมีหวังขาดใจตายแน่

“คุณคริสติน่าใจเย็นลงหน่อยค่ะ พิธีลงนามกำลังจะเริ่มแล้วนะ!”

เสี่ยวเถียนชี้ไปยังแท่นลงนาม

คริสติน่าเห็นภาพพี่ชายเดินจับมือกับพวกผู้นำอีกหลายคน เธอพยายามยับยั้งชั่งใจและยืนนิ่งจดจ่อกับงานสำคัญตรงหน้า

พี่เขาอุตส่าห์พามาด้วย แถมเธอเองก็สัญญาแล้วว่าจะเชื่อฟังและไม่สร้างปัญหา

เธอไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เธอยังหวังอีกว่าจะรอชักชวนพี่ให้เชิญเสี่ยวเถียนมาเป็นล่ามตอนที่เขามาประเทศจีน

ล่ามที่ครอบครัวของเราพามา ความสามารถดูไม่ค่อยถูกใจของพวกเขาเสียเท่าไหร่ แถมยังไม่เข้าใจวัฒนธรรมและอาหารการกินของประเทศจีนอีก

แต่เสี่ยวเถียนไม่ใช่เช่นนั้น เธอเป็นเด็กสาวที่มีความรู้ อีกทั้งน้ำเสียงก็ยังไพเราะน่าฟัง พอคิดถึงตรงนี้ คริสติน่าอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเสี่ยวเถียนอีกครั้ง มองอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า

ส่วนทางฝั่งของเสี่ยวเถียน เธอทำหน้าที่เป็นล่ามโดยไม่มีท่าทางวอกแวกเลย

ท่ามกลางบรรยากาศอันกดดัน พิธีลงนามได้ผ่านไปอย่างราบรื่น

ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

คริสติน่าไม่รู้เลยว่าเธอยืนอยู่แบบนี้จนกระทั่งจบงานได้ยังไง