ตอนที่ 539 ทุบตีจนตาย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 539 ทุบตีจนตาย

เมื่อหลินม่ายกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือเข้าไปอาบน้ำ

หลังจากเทียวไปเทียวมาทั้งวัน เสื้อผ้าของเธอก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เนื้อตัวหรือก็เหนียวเหนอะหนะ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้คงรู้สึกอึดอัดมากแน่ ๆ

ฟางจั๋วหรานทำตัวเหมือนเป็นแฟนหนุ่มอายุยี่สิบสี่ นอกจากจะต้มน้ำให้เธออาบแล้ว เขายังผสมน้ำอุ่นสำหรับอาบไว้ในอ่างให้เธอด้วย ทั้งยังทดสอบอุณหภูมิน้ำอย่างระมัดระวัง ดูเป็นคนใส่ใจมากทีเดียว

เมื่อเห็นว่าเขาทดสอบอุณหภูมิน้ำเสร็จแล้วแต่ไม่ยอมจากไปเสียที หลินม่ายก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมา “ทำไมยังไม่ออกไปอีก?”

ฟางจั๋วหรานถามด้วยรอยยิ้ม “คุณอยากเรียกใช้บริการผู้ช่วยขัดผิวหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวลเรื่องความชำนาญ ผมฝึกฝนมาแล้วยี่สิบแปดปี”

หลินม่ายกระแอมในลำคอ “ไม่เอาดีกว่า”

เมื่อเห็นว่าเธอหน้าแดงราวกับลูกมะเขือเทศ ฟางจั๋วหรานก็ไม่แกล้งเธออีกต่อไป

เขากำลังจะเดินออกไปจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นหลินม่ายก็ร้องถามเสียงดัง “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ก่อนหน้านี้คุณเคยขัดผิวให้ใคร? แถมยังทำมาตั้งยี่สิบแปดปี!”

ฟางจั๋วหรานทำหน้าไร้เดียงสา “ผมก็ต้องขัดผิวตัวเองอยู่แล้วสิ คิดว่าผมไปขัดผิวให้ผู้หญิงคนไหนกัน?”

คราวนี้หลินม่ายหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม เม้มริมฝีปากแน่นและนิ่งเงียบ

น่าละอายใจนักที่เมื่อครู่ในสมองของเธอผุดภาพฟางจั๋วหรานกำลังหยอกล้อเล่นกับผู้หญิงคนอื่นในห้องน้ำเสียอย่างนั้น

หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นแล้ว หลินม่ายก็ขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง

เธออยากอยู่คนเดียวแบบเงียบสงบ จึงเลือกห้องนอนบนชั้นสาม

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าฟางจั๋วหรานนั่งอยู่ในห้องของเธอ โดยที่สวมแค่เสื้อกล้ามและกางเกงตัวโคร่ง

หลินม่ายสะดุ้งโหยงทันที

มิน่าล่ะผู้ชายคนนี้ถึงรบเร้าอยากให้เธอย้ายมาอยู่ที่นี่เร็ว ๆ ที่แท้เขาก็อยาก…

ใบหน้าของเธอร้อนเห่อขึ้นมาเหมือนไฟเผา รีบออกตัวก่อนทันที “ก่อนแต่งงาน ฉันขอปฏิเสธพฤติกรรมใกล้ชิดเกินสมควรทั้งหมด!”

ฟางจั๋วหรานหันมองเธอ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็คลี่ยิ้ม รอยยิ้มนั้นราวกับสายลมที่พัดผ่านดอกไม้ ทำให้ผู้คนหลงใหลเคลิบเคลิ้ม

เขาเดินเข้าไปหาหลินม่าย บีบแก้มทั้งสองข้างอันบอบบางของเธอพร้อมกับพูดจาหยอกล้อ “สมองน้อย ๆ ของคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ฮึ? ใจคอจะมองทุกอย่างเป็นเรื่องแบบนั้นไปหมดหรือไง?”

หลินม่ายเงียบกริบ แอบคิดในใจ หรือจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่คิดเรื่องอะไรแบบนั้นล่ะ? ไม่อย่างนั้นคุณจะเข้ามาอยู่ในห้องฉันทั้งที่ตัวเองแต่งตัวไม่เรียบร้อยทำไม?

ฟางจั๋วหรานพาเธอนั่งลงบนขอบเตียง นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะใช้นิ้วตัวเองลูบไล้ผ่านแหวนหมั้นที่เธอสวมไว้บนนิ้วกลางมือซ้าย

“สวมแหวนหมั้นเรียบง่ายแบบนี้ไปก่อนนะ รอเราสองคนแต่งงานกันเมื่อไหร่ ผมจะซื้อแหวนเพชรให้คุณแน่นอน”

เขามักจะไปต่างประเทศเพื่อสัมมนาทางวิชาการอยู่บ่อย ๆ จึงซึมซับวัฒนธรรมมาว่าควรซื้อแหวนเพชรเป็นแหวนแต่งงาน

ความจริงเขาจะซื้อแหวนเพชรจากฮ่องกงให้หลินม่ายก็ได้ โดยเอาทองคำแท่งซึ่งเป็นมรดกจากผู้เป็นแม่ไปขาย แต่เขารู้ดีว่าการซื้อแหวนเพชรด้วยวิธีนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร

เขาสามารถขายทองซื้อของอย่างอื่นได้ทุกอย่าง ยกเว้นแหวนเพชรสำหรับว่าที่ภรรยา เขาจะต้องซื้อให้เธอด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

หลินม่ายไม่ใช่คนที่ให้ความสนใจกับเครื่องประดับมากนัก

เธอประคองใบหน้าของฟางจั๋วหรานไว้พร้อมกับพูดว่า “จะเป็นแหวนเพชรหรือแหวนทองก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ ตราบใดคุณเป็นคนมอบให้ ต่อให้เป็นแค่แหวนฟางธรรมดา ๆ ฉันก็ชอบ”

ฟางจั๋วหรานจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ แล้วชะโงกหน้าไปจูบเธอที่ริมฝีปาก

เขาหยิบสมุดบัญชีเงินฝากสองเล่มและกล่องทองคำแท่งหนัก ๆ หนึ่งกล่องขึ้นมา แล้วยื่นให้เธอ “นับจากนี้ไป เงินทั้งหมดที่ผมมีจะอยู่ภายใต้การดูแลของคุณ”

หลินม่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปรับ พอคิดว่าตอนนี้ตัวเองมีสถานะเป็นคู่หมั้นของเขา จึงสบายใจที่จะจัดการกับทรัพย์สินในส่วนของอีกฝ่าย

ฟางจั๋วหรานหยิบหนังสือรับรองอสังหาริมทรัพย์ของวิลล่าหลังนี้ออกมา “หนังสือรับรองอสังหาริมทรัพย์นี้ก็เป็นของคุณเช่นกัน”

หลินม่ายหยิบหนังสือรับรองอสังหาริมทรัพย์มาเปิดดู หัวใจเต็มไปด้วยความปีติ เมื่อเห็นว่าชื่อของตัวเองถูกเพิ่มเข้าไปในหนังสือรับรองอสังหาริมทรัพย์เมื่อนานมาแล้ว

กรี๊ด! ฉันยังมีวันที่คู่หมั้นของตัวเองยินดีมอบทรัพย์สินทั้งหมดของเขาให้ฉันด้วยหรือนี่

ชาติที่แล้ว เป็นฉันเสียอีกที่ต้องมอบเงินทั้งหมดที่ตัวเองหามาอย่างยากลำบากให้กับคนเลวคนนั้น

แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าอายที่สุดหรอก ที่น่าอายยิ่งกว่าคือคนเลวคนนั้นเอาเงินทั้งหมดของฉันไปปรนเปรอหลินเพ่ยชู้รักของเขาอีกทีหนึ่ง ฮือๆๆ

หลินม่ายเอียงคอถามด้วยรอยยิ้ม “คุณยกทรัพย์สินทั้งหมดที่ตัวเองมีให้ฉันแบบนี้ งั้นคุณก็ไม่เหลืออะไรแล้วน่ะสิคะ?”

ฟางจั๋วหรานทำหน้าจริงจัง “ผมมีแค่คุณคนเดียวก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง?”

ความสุขล้นในใจหลินม่ายแทบระเบิดออกมาทันที เธอโอบแขนรอบคอเขาแล้วพรมจูบริมฝีปากเขาอย่างดูดดื่ม

ในขณะที่หนุ่มสาวทั้งสองอบอวลไปด้วยความหวาน ชีวิตของหลินเพ่ยกลับตกต่ำจนถึงขีดสุด

เรื่องอื้อฉาวที่หล่อนพยายามจะยั่วยวนฟางจั๋วหรานแพร่สะพัดจนไปถึงหูของเตียวลี่หมินสามีของหล่อนราวกับติดปีก

ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือหนาหูไปทั่วทั้งหมู่บ้านว่าหลินเพ่ยนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับเตียวต้าหม่า เศรษฐีในหมู่บ้าน แต่เตียวลี่หมินไม่เคยจับได้คาหนังคาเขา

นอกจากนี้หลินเพ่ยยังเป็นคนเลือกใช้คำรมเก่ง แถมยังรู้วิธีจัดการกับเขาบนเตียง ดังนั้นถึงแม้เตียวลี่หมินจะอารมณ์เสียมากแค่ไหน พอเจอมารยาของหล่อนเข้าก็ใจอ่อนทุกครั้ง

ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้เรื่องอื้อฉาวของหลินเพ่ยที่พยายามจะล่อลวงว่าที่น้องเขยตัวเองในหมู่บ้านสกุลหวังกันทั้งนั้น

เตียวลี่หมินจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป คว้าไม้หน้าสามตรงดิ่งไปที่หมู่บ้านสกุลหวังทันที

เขาตั้งใจว่าจะสั่งสอนบทเรียนให้หลินเพ่ยหลาบจำซะบ้าง ดูว่าหล่อนยังกล้าออกไปทำตัวรุ่มร่ามข้างนอกอยู่หรือเปล่า

ยังไม่ทันที่เขาจะไปถึงหมู่บ้านสกุลหวัง ก็บังเอิญเห็นว่าหลินเพ่ยกำลังถูกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งฉุดกระชากลากหลินเพ่ยเข้าไปในข้างทาง

เตียวลี่หมินแอบย่องตามพวกเธอเข้าไปในป่าอย่างเงียบเชียบ

หลังจากนั้นจึงเห็นว่าหญิงวัยกลางคนกำลังโต้เถียงกับหลินเพ่ยอยู่ในส่วนลึกของป่าอย่างดุเดือด

เตียวลี่หมินพยายามเงี่ยหูฟัง ในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

หญิงวัยกลางคนคนนั้นเป็นภรรยาของผู้อำนวยการหงแห่งโรงเรียนมัธยมแห่งแรกในมณฑลอวิ๋นไหล สาเหตุที่มาหาหลินเพ่ยก็เพื่อทวงเงินที่หล่อนเคยขู่กรรโชกจากสามีของตนไป

ดูเหมือนว่าหล่อนเคยรับปากว่าจะคืนเงินทั้งหมดให้ภายในสองเดือน แต่จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะคืนให้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภรรยาของผู้อำนวยการหงมาทวงเงินหล่อนถึงที่ หล่อนแวะเวียนมาทวงถามหลินเพ่ยหลายครั้ง แต่หลินเพ่ยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงินท่าเดียว ทำให้หล่อนโกรธมาก

ครั้งนี้หล่อนยื่นคำขาดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องได้เงินคืน ไม่อย่างนั้นจะเผยแพร่คำสารภาพที่หลินเพ่ยเป็นคนเขียนออกสู่สาธารณะ

เตียวลี่หมินได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสงสัยไม่น้อย คนอย่างหลินเพ่ยไปขู่กรรโชกทรัพย์​ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมได้อย่างไรกัน?

แล้วคำสารภาพนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไรบ้าง?

ขณะที่เตียวลี่หมินกำลังคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินหลินเพ่ยตวาดใส่อีกฝ่ายด้วยเสียงแหลมสูง “ฉันไม่ให้! ฉันจะปล่อยให้สามีของคุณหลับนอนกับฉันโดยเปล่าประโยชน์ได้ยังไง!”

พอเตียวลี่หมินได้ยินแบบนั้น หัวใจเขาก็แทบจะแหลกสลาย

เขาคิดเสมอว่าภรรยาที่ครอบครัวตัวเองยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้หล่อนมาแต่งงานกับเขาหน้าตาไม่ดีมากก็จริง แต่อย่างน้อยหล่อนก็เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่มีการศึกษา กลับกลายเป็นว่าหล่อนคือของเหลือเดน

ก่อนที่ทั้งสองจะแต่งงานกัน นังแพศยาคนนี้กลับเล่นชู้กับสามีคนอื่น!

เตียวลี่หมินทนฟังไม่ได้อีกต่อไป เขาพุ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาไม้ไล่ฟาดหลินเพ่ย “ฉันจะฆ่าแก นังสารเลว!”

หลินเพ่ยหวีดร้องลั่น พยายามอธิบายว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด

แต่ยิ่งหล่อนพยายามอธิบายมากเท่าไหร่ เตียวลี่หมินก็ยิ่งออกแรงทุบตีหนักขึ้นเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าตัวเองอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ หลินเพ่ยจึงคิดจะวิ่งหนี

น่าเสียดายที่หล่อนวิ่งไปได้แค่สองก้าวเท่านั้น เตียวลี่หมินก็เงื้อไม้ฟาดท่อนขาหล่อนอย่างสุดแรง

หลินเพ่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงกับพื้น

หลังจากนั้นไม้หน้าสามในมือเตียวลี่หมินก็ระดมฟาดลงไปบนร่างหล่อนราวกับห่าฝน

หลินเพ่ยแผดเสียงร้องดังลั่นเหมือนหมูถูกเชือด เสียงนั้นดึงกึกก้องไปทั่วบริเวณ

ชาวบ้านหลายคนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องต่างก็แห่แหนมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงเห็นว่าเป็นเตียวลี่หมินที่กำลังทุบตีหลินเพ่ย

ทุกคนวิ่งเข้ามาถามเขาว่าทำไมต้องถึงทุบตีหลินเพ่ยรุนแรงขนาดนี้ด้วย กะจะฆ่าหล่อนให้ตายหรืออย่างไร

เตียวลี่หมินไม่สนใจว่าครอบครัวตัวเองจะได้รับความอับอายอย่างไร เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างไม่ปิดบัง

ชาวบ้านในชนบทเกลียดผู้หญิงใจง่ายและสำส่อนแบบนี้อยู่แล้ว จึงไม่มีใครห้ามไม่ให้เตียวลี่หมินทุบตีภรรยาของตัวเองอีก

ทุกคนคิดว่าเตียวลี่หมินแค่ทุบตีหลินเพ่ยเพื่อระบายความอัปยศที่ตนได้รับเท่านั้น พวกเขาเฝ้าดูเหตุการณ์ต่อไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันออกไป

หลินเพ่ยร้องไห้ฟูมฟายขอร้องให้พวกเขาช่วยหล่อน ทว่าไม่มีใครสนใจ

โดยเฉพาะพวกผู้หญิงในหมู่บ้าน พวกหล่อนไม่เข้าไปกระทืบหลินเพ่ยซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว เรื่องอะไรจะช่วย!

หลินเพ่ยเฝ้าดูพวกชาวบ้านค่อย ๆ เดินห่างออกไปด้วยความสิ้นหวัง เสียงร้องโหยหวนเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็ไม่คิดดิ้นรนต่อต้านอีก

ภรรยาของผู้อำนวยการหงซึ่งแอบมองหล่อนจากมุมมืดในที่ไกล ๆ กลัวว่าเตียวลี่หมินอาจหันมาทำร้ายร่างกายตนจนตายเช่นเดียวกัน หล่อนก็ล้มเลิกความคิดจะทวงเงินไปจนสิ้น วิ่งหนีด้วยความเร็วกว่ากระต่ายหายไปทันที

ทันใดนั้นเตียวลี่หมินถึงได้ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ สายตาหลินเพ่ยหรี่ลงจนพร่ามัว แถมหล่อนยังนอนแน่นิ่ง

เขาลองยกนิ้วมือไปอังใต้จมูกหล่อน ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่ลมหายใจเข้าออก

ความกลัวแผ่ซ่านขึ้นมาทันควันจนเขาลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น เหงื่อเย็นเยียบไหลหยดลงจากหน้าผาก

เขาแค่อยากสั่งสอนบทเรียนให้หลินเพ่ย ไม่เคยคิดจะทำร้ายหล่อนจนถึงแก่ความตาย

แต่ตอนนี้…เขากลับทุบตีหล่อนจนตายคามือ

เขารีบวิ่งกลับบ้านด้วยความตื่นตระหนก บอกผู้เป็นแม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานบ้านด้วยสีหน้าแตกตื่นว่าเขาพลั้งมือทุบตีหลินเพ่ยจนตาย

ตอนแรกแม่เตียวไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนอง ยังแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายด้วยซ้ำ “ทุบตีจนตายก็เหมือนกับฆ่าคนตายนั่นแหละ ทำอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่!”

แต่ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปาก นางก็ฟื้นคืนสติ ถามกลับด้วยความสยดสยอง “แกว่ายังไงนะ? แกทุบตีหลินเพ่ยจนตายงั้นรึ?”

เตียวลี่หมินพยักหน้าด้วยใบหน้าโศกเศร้า “แม่ เราควรทำยังไงดี!”

แม่เตียวพยายามสงบสติอารมณ์ลง ถามว่า “ศพนังสุนัขตัวเมียนั่นอยู่ไหน?”

“ยังอยู่ในป่า”

สองแม่ลูกจึงรีบรุดเข้าไปในป่าลึกทันที เห็นว่าร่างหลินเพ่ยยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

แม่เตียวเดินเข้าไปอย่างกล้าหาญเพื่อตรวจสอบหลินเพ่ย เห็นว่าหล่อนไม่กระดุกกระดิกตัว แข็งทื่อราวกับคนตาย

นางใช้ขาเขี่ยร่างหลินเพ่ยอีกสองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจ แต่หล่อนก็ยังไม่ตอบสนอง ดูเหมือนหล่อนจะตายแล้วจริง ๆ

แม่เตียวสั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างไม่อาจควบคุม

ถึงที่ผ่านมานางจะไม่ชอบหน้าลูกสะใภ้อย่างหลินเพ่ย แต่ก็ไม่เคยคิดจะฆ่าหล่อนให้ตาย

แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกชายนางก็ทำร้ายร่างกายหลินเพ่ยจนตายไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม การฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!

แม่เตียวระงับความหวาดกลัวในจิตใจ สั่งให้เตียวลี่หมินช่วยยกศพหลินเพ่ยไปที่ส่วนลึกของภูเขา แล้วโยนร่างหล่อนทิ้งไป

ถ้ามีชาวบ้านคนไหนถามถึงเรื่องนี้ พวกเขาจะอ้างว่าในขณะที่เตียวลี่หมินทุบตีหล่อน หล่อนก็วิ่งหนีเตลิดไป

อย่างไรก็ตาม หลินเพ่ยไม่ใช่คนดีของสังคมอยู่แล้ว ต่อให้โกหกว่าหล่อนวิ่งหนีไป พวกชาวบ้านจะต้องเชื่อนางแน่นอน

ครอบครัวของหลินเพ่ยกล้ามากที่เอาลูกสาวมาย้อมแมวขาย นางจะไปขอให้ตระกูลหลินคืนค่าสินสอดมาซะ

ครอบครัวนางยอมจ่ายเงินค่าสินสอดให้พวกเขาเป็นจำนวนมาก แต่ตระกูลหลินกลับยกลูกสาวสำส่อนให้มาแต่งงานกับลูกชายนาง!

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตระกูลหลินไม่ยอมคืนสินสอดทองหมั้นให้แน่ งั้นก็อย่าคืนศพลูกสาวให้พวกเขาเลย

สองแม่ลูกยอมลำบากใช้เส้นทางที่รกชัฏ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของชาวบ้านให้มากที่สุด ก่อนจะโยนศพลงจากภูเขาไป

หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก สองแม่ลูกก็โยนร่างของหลินเพ่ยทิ้งไว้ในป่าลึกบนภูเขาที่ไม่มีใครเดินเข้ามาถึง ก่อนจะวิ่งแจ้นกลับบ้านตัวเองราวกับเหาะ

ถึงป่าลึกในเมืองหูจะมีสัตว์ป่ากินเนื้ออยู่น้อยมาก แต่ก็ยังมีคนเคยเห็นหมาป่าบ้างประปราย เพียงแต่พบเจอไม่ค่อยบ่อยนัก

สองแม่ลูกตระกูลเตียวหวังว่าถ้าหมาป่ามากัดกินร่างไร้วิญญาณของหลินเพ่ย พวกมันจะช่วยกำจัดร่องรอยไปได้บ้าง เตียวลี่หมินจะได้ข่มตานอนอย่างสงบ

อย่างไรก็ตาม ไม่ถึงห้านาทีหลังจากที่สองแม่ลูกคู่นั้นจากไป ศพของหลินเพ่ยก็ลืมตาโพลงขึ้นมาทันที!

…………………………………………………….

สารจากผู้แปล​

ฮือออ​ ผช.ประเสริฐ​แบบพี่หมอนี่หาจากที่ไหนได้คะ​ ให้เกียรติ​คนรักสุด

นั่นไง​ ว่าไม่ทันขาดคำ​ โดนทุบตายจริงๆ​ ด้วยนังเพ่ย​ ว่าแต่จะกลับมาเกิดใหม่แบบม่ายจื่อหรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)