ตอนที่ 538 ถ้าไม่ยอมไปอีก ฉันจะแทงคุณซะ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 538 ถ้าไม่ยอมไปอีก ฉันจะแทงคุณซะ

เวลาประมาณสี่โมงเย็น หลินม่ายก็มาถึงตัวเมืองพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง

อาหวงกำลังนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่กลางสนามหญ้า

เมื่อเห็นว่าเจ้านายทุกคนกลับมาแล้ว มันก็รีบวิ่งออกไปต้อนรับด้วยความตื่นเต้นดีใจ​ เอาตัวถูขาคนนั้นที เลียมือคนนั้นที กระดิกหางจนหางแทบหัก

ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปในบ้าน ฟางจั๋วเยวี่ยก็วิ่งออกมาจากบ้าน แล้วทักทายหลินม่ายเป็นอันดับแรก “พี่สะใภ้ ผมติดตั้งห้องเย็นขนาดเล็กไว้ที่ตลาดสดฝูตัวตัวให้คุณแล้ว คุณจะจ่ายค่าตอบแทนให้ผมยังไงดี?”

“คืนพรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารมื้อใหญ่เลี้ยงนายนะ”

“ทำไมถึงไม่ทำคืนนี้เลยล่ะ?”

“คืนนี้ฉันไม่มีเวลาน่ะสิ ฉันสัญญากับคุณลุงคุณป้าเถาไว้นานแล้วว่าจะไปกินข้าวมื้อเย็นที่บ้านพวกเขา ผิดนัดบ่อยครั้งคงไม่ดี”

หลินม่ายหันหน้าไปถามฟางจั๋วหราน “คุณไปกับฉันได้ไหมคะ?”

ฟางจั๋วหรานตอบตกลงอย่างง่ายดาย

ช่วงนี้เขาอยากไปแสดงตัวในแวดวงคนรู้จักของเธอให้มากขึ้น เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเขาคือคู่หมั้นของเธอ

โต้วโต้ววิ่งไปกอดขาหลินม่าย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “แม่จ๋า แม่จ๋า หนูก็อยากไปเหมือนกัน”

หลินม่ายอุ้มหล่อนขึ้นมาก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่ “แม่พาลูกไปด้วยแน่นอนจ้ะ”

ฟางจั๋วเยวี่ยถูจมูกตัวเอง พูดกับหลินม่ายเสียงเบา “พี่สะใภ้ ในเมื่อคุณไปกินข้าวที่บ้านคุณลุงเถา ถ้าเจอพี่เถา ผมฝากขอบคุณหล่อนด้วยนะ”

หลินม่ายวางโต้วโต้วลงกับพื้นแล้วถามว่า “ฝากขอบคุณหล่อนเรื่องอะไรเหรอ?”

ฟางจั๋วเยวี่ยเขินอายเล็กน้อย “ช่วงนี้หล่อนมักจะทำกับข้าวมาฝากผมบ่อย ๆ…”

คำตอบของเขากระตุกต่อมอยากรู้อยากเห็นของทุกคนทันที

“ทำไมจู่ ๆ จื่ออวิ๋นถึงอยากทำกับข้าวมาให้เธอกันล่ะ?” คุณย่าฟางถามด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

ฟางจั๋วเยวี่ยจึงจำใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนที่สมาชิกคนอื่น ๆ ในบ้านกลับไปที่ชนบท ฟางจั๋วเยวี่ยก็เริ่มดำเนินการติดตั้งห้องเย็นขนาดเล็กสำหรับตลาดสดของหลินม่าย

เถาจืออวิ๋นพาพ่อแม่ของหล่อนไปซื้อผักที่ตลาด พอเห็นว่าเขากินข้าวกล่องง่าย ๆ เหมือนกับพนักงานขายคนอื่น ๆ ในตลาดฝูตัวตัว ก็รู้สึกสงสารเห็นใจเขาขึ้นมา

เมื่อหล่อนรู้แค่ว่าในช่วงวันหยุดแบบนี้ นอกจากเขาจะต้องทำงานหนักแล้ว ยังไม่มีเวลาหาของกินอร่อย ๆ ลงท้องตัวเอง หล่อนก็เลยอาสาทำอาหารกลางวันและอาหารเย็นมาส่งให้เขาทุกวัน

คุณย่าฟางอดตำหนิฟางจั๋วเยวี่ยไม่ได้ “ก่อนที่พวกเราจะจากไป พี่สะใภ้ของเธออุตส่าห์เตรียมอาหารง่าย ๆ ไว้สำหรับเธอในช่วงสามวันก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือไง เธอแค่เอาลงไปผัด ๆ ในกระทะก็กินได้แล้ว แต่เธอกลับขี้เกียจไม่ยอมทำ แล้วปล่อยให้เสี่ยวเถาทำอาหารให้ตัวเองกิน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?”

ฟางจั๋วเยวี่ยโต้แย้งทันที “แต่ผมสร้างห้องเย็นเป็นนะ ซ่อมรถก็ได้ แถมยังซ่อมเครื่องจักรต่าง ๆ ได้ตั้งเยอะตั้งแยะ”

จากนั้นเขาก็หันไปหาหลินม่ายเพื่อขอแนวร่วม “พี่สะใภ้ ผมเก่งหรือเปล่า”

หลินม่ายยกนิ้วโป้งให้เขา “เก่งมาก!”

โต้วโต้วกระโดดขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนฟางจั๋วเยวี่ย “คุณอาเล็กเก่งที่สุด!”

ฟางจั๋วหรานเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ แล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับหลินม่าย “ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่ ไปขนของของคุณย้ายมาที่นี่กันเถอะ”

หลินม่ายผงะไปชั่วขณะ “เร็วไปหรือเปล่า?”

เดิมทีเธอวางแผนว่าจะย้ายมาอยู่ที่วิลล่าหลังจากจัดการที่อยู่ให้โจวฉายอวิ๋นเรียบร้อยแล้ว

“ในเมื่อตอนนี้มีเวลาว่าง งั้นก็ย้ายตอนนี้เลยสิ” ฟางจั๋วหรานพูดราวกับเป็นเรื่องง่าย

ฟ่างจั๋วเยวี่ยมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าหลินม่ายกำลังจะย้ายมาอยู่กับพวกเขา

พวกเขาอาสาไปช่วยฟางจั๋วหรานขนย้ายเสื้อผ้าและเครื่องนอนทั้งหมดของหลินม่ายมาที่วิลล่า

ส่วนเฟอร์นิเจอร์รวมถึงอุปกรณ์เครื่องครัวค่อยขนไปไว้ในห้องเก็บของภายหลัง

โดยเฉพาะพวกเฟอร์นิเจอร์โบราณ หลินม่ายกำชับให้ขนย้ายอย่างระมัดระวัง

โจวฉายอวิ๋นรู้ว่าหลินม่ายกำลังจะย้ายไปอยู่ในวิลล่า ส่วนตัวหล่อนเองก็กำลังจะย้ายไปอยู่ในห้องชุดเล็ก ๆ ของหลินม่าย แต่พอคิดว่าพวกเธอต้องแยกจากกันเร็วแบบนี้ก็อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้

ประมาณห้าโมงเย็น หลินม่ายเตรียมของฝากติดมือไปด้วย แล้วพาฟางจั๋วหรานกับโต้วโต้วไปที่บ้านของแม่เถาเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

สมาชิกทุกคนในครอบครัวเถากำลังรอให้หลินม่ายมาหาพวกเขาที่บ้านพอดี แต่แล้วทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าหลินม่ายไม่ได้พาโต้วโต้วมาคนเดียว แต่ยังพาฟางจั๋วหรานมาด้วย

งานเลี้ยงอาคารค่ำของครอบครัวเถามีอาหารแสนอร่อยหลายจานทีเดียว มีทั้งไก่ เป็ด และปลา

หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ หลินม่ายและคนอื่น ๆ ก็ขอตัวกลับ

ช่วงที่ผ่านมางานในชนบทของเธอยุ่งเกินไป จึงต้องการกลับบ้านแต่หัววันเพื่อพักผ่อนให้เต็มอิ่ม

เถาจืออวิ๋นบอกว่า “อีกเดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

พี่ใหญ่เถาถามด้วยความลังเล “วันนี้เธอกับฉีฉีจะกลับบ้านแล้วเหรอ?”

นับตั้งแต่เถาจืออวิ๋นถูกหม่าเทากับครอบครัวตามรังควานครั้งล่าสุด สองแม่ลูกก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

แม่เถาเกลี้ยกล่อม “ใช่ว่าครอบครัวเรารองรับพวกเธอสองแม่ลูกไปตลอดไม่ได้ซะหน่อย อย่าเพิ่งกลับไปเลย ถ้าสัตว์ร้ายหม่ากับครอบครัวมาดักรอลูกอีกจะทำยังไง?”

เถาจืออวิ๋นตอบกลับ “นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉันไม่เห็นว่าครอบครัวสัตว์ร้ายพวกนั้นจะเคลื่อนไหวอะไร เดาว่าพวกเขาคงกลัวม่ายจื่อขึ้นสมอง คงไม่กลับมาอีกในเร็ว ๆ นี่แน่”

พ่อเถา แม่เถา และคนอื่น ๆ เห็นว่าเถาจืออวิ๋นยืนกรานที่จะย้ายกลับ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยหล่อนไป

หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานขับรถพาเถาจืออวิ๋นไปส่งที่เขตชุมชนของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ย จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกลับไปที่วิลล่า

เถาจืออวิ๋นวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้านทันทีที่กลับมาถึง เนื่องจากไม่มีใครอาศัยอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ภายในบ้านจึงมีฝุ่นสะสมเป็นชั้นบาง ๆ

ในขณะที่หล่อนกำลังยุ่งอยู่นั้น จู่ ๆ ป้าคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้สนทนากับหล่อนด้วยซ้ำก็แวะมาหาหล่อนถึงหน้าประตู

ถึงเถาจืออวิ๋นจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังต้อนรับขับสู้อีกฝ่ายด้วยความเป็นมิตร

ป้าคนนั้นโบกมือ “ไม่ต้องวุ่นวายหรอกเสี่ยวเถา ฉันแค่แวะมาบอกอะไรเธอหน่อย เดี๋ยวก็กลับแล้ว”

เถาจืออวิ๋นยื่นชาที่ตัวเองรินให้อีกฝ่าย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

“เธอคิดยังไงกับหัวหน้าหลู?”

ทันทีที่เถาจืออวิ๋นได้ยินแบบนั้น เธอก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ป้าคนนี้ก็มาจับคู่ตัวเองกับหัวหน้าหลูนั่นเอง

หล่อนนั่งลงตรงข้ามคุณป้า ตอบกลับอย่างสุภาพ “หัวหน้าหลูเป็นคนดีมาก ฉันคิดว่าเขาน่าจะเข้ากับอิงจื่อของคุณได้เป็นอย่างดี”

อิงจื่อเป็นลูกสาวคนโตของป้าคนนี้ สามีของหล่อนล้มป่วยและเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว ชีวิตของแม่ม่ายที่ต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงคนเดียวไม่ง่ายเลย

สีหน้าของคุณป้าแข็งค้าง “สภาพครอบครัวของอิงจื่อลำบากขนาดนั้น หัวหน้าหลูจะชอบหล่อนได้ยังไง?”

เถาจืออวิ๋นได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบกลับอะไร

คุณป้าจิบชาแล้วพูดต่อไป “เธอกับหัวหน้าหลูต่างหากที่เหมาะสมคู่ควรกัน”

เถาจืออวิ๋นขมวดคิ้วแล้วถามกลับ “งั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหมล่ะคะว่าเขากับฉันเหมาะสมคู่ควรกันยังไง? รูปร่างหน้าตา ภูมิหลังทางครอบครัว หรือว่าความสามารถในการหาเงิน?”

คำถามที่เฉียบคมของหล่อนทำให้แม่อิงจื่อตกอยู่ในอาการน้ำท่วมปาก

หล่อนแอบเหลือบมองเถาจืออวิ๋นด้วยความสับสนมาก ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ปากคอเราะรายนัก คำพูดคำจาพร้อมจะเชือดเฉือนคนอื่นตลอดเวลา แต่ก่อนบุคลิกของหล่อนออกจะอ่อนโยนแท้ ๆ

แม่อิงจื่อยิ้มเจื่อน “เสี่ยวเถา เธอจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก…”

ยังไม่ทันจะพูดจบ เถาจืออวิ๋นก็พูดขัดจังหวะหล่อนอย่างเย็นชา “บอกฉันมาตามตรงเถอะค่ะ​ คุณมาหาฉันถึงบ้านเพราะจุดประสงค์อะไร?”

แม่อิงจื่อถูกรังสีอำมหิตจากหล่อนครอบงำ จนพูดตะกุกตะกัก “ฉัน… แค่อยากจับคู่เธอกับหัวหน้าหลู”

“หยุดจับคู่มั่วซั่วได้แล้ว ฉันไม่มีความคิดจะแต่งงานใหม่!”

เถาจืออวิ๋นชี้ไปที่ประตูบ้านของตัวเอง “ฉันยังต้องทำความสะอาดบ้านอีกเยอะ ไม่มีเวลาพูดไร้สาระกับคุณ เชิญออกไปได้แล้ว!”

เมื่อเห็นว่าเถาจืออวิ๋นขับไล่ตัวเองอย่างไม่ไยดี ในที่สุดแม่อิงจื่อก็ทนระงับอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป สวนกลับด้วยความโกรธ “ฉันอุตส่าห์หวังดีอยากจับคู่ให้เธอแท้ ๆ ทำไมถึงปฏิบัติกับฉันแบบนี้?”

เถาจืออวิ๋นพูดด้วยความหยามหมิ่น “ฉันต้องการความหวังดีจากคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? อีกอย่าง คุณกล้าพูดว่าเป็นความหวังดีได้ยังไงกัน? ผู้ชายคนนั้นมีลูกติดตั้งสี่คน แม้แต่คุณยังไม่อยากได้เขามาเป็นลูกเขยด้วยซ้ำ แต่คุณกลับพยายามจะจับคู่เขาให้ฉัน นี่มันเรียกว่าหวังดีตรงไหน!”

แม่อิงจื่อพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันอธิบายให้เธอฟังแล้วไม่ใช่เหรอ? อิงจื่อของฉันไม่ดีพอสำหรับหัวหน้าหลู”

เถาจืออวิ๋นสวนกลับอย่างก้าวร้าว “หัวหน้าหลูเองก็ไม่ดีพอสำหรับฉันเหมือนกัน แต่คุณยังคิดจะโยงด้ายแดง คุณใช้อะไรเป็นตัวตัดสินกันแน่?”

แม่อิงจื่อถูกเถาจืออวิ๋นตอกหน้าเข้าก็หน้าแดงก่ำ “ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ไม่ว่าผู้ชายจะอายุเยอะแค่ไหน เขาก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่วันยังค่ำ ต่างจากผู้หญิงที่เคยหย่าร้าง ต่อให้จะมีคุณสมบัติดีพร้อมแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณค่าในตัวสูงส่งกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่หัวหน้าหลูจะไม่ดีพอสำหรับเธอ”

เถาจืออวิ๋นหรี่ตาลงอย่างมาดร้าย ตะโกนเสียงดัง “ไปให้พ้น!”

แม่อิงจื่อยังยืนกรานไม่ยอมจากไปท่าเดียว เถาจืออวิ๋นจึงหันหลังกลับไปหยิบมีดออกมาจากห้องครัว ทำท่าจะจ้วงแทงอีกฝ่ายอย่างห้าวหาญ “ถ้าไม่ยอมไปอีก ฉันจะแทงคุณซะ!”

แม่อิงจื่อเห็นแบบนั้นก็วิ่งเตลิดออกมาด้วยความตกใจ จนสะดุดกลิ้งตกบันไดไปหลายตลบ ทำให้ต้องเดินกะโผลกกะเผลกไปที่บ้านของหัวหน้าหลู

เขาตีหน้าเศร้าทำเหมือนว่าตัวเองยอมแพ้ เมื่อรู้ว่าเถาจืออวิ๋นไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

ภายนอกหัวหน้าหลูแสร้งพูดว่าไม่เป็นไร บอกว่าจากนี้จะจดจ่ออยู่กับเรื่องงานดีกว่า แต่ภายในใจยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเถาจืออวิ๋น

…………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จืออวิ๋นจะมีหวังกับจั๋วเยวี่ยไหมน้า​ ดูแล้วก็เหมาะกันอยู่นะ

เฮ้อ​ ผู้แปลขอแนะนำว่าจืออวิ๋นควรทำบุญกรวดน้ำคว่ำขันอะค่ะ​ มีแต่ผู้ชายที่ทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาติดพันเต็มไปหมดเลย​

ไหหม่า(海馬)