บทที่ 533 ซุ่มโจมตี
บทที่ 533 ซุ่มโจมตี
ผู้เฒ่ามี่กำลังรออยู่เมื่อซูอันกลับมาถึงห้อง
ซูอันตื่นตระหนกและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะมองหากล่องนั้นในครั้งต่อไปที่ข้าไปคฤหาสน์ตระกูลเว่ย…”
ผู้เฒ่ามี่ตัดบทเขาก่อนที่จะพูดจบ “ไม่จำเป็น สำหรับตอนนี้เจ้าไม่ต้องไปที่คฤหาสน์ตระกูลเว่ยอีกแล้ว”
“ไม่จำเป็น?” ซูอันตกตะลึง “ผู้อาวุโสพบสิ่งที่ท่านกำลังมองหาแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่ แต่ข้าพบทางออกแล้ว ต่อจากนี้ไป ข้าจะหามันด้วยตัวเอง” ผู้เฒ่ามี่กล่าวขณะมองไปที่ซูอัน
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ ถ้าเจ้ามีทางออกแล้วจะรบกวนข้าทำไม?!
ทำไมท่าทางของผู้ชายคนนี้ถึงแปลกจัง?
ดูเหมือนผู้เฒ่ามี่จะมองเขาเหมือนที่นักล่ามองเหยื่อของมัน หรือบางทีอาจเป็นวิธีที่พ่อครัวมองดูไก่ที่รอเชือด
ซูอันตัวสั่น ผู้ชายคนนี้เป็นคนกินเนื้อคนหรือเปล่า?
ผู้เฒ่ามี่ลุกเดินออกไป “นี่คือทั้งหมด ข้าแค่มาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าอย่าไปที่คฤหาสน์ตระกูลเว่ยอีก และเพื่อให้เจ้าดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้มากขึ้น”
“ดูแลความปลอดภัยของข้า?” ซูอันตกตะลึงชั่วขณะ ผู้ชายคนนี้ทำตัวเหมือนปีศาจ จากนั้นก็กลับกลายเป็นคนใจดีต่อไปอีก เขาสับสนไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องนี้
…
เมื่อถึงช่วงเวลากลางดึก เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องของฉู่ชูเหยียน
ตอนนี้เขามีวิชาบดบังเร้นซ่อนแล้ว การจะไปไหนมาไหนจึงง่ายอย่างเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มมาถึงด้านนอกแล้วลองผลักหน้าต่างเบา ๆ เมื่อพบว่ามันไม่ได้ลงกลอน เขาก็มีความสุขมากขึ้น
ฉู่ชูเหยียนจ้องมองที่หน้าต่างอย่างประหม่า นางหายใจออกด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นเขา “เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
ซูอันตกตะลึง เจ้าไม่ได้รู้คำตอบอยู่แล้วเหรอ? แถมเจ้ายังไม่ได้ลงกลอนหน้าต่างให้ข้าอีกต่างหาก! ทำไมเจ้าถึงถามแบบนี้?
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าฉู่ชูเหยียนขี้อาย ดังนั้นจึงไม่เปิดโปงนาง “แน่นอนว่ามันเป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้า!”
เมื่อคำพูดออกจากปาก ชายหนุ่มก็ดึงนางเข้ามากอดแน่น
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมือซุกซนของเขาโอบรอบตัวนาง นางหยิบกุญแจออกมามอบให้เขา “รับกุญแจนี้ไป ทีหลังเจ้าจะได้ไม่ต้องเข้ามาทางหน้าต่างอีก”
ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ภรรยาที่แสนขี้อายของตัวเองในที่สุดก็ยอมรับเขาแล้วในที่สุด!
“แต่ข้ารู้สึกว่าการเข้าทางหน้าต่างน่าตื่นเต้นกว่า” ซูอันพูดเบา ๆ ข้างหูของนาง
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกจั๊กจี้และเอนศีรษะของตัวนางเองออกไป “แต่ข้าไม่ชอบความรู้สึกที่มันทำให้ข้า…รู้สึกเหมือนเรากำลังทำอะไรผิด และการเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ยังทำให้ข้ารู้สึกกลัว ถ้ามีคนอื่นเข้ามาล่ะ?”
ซูอันเข้าใจความรู้สึกของนาง “ภรรยาของข้ายังคงละเอียดรอบคอบมากกว่าข้าเสมอจริง ๆ มาเร็ว มาจูบสามีของเจ้าสิ!”
“เจ้านี่มันน่ารำคาญ…” เสียงของฉู่ชูเหยียนฟังดูเหมือนไม่พอใจ แต่แขนของนางกลับคล้องคอผู้ชายที่กอดนางอย่างเสน่หา
วิธีแสดงความรู้สึกของฉู่ชูเหยียน มันทำให้ซูอันรู้สึกเหมือนเขากำลังจะระเบิด…
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาที่เขาอยู่กับเจิ้งตาน ชายหนุ่มชอบที่จะแสวงหาความตื่นเต้น แต่พอเวลาเขาอยู่กับฉู่ชูเหยียน เขาจะปฏิบัติกับนางด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ สีหน้าของซูอันก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้างราวกับอดกลั้นอะไรสักอย่างไว้ ฉู่ชูเหยียนมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่ล้ำลึกของนางเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ตอนนี้เจ้ากำลังยุ่งอยู่กับปัญหาของตระกูลฉู่! มันจะไม่ดีถ้าเจ้าตั้งครรภ์!” ซูอันพูดอย่างเป็นห่วง
ฉู่ชูเหยียนส่ายหัว นางหน้าแดงขณะที่พูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าสามารถใช้ พลังชี่ของข้าบังคับมันได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูอันจะยังคงรั้งตัวเองไว้ได้อย่างไร?!
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูอันและฉู่ฮวนเจาสังเกตว่าไป๋ซู่ซู่มีเบ้าตาสีดำ ๆ เขียว ๆ เช่นกัน ตาทั้งสองข้างของเขาบวมช้ำเหมือนกับลู่เต๋อเมื่อวันก่อน
ลู่เต๋อหัวเราะด้วยความสุข “โอ้โห นี่ไม่ใช่อาจารย์ไป๋ของเราหรอกเหรอ? เจ้าตื่นขึ้นมาชนกำแพงในตอนกลางคืนด้วยใช่ไหม? ฮ่า ๆๆ เจ้านี่เก่งกว่าข้าอีกนะ ของเจ้าสองข้างเลย!”
“เจ้าบ้าลู่เต๋อ! เจ้าคิดแผนมาแก้แค้นข้าเพราะความขมขื่นเมื่อวานเหรอ!?” ร่างกายของไป๋ซู่ซู่สั่นไปด้วยความโกรธ
“อย่ามาใส่ร้ายข้านะโว้ย! เจ้าทำตัวเอง! ข้าไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย!”
ลู่เต๋อรู้สึกสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกมืดหม่นจากวันก่อนได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง!
เขาเดินตัวลอยเข้าไปในสถาบันจันทร์กระจ่าง ผิวปากไปตลอดทาง
…
หลังจากนั้นในแต่ละวัน บรรดาอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่างก็ได้รับบาดเจ็บกันเรื่อย ๆ ทุกคนในสถาบันต่างตื่นตระหนก สถาบันจันทร์กระจ่างมีอาถรรพ์อะไรหรือไม่?
เจียงลั่วฝูกลับมาที่สำนักงานในตอนเย็น ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางเดินไปตามถนน ขาที่ยาวและสวยงามของนางส่องประกายระยิบระยับ อาจเป็นเพราะถุงน่องของนาง หรืออาจเป็นเพราะผิวของนางเปล่งประกายตามธรรมชาติ
ทันใดนั้นนางก็หยุดเดินและขมวดคิ้ว “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์แปลก ๆ ในสถาบันจันทร์กระจ่างช่วงนี้ใช่ไหม?”
“ตามคาด อาจารย์ใหญ่ของสถาบันจันทร์กระจ่าง ข้าคิดว่าข้าค่อนข้างระมัดระวังแล้ว แต่ก็ยังถูกค้นพบอยู่” ร่างผอมแห้งค่อย ๆ โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้
เขาสวมชุดสีดำมิดชิดปกปิดไปทั้งร่างกายจนถึงศีรษะเผยให้เห็นเพียงสองตา มันเป็นไปไม่ได้ที่เจียงลั่วฝูจะเดาได้ว่าเขาเป็นใคร
เจียงลั่วฝูมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าคือใคร? ทำไมเจ้าถึงตั้งเป้ามาที่อาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่างของเรา?”
บุคคลที่สวมชุดดำถอนหายใจ “ข้าหลงนึกไปว่าอาจารย์ใหญ่จะเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม แต่ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าสูงไป เจ้าก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่ข้าจะตอบคำถามของเจ้าแน่นอน แต่เจ้ากลับยังคงถามราวกับคนโง่!”
เจียงลั่วฝูพยักหน้า “เจ้าพูดถูก ข้าเลือกใช้คำได้ไม่ดี”
นางคลายปิ่นปักผมของนาง ผมยาวสลวยของนางที่เคยม้วนเป็นเกลียวร่วงหล่นลงมาราวกับน้ำตก
ชายชุดดำตกตะลึง แม้ว่าเขาไม่มีความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาสวยมาก ด้วยขาที่ยาวของนางและความมั่นใจที่นางมี เห็นได้ชัดว่านางเป็นสาวงามที่แม้แต่นางสนมของจักรพรรดิก็ไม่อาจหวังที่จะเปรียบเทียบได้
เจียงลั่วฝูเมื่อสังเกตเห็นความฟุ้งซ่านของอีกฝ่าย นางจึงใช้โอกาสนี้ชิงเคลื่อนไหวก่อน นางดีดตัวพุ่งไปหาอีกฝ่ายรวดเร็วราวกับสายฟ้า และเมื่อถึงระยะประชิด นางก็กำปิ่นปักผมหยกของนางแน่นและแทงเล็งไปยังดวงตาของบุคคลที่สวมชุดดำ!
หลายปีผ่านมาแล้วตั้งแต่ที่นางต่อสู้ครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แรงกดดันที่บุคคลนี้ส่งออกมานั้นมากเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่กล้าประมาท
แต่น่าเสียดายที่ปิ่นปักผมหยกของนางกลับหยุดลงห่างเพียงสองนิ้วจากใบหน้าของชายปริศนา
เขาใช้สองนิ้วคีบหยุดปิ่นปักผมหยกแล้วจากนั้นโคจรพลัง โดยใช้ปิ่นปักผมหยกเป็นสื่อกลางให้คลื่นพลังอันมหาศาลของตนเองรุกคืบไปหา เจียงลั่วฝู
คลื่นพลังอันรุนแรงหลั่งไหลผ่านมาทางปิ่นปักผมหยกจนทำให้เจียงลั่วฝูเกือบเสียการควบคุมมัน แต่นางเองก็หาใช่ว่าจะธรรมดา นางตอบโต้อย่างทันท่วงทีด้วยการสะบัดข้อมืออย่างแรง ทำให้ปิ่นปักผมหยกหมุนควงราวกับสว่าน
แรงของการหมุนทำให้ปิ่นปักผมหยกหลุดออกจากการควบคุมของชายชุดดำ
เจียงลั่วฝูใช้โอกาสนี้ในการตีลังกากลับหลัง เรียวขาสวยงามที่เว่ยสั่วหลงใหลตลอดเวลาได้กลายเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุด พวกมันทั้งคู่กระหน่ำฟาดซ้ำ ๆ ใส่ร่างของชายชุดดำ
ชายชุดดำต้องใช้ทั้งแขนและขาเพื่อป้องกันลูกเตะที่รุนแรงเหล่านี้
แต่เมื่อเขาพบช่องโหว่ที่จะตอบโต้ในที่สุด เจียงลั่วฝูกลับถอยทิ้งระยะห่างไปก่อนซะแล้ว นางจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง