บทที่ 534 พี่เขยดูซีดมาก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 534 พี่เขยดูซีดมาก

บทที่ 534 พี่เขยดูซีดมาก

“อายุยังน้อยแต่กลับแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ข้าขอชมเชยเจ้าอย่างแท้จริง” จู่ ๆ ชายชุดดำกลับพูดเหมือนผู้อาวุโสชื่นชมศิษย์ของตัวเอง แต่หลังจากพูดจบเขาก็โจมตีเช่นเดิม

หากมองอย่างผิวเผินการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่เร็วมากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมองดี ๆ จะพบว่าขณะนี้ร่างของชายชุดดำมันเหมือนกับว่าแยกออกเป็นสองร่างแล้ว!

เจียงลั่วฝูรู้ว่านี่เป็นผลมาจากความเร็วยิ่งยวดของฝ่ายตรงข้าม นางโบกมือ ปิ่นหยกของนางที่ลอยอยู่กลางอากาศก็แยกออกเป็นเก้าชิ้นเก้าสีเก้ารูปทรง

นางกรีดนิ้วสัมผัสที่ด้านหลังของปิ่นแต่ละอัน แล้วปิ่นทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาชายชุดดำราวกับลูกศร

ปิ่นแต่ละอันมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน พวกมันลากเส้นแสงหลากสีขณะบินผ่านอากาศด้วยเสียงหวีดแหลม แทงเข้าหาชายชุดดำราวกับกระบี่บินเก้าเล่ม

“น่าสนใจ” ชายชุดดำใช้นิ้วปัดปิ่นปักผมที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เขาค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าหานางอย่างมั่นคง

เจียงลั่วฝูไม่มีความสุขกับระยะห่างที่ร่นเข้ามา ยิ่งชายชราคนนี้เข้าใกล้ นางก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเท่านั้น

“คราวนี้พอเท่านี้ก็แล้วกัน ฮี่ฮี่ คนสวยขายาวของข้า…แค่ก ๆๆ” ผ่านไปครึ่งประโยค ชายชุดดำก็ไอค่อกแค่กออกมา ก่อนจะดีดตัวถอยหลังกลับ แล้วกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้า เตะเท้าราวกับเหยียบอากาศได้และพุ่งหายเข้าไปในหมู่เมฆและความมืดมิดของยามค่ำคืน

เจียงลั่วฝูกำลังจะหยิบกระดิ่งเล็ก ๆ ออกมา แต่นางก็เก็บมันไว้อีกครั้งเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของนางหนีไปแล้ว นางจึงมองไปทางที่เขาหายตัวไป “ข้าสงสัยว่าเขาอยู่ในระดับที่เก้าหรือระดับปรมาจารย์กันแน่?” นางกล่าวอย่างจริงจัง

ทั้งผู้บ่มเพาะระดับเก้าและสิบสามารถเหาะเหินบนอากาศได้ แตกต่างกันที่เวลาในการเหาะของผู้บ่มเพาะระดับเก้าจะน้อยกว่ามาก

ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะยังก้ำกึ่งอยู่ ดังนั้นมันจึงยากที่นางจะตัดสินระดับการบ่มเพาะที่แน่นอนของเขา

ชายชุดดำรีบออกจากสถาบันจันทร์กระจ่างอย่างรวดเร็วและหนีไปที่ห่างไกล เขาถอดผ้าคลุมหัวและเอาผ้าปิดปากออก จากนั้นอาการไอของเขาก็หยุดลง

เมื่อมองดูเลือดสีแดงเข้มที่เปื้อนผ้าปิดปาก ชายชุดดำก็พึมพำ “ชีวิตของข้าใกล้จะถึงจุดจบแล้ว…เจ้าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน…?”

ถ้าซูอันอยู่ที่นั่น เขาจะจำได้อย่างแน่นอนว่าเป็นผู้บ่มเพาะลึกลับจากคฤหาสน์ตระกูลเว่ย

สิ่งนี้จะนำเขาไปสู่ข้อสรุปว่าชายชราคนนี้กำลังสืบเรื่องเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่รู้เรื่องนี้เลย ชีวิตในแต่ละวันช่วงนี้ของชายหนุ่มผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข

ในตอนกลางวัน เขาและเจิ้งตานได้ทิ้งร่องรอยความรักไว้ทั่วทุกมุมลับตาในสถาบันจันทร์กระจ่าง ส่วนเวลากลางคืนเขาจะอยู่กับฉู่ชูเหยียนจนถึงฟ้าสาง

ฉู่ชูเหยียนไม่มีความประหม่าหลงเหลืออีกแล้ว ตอนนี้นางต้อนรับเขาอย่างใจเย็นและให้ความร่วมมือ…

วันหนึ่งหลังเลิกเรียน ฉู่ฮวนเจาก็มองซูอันอย่างตั้งใจ นางเดินวนรอบตัวของเขาสองสามรอบ

“เจ้ากำลังทำอะไร? มีอะไรติดหน้าข้าหรือไง?” ซูอันถูแก้มของเขาด้วยความสับสน

ฉู่ฮวนเจาไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป “พี่เขย ทำไมช่วงนี้ท่านดูหน้าซีดมากเลย”

ซูอันพูดไม่ออก

ฉู่ชูเหยียนและเจิ้งตานต่างก็มีความงามที่เหนือใคร แม้แต่ร่างกายของเขาที่หล่อหลอมโดยวิชาปฐมบทแรกเริ่มก็ไม่สามารถรักษาสภาพร่างกายให้สดชื่นได้ทุกวัน

“หรือว่าท่านทำงานหนักมากเกินไป? แต่ก็อย่างว่าแหละ ท่านเป็นทั้งนักศึกษาและอาจารย์ในเวลาเดียวกัน บางทีท่านควรขอให้อาจารย์ใหญ่จัดชั้นเรียนให้ท่านน้อยลง” ฉู่ฮวนเจาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเขาอย่างชัดเจน

ซูอันหน้าแดงด้วยความเขินอาย “ไม่ต้องห่วง ข้ายังพอไหวอยู่”

“เอาแบบนี้ดีกว่า พวกเราไปขอยาจากจี้เสี่ยวซีสักหน่อย หรือถ้านางยังพยายามหลบหน้าท่านอยู่เหมือนเดิม ข้าจะเป็นคนไปขอยากับนางให้เอง” ฉู่ฮวนเจากล่าว

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านของหมอเทวะจี้เอง ไม่สิ อันที่จริงข้าจะไปเดี๋ยวนี้นี่แหละ! เจ้ากลับบ้านไปก่อนเลย” ซูอันต้องพูดแบบนี้เพื่อโน้มน้าวฉู่ฮวนเจาให้กลับบ้านก่อน

ถ้าฉู่ฮวนเจาตามเขาไปที่บ้านของจี้เติ้งถูและได้เรียนรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงดูซีดเซียว ถึงตอนนั้นนางคงจะฆ่าเขาที่นั่น

อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักของเขาในการไปพบหมอเทวะจี้ก็ไม่ใช่เพื่อการรักษา แต่เขาต้องการยาฟื้นฟู…

เคล็ดการบ่มเพาะของเขาทำให้ชายหนุ่มต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลมากมาย ประสบการณ์ไม่กี่ครั้งล่าสุดได้สอนให้เขารู้ว่าการพกยาฟื้นฟูติดตัวตลอดมีความสำคัญเพียงใด

ทางเข้าเรือนตระกูลจี้ยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ซูอันที่นับได้ว่าเป็นคนคุ้นเคยเดินตรงไปที่ลานด้านหลังทันที

พูดตามตรง ซูอันไม่อยากพบกับหมอโรคจิตคนนี้จริง ๆ ครั้งล่าสุดเขาแกล้งอีกฝ่ายโดยการให้หนังสือที่นางเอกมีชู้แก่หมอเทวะจี้ และเมื่อรวมกับเหตุการณ์ล่าสุดกับจี้เสี่ยวซี มันเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ตาแก่นั่นจะฆ่าเขาทันทีที่พบกัน

อย่างไรก็ตาม จี้เสี่ยวซีได้เพิกเฉยต่อเขาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถซื้ออะไรจากนางได้ ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ของเขาคือมาหา จี้เติ้งถู

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเขาก็ชนกับเจียงลั่วฝู

อีกฝ่ายก็ตกใจ “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

“ข้าอยากซื้อยาฟื้นฟูจากหมอเทวะจี้” ซูอันไม่ได้รู้สึกแปลกที่ได้เห็นนางที่นี่ เพราะนางเป็นญาติของจี้เติ้งถู

ถ้าข้ารู้ว่านางอยู่ที่นี่ด้วยข้าคงจะเดินเร็วขึ้นอีกนิดและ ‘บังเอิญ’ ชนนาง!

เจียงลั่วฝูบ่นพึมพำก่อนจะเดินจากไปอย่างสง่างาม ทันใดนั้น นางก็หันกลับมาและพูดว่า “อ้อ เวลาเจ้าอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่างเจ้าต้องระวังแล้วนะ”

“ทำไม?” ซูอันตกตะลึง ทำไมนางเตือนเขาแบบนี้?

หรือว่านางรู้เรื่องที่เขากับเจิ้งตานชอบทำกันในสถาบันแล้ว?

“มีผู้บ่มเพาะลึกลับมาวนเวียนอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง เรายังไม่ทราบจุดประสงค์ของเขา แต่เจตนาของเขาเป็นอันตรายอย่างแน่นอน” เจียงลั่วฝูขมวดคิ้วขณะที่นางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอบคุณสวรรค์ที่กิจกรรมของเขากับ เจิ้งตานยังเป็นความลับ

หลังจากที่เตือนเขาแล้ว เจียงลั่วฝูก็จากไป ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดของนางเอง

ในขณะเดียวกันนี้เอง จี้เสี่ยวซีก็เดินออกมาพร้อมกับตะกร้าหวายที่เต็มไปด้วยส่วนผสมของยา ดวงตาของซูอันสว่างขึ้น เขารีบวิ่งไปหานางทันที

แน่นอนว่าจี้เสี่ยวซีตื่นตกใจและหันหลังหนีเหมือนเห็นผี…

ซูอันกำลังจะไล่ตามนาง แต่จี้เติ้งถูปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที พร้อมตวาดเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้เจ้าเด็กบ้า เจ้าคิดจะรังแกเสี่ยวซีของข้าเหรอ!?”

ซูอันตกใจกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของอีกฝ่าย เขารีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ!”

บัดซบเอ๊ย! ข้าคงตายไปแล้วถ้าเขารู้ว่าข้าเห็นลูกสาวของเขาเปลือยเปล่าแถมยังจับเนื้อต้องตัวนางอีกต่างหากด้วย!

“แล้วทำไมเสี่ยวซีถึงหนีไปทันทีที่นางเห็นเจ้า!” จี้เติ้งถูสอบสวน

สมองของซูอันประมวลผลด้วยความเร็วแสง “บางทีข้าอาจจะมีเสน่ห์เกินไป? เป็นเรื่องปกติที่สาว ๆ จะเขินอายต่อหน้าคนที่แอบรักใช่ไหม?”

จี้เติ้งถูโกรธจัด “เจ้ากำลังพูดว่าลูกสาวของข้าจะตกหลุมรักคนอย่างเจ้างั้นเหรอ!?”

ท่านยั่วยุจี้เติ้งถูสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!