บทที่ 491 ที่บ้านขาดหลานสาวไหมคะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 491 ที่บ้านขาดหลานสาวไหมคะ?

บทที่ 491 ที่บ้านขาดหลานสาวไหมคะ?

จู่ ๆ เสี่ยวเถียนก็เสนอให้ทุกคนได้รู้จักกับเชฟผู้ทำอาหาร พวกเขาจึงมีปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไป

สองพี่น้องชาวต่างชาติไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจแต่อย่างใด เวลาไปต่างประเทศ หากอาหารอร่อยแล้ว เราอยากจะเจอเชฟด้วย มันก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าแบบเรา ๆ จะเป็นฝ่ายริเริ่มความคิดนั้นอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้คริสติน่าก็อยากจะเจออีกฝ่ายนะ แต่พอพิจารณาจากวัฒนธรรมที่ต่างกันของประเทศจีน เธอจึงไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเถียนจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

ฟ่านชูฟางตื่นเต้นจนเกือบลืมเตรียมตัวให้เพียบพร้อม

ส่วนรัฐมนตรีเฉียนสับสนงงงวย และคิดว่าเสี่ยวเถียนประมาทเกินไป เราจะพาเชฟออกมาทำไม? แขกต่างชาติจะพอใจหรือเปล่า?

แขกไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากพูดด้วยซ้ำ แล้วเธอจะพูดขึ้นมาทำไม? มีมารยาทบ้างหรือเปล่าเนี่ย?

เขามองคริสติน่าและออกัสอย่างระมัดระวัง

“จริงหรือ? ที่รัก ฉันอยากจะเจอเชฟคนนี้จังเลย” ใบหน้าเล็ก ๆ ที่แสนตื่นเต้นของคริสติน่าแดงก่ำ

เสี่ยวเถียน “…”

มีความสุขอะไรขนาดนั้น?

“ฉันได้ยินมาว่าประเทศจีนมีเทพเซียนด้วย เชฟคนนี้เป็นเทพเซียนหรือเปล่า?”

แล้วคริสติน่าพูดเรื่องเทพเซียนออกมารวดเดียว จนเสี่ยวเถียนเกือบหลุดหัวเราะลั่น ความรู้ของเธอไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ!

ออกัสไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ว่าตัวเขาไม่ได้คัดค้าน จึงปล่อยเลยตามเลย

คริสติน่ายิ้มสดใส ก่อนจับมือเสี่ยวเถียนแล้วเอ่ยซ้ำ ๆ

“เร็วเข้าที่รัก ฉันรอไม่ไหวแล้ว!”

เสี่ยวเถียนเอ่ยว่าให้รอก่อน แล้วออกไปเชิญคุณย่าซูมาด้วยตัวเอง

พอหญิงชรารู้เช่นนั้นก็ถอยกรูดหนีด้วยความตกใจ โบกมือพัลวันจนแทบจะรวมกัน

“หลานรัก ไม่รู้หรือไงว่าย่าเป็นยังไงน่ะ? ย่าไม่ไปหรอกนะ ไม่เอาด้วยหรอก!”

คุณย่าซูไม่เคยมีนิสัยขี้ขลาดขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดคุณปู่ซูเห็นแล้วยังอดขำไม่ได้เลย แต่เดิมก็คิดว่าไม่ใช่คนกลัวอะไร แต่ไม่คิดว่าคุณย่าซูจะมีท่าทางแบบนี้ด้วย!

ประจวบเหมาะกับเห็นรอยยิ้มขบขันของสามี จึงทำให้คุณย่าซูเกิดอาการหัวเสีย “ตาแก่ ทำไมต้องยิ้มแปลก ๆ แบบนั้น?”

คุณปู่ซูที่ถูกโดนด่าโดยไร้เหตุผลก็อดโต้กลับไม่ได้ “ฉันเคยคิดว่าเธอไม่กลัวอะไร แต่กับคนต่างชาติกลับกลัวหรือ?”

และด้วยนิสัยที่ไม่ยอมให้คนโดนดูถูกของคุณย่าซูนั้น พอโดนสามีพูดแบบนั้นเธอก็หายกลัวทันที

“ตาแก่ พูดจาอะไรของแก? แกนั่นแหละที่กลัว!”

อิจฉาสินะ ต้องอิจฉาแน่นอน!

“ฉันแค่รู้สึกว่าฉันอายที่จะออกไปในสภาพแบบนี้”

เธอพูดและมองเสื้อผ้าเนื้อหยาบบนร่างด้วยความขยะแขยง ไม่อายหรือไงที่ต้องใส่ชุดนี้ออกไปน่ะ?

คุณปู่ซูร้องเหอะ “ไม่กล้าก็ไม่กล้าสิ จะมาหาเหตุผลไปทำไม? ฉันไม่หัวเราะเยาะเธอหรอก!”

คุณย่าซูโกรธ “กลัวแกจะหัวเราะเยาะ? ตาแก่ ตั้งแต่เข้าเมืองมา แกก็เปลี่ยนไปมากนะ หรือจะชอบหญิงอื่นแล้ว?”

คุณปู่ซู “…”

พูดเรื่องอะไรน่ะ?

ทำไมหัวข้อมันถึงเปลี่ยนไปเป็นเขาชอบหญิงอื่นได้? เหลียงซิ่วยังตกใจเมื่อฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่ เรื่องที่พูดมันก้าวกระโดดไปหน่อยไหม?

“ยายแก่นี่ พูดอะไรต่อหน้าลูกหลานน่ะ?”

“แล้วแกจะกดดันฉันทำไม?” หญิงชราไม่ทนอีกต่อไป

“ก็ได้ ฉันไม่กดดันเธอแล้วก็ได้ เรื่องอาหารเธอก็ไม่ต้องให้ฉันบอกแล้วกัน!”

ว่าจบชายชราก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเถียนเห็นแบบนั้นก็หัวเราะคิกคัก!

คุณย่าซูอยากจะด่าต่อนะ แต่คิดคำไม่ออกจึงได้แต่กระทืบเท้าด้วยความโมโห

“คุณย่าเต็มใจให้คุณปู่ดูถูกหรือคะ?” เด็กสาวยิ้มหยอกเย้า

แน่นอนว่าคุณย่าซูไม่ต้องการอยู่แล้ว หญิงชราดึงปมเชือกผ้ากันเปื้อนแล้วใช้มือลูบผมเผ้า

“ไปกันเถอะ ก็แค่พวกหัวทองตาฟ้าเอง ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเสียหน่อย เราจะกลัวอะไรล่ะ?”

เสี่ยวเถียนยิ้มอย่างมีชัย ก่อนพาคุณย่าไปที่ห้องส่วนตัว แต่ระหว่างทางกลับก็หยุดชะงักอีกครั้ง และคว้าเสื้อของเสี่ยวเถียนเอาไว้ สีหน้าของคุณย่าซูดูไม่ได้เลย

“หลานรัก ให้แม่ของหลานไปดีกว่าไหม? ทำไมจู่ ๆ ขาของย่าก็สั่นไปหมดเลย?”

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าคุณย่าของเธอกำลังหวาดกลัว สิ่งที่คุณปู่พูดนั้นถูกต้อง ไม่มีทางที่ย่าผู้กล้าหาญจะไม่กลัวหรอกนะ! แต่ไม่ว่ายังไงทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป

“คุณย่ากลัวอะไรคะ ชาวต่างชาติก็คนเหมือนเรา มีสองตา หนึ่งจมูก หนึ่งปากเหมือนเราเนี่ยแหละ!”

“แต่ย่าไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด!”

“แต่หนูเข้าใจ เข้าไปกันเถอะค่ะ!”

เด็กสาวดึงหญิงชราเข้าไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายลังเลอีกต่อไป แบบนี้สิดีที่สุด กว่าคุณย่าจะคิดทันก็สายไปแล้ว

กระทั่งหญิงชราโดนผลักเข้าไปในห้องจนเกือบจะเสียหลัก ถึงเธอจะบ่นอุบอิบ แต่ก็ยังรู้วิธีรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่ หญิงชรายืนตัวตรงแล้วยิ้มให้กับลูกค้าที่โต๊ะ

ขณะที่ทุกคนกำลังรอเชฟผู้ทำอาหารเลิศรสออกมา จู่ ๆ ก็มีหญิงชราเดินเข้ามาในห้องเสียอย่างนั้น

ทุกคนนิ่งเฉย ไม่ได้ตอบสนองอะไร

“เสี่ยวเถียน เธอไปเชิญเชฟมาไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะ?” รัฐมนตรีเฉียนถามขึ้นเป็นคนแรก

สรุปแล้วเรื่องหออีหมิงมีความเป็นมายังไงกันแน่นะ? ที่นี่ไม่ใช่ร้านของรัฐด้วยซ้ำ ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย!

“คุณออกัสคะ คุณคริสติน่าคะ ให้ฉันได้แนะนำเชฟท่านนี้ให้ทุกคนได้รู้จักนะ ท่านนี้เป็นคุณย่าของฉันเองค่ะ เป็นเชฟของหออีหมิง”

เสี่ยวเถียนพูดเป็นภาษาเยอรมัน แล้วค่อยแปลออกมาเป็นภาษาจีน

เมื่อคริสติน่าได้ยินก็ดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น

“พระเจ้า! ที่รัก ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นลูกหลานของเชฟในวัง!”

แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาเสี่ยวเถียนมึนงง อีกฝ่ายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนกัน?

ฟ่านชูฟางที่เห็นท่าทางของหลานสาวก็หัวเราะร่า ยัยเด็กคนนี้ไปคุยโม้มาล่ะสิว่าย่าเป็นทายาทเชฟในวัง เพราะงั้นเธอก็ต้องเป็นหลานของทายาทคนนั้นด้วยไม่ใช่หรือไง?

คริสติน่าเป็นคนที่ตลกดีนะ

รัฐมนตรีเฉียนสับสนกว่าเดิม หออีหมิงเป็นของครอบครัวซูเสี่ยวเถียน?

สรุปแล้วตระกูลซูกับตระกูลต่งมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?

เขาอดไม่ได้ที่จะมองสลับไปมาระหว่างฟ่านชูฟางและคุณย่าซูบ่อยอยู่ครั้ง

ทางผู้อำนวยการทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าหออีหมิงเป็นของเสี่ยวเถียน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเชฟคือคุณย่าของเธอ

ทว่าเมื่อเทียบกับปฏิกิริยาของคนอื่น ๆ พวกเขาสุขุมกว่ามาก

เมื่อครู่นี้คุณย่าซูรู้สึกกลัวก่อนจะเข้าไปในห้อง แต่หลังจากนั้นเธอก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยทักทาย “สวัสดีค่ะ!”

เสี่ยวเถียนรีบแปลทันที

“โอ้! ที่รัก คุณย่าของเธอเป็นมิตรจังเลย!”

เอ๊ะ?

เสี่ยวเถียนผงะ ทำไมถึงพูดเรื่องย่าเป็นมิตรแทนล่ะ? ตั้งแต่เข้ามาก็เพิ่งทักทายไม่ใช่หรือไง

ในไม่ช้าเธอก็ตอบสนองได้ ที่คริสติน่าอารมณ์ดีขนาดนี้ต้องเป็นเพราะอาหารแน่ ๆ

จากนั้นเสี่ยวเถียนก็ได้ยินประโยคต่อมา “คุณย่าที่เคารพรักคะ คุณยังขาดหลานสาวอยู่ไหมคะ? ขาดหลานสาวชาวต่างชาติสักคนหรือเปล่า?”